posttoday

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

30 กรกฎาคม 2560

ระยะทางร่วม 3,000 กิโลเมตร จาก จ.สุโขทัย ไปกลับ จ.นราธิวาส ที่หัวใจของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ ร้องไห้ตลอดทาง

โดย...มัลลิกา นามสง่า

ระยะทางร่วม 3,000 กิโลเมตร จาก จ.สุโขทัย ไปกลับ จ.นราธิวาส ที่หัวใจของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ ร้องไห้ตลอดทาง แม้บางขณะจะไร้น้ำไหลรินจากดวงตา หากแต่มันก็ยังไหลบ่าอยู่ข้างในจนท่วมจิตใจ ระหว่างทางที่รถหักเลี้ยวแล่นไปบนถนนดำทะมึน มีเสียงสะอื้นดังครวญแข่งกับเสียงเครื่องยนต์

ในวัย 16 ปี ชีวิตของหญิงสาววัยแรกแย้ม น่าจะผลิบานอย่างแจ่มใส กลับแห้งเหี่ยว เพราะที่พึ่งเพียงคนเดียวได้จากไป เธอคิดว่า ชีวิตของเธอจะสูญสิ้นตามลงไปเสียด้วยซ้ำ

“ดรุณี สุทธิพิทักษ์” ในวันนั้น เธอไม่เคยมองเห็น หรือคาดหวังเลยว่า ชีวิตจะมาถึงทุกวันนี้ได้ วันที่ทุกคนรู้จักและจำจดเธอได้จากเสียงร้องเพลง ผู้สร้างรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะให้กับผู้ชม ในนาม “เป็กกี้ ศรีธัญญา”

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

ชีวิตเหมือนนกปีกหัก ไร้รัง

ตอนนี้เป็กกี้มีชื่อเสียง เงินทอง คนรักที่ดี บ้านหลังงาม รถหรูราคาเป็นล้าน แต่เมื่อย้อนอดีต ก็จะเข้าใจได้ว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงดูแกร่ง เพราะความจน ความยากลำบาก ได้เคี่ยวกรำให้เธออดทน ต่อสู้ จนสามารถพลิกชีวิต และเป็นอีกหนึ่งคนตัวอย่าง ที่สะท้อนให้เห็นว่า อย่าใช้ความจนมาเป็นข้ออ้างในการเป็นคนไม่ดี อย่าใช้ครอบครัวที่ร้าวฉานมาเป็นข้ออ้างในการทำตัวเหลวแหลก

เป็กกี้เติบโตมาใน จ.สุโขทัย มีคุณแม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ส่วนพ่อนั้นเธอไม่เคยเอ่ยปากถามแม่ว่า พ่อไปไหน เป็นหรือตาย เพราะแม่เติมเต็มความรักให้ ไม่ทำให้รู้สึกว่า ขาดความอบอุ่น

ชีวิตเธอเติบโตมาอย่างปกติสุข จนเมื่ออายุ 16 ปี ปลายสายจากแดนใต้ก็นำสารร้ายมาให้ “แม่โดนยิง” เธอยังไม่ทันได้คิดด้วยซ้ำว่า ผลออกมา ตาย หรือรอด หรืออาการสาหัส

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

“เสียชีวิตแล้ว” สิ้นเสียงที่ทำให้เธอสิ้นความหวังตามไปด้วย ไม่มีโอกาสแม้จะวิงวอนอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ให้แม่รอดชีวิต

“ตอนนั้นเป็กอยู่กับพี่เลี้ยง แม่ไปติดต่อธุรกิจ มีร้านอาหารที่นู่น แล้วโดนยิง เราก็เหมารถตู้จากสุโขทัยไปรับแม่ ร้องไห้ทั้งขาไปขากลับ นั่งข้างศพแม่มาก็ร้องไห้ หัวใจสลายบนรถตู้ เคว้งคว้าง รู้สึกไม่เหลือใคร ตอนนั้นได้เพื่อนแม่ช่วยจัดการเรื่องพิธี พอเสร็จงาน เงินที่มีอยู่จัดการใช้หนี้สินต่างๆ แล้วเหลือไม่มาก บ้านก็ไม่มี ตอนนั้นเหลือเงินกำเดียวในมือ กำเดียวจริงๆ”

“จะอยู่ จะกินยังไง” ความคิดที่วาบเข้ามากระทบความรู้สึก หวั่นเกรงไปหมด เพราะไม่มีญาติที่ไหน โชคดีที่เพื่อนสนิทยื่นมือเข้ามาช่วย ให้ไปอาศัยที่บ้าน และนั่นเป็นสถานที่แรก ทำให้เป็กกี้ซึมซับศิลปะการแสดง

“บ้านเพื่อนฐานะปานกลาง มีคณะลิเก ก็มีโอกาสได้ฝึกร้องเล่นบ้าง ตอนนั้นเงินก็จะหมดแล้ว กินอยู่กับเขาก็มีลิมิตว่ากินเท่านี้ บางวันก็ไปตกปลาหาปลามาทำกินเอง ทุกวันนี้ยังติดต่อเพื่อนอยู่ ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

ตอนนั้นเรายังเด็ก ไม่มีที่ปรึกษา ไม่มีที่พึ่งเรื่องคดีความของแม่เลย ไม่รู้อะไรต้องทำยังไง ไม่เคยพบเจอ เป็นความรู้สึกปล่อยไปตามมีตามเกิด ตอนนั้นเคว้งไปหมด เราไม่ทันตั้งตัวเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจะทำยังไงกับมันต่อ ชีวิตลำบากมาก ไปเรียนบ้าง ไม่ไปเรียนบ้าง ชีวิตทุลักทุเล”

หลังจากอยู่มา 1 ปี เธอก็ได้เจอญาติคนแรกในชีวิต “มีคุณลุง ญาติทางฝ่ายแม่มาตามหา แล้วรับมาอยู่ด้วยที่ จ.ชลบุรี ก่อนหน้านี้แม่ไม่เคยติดต่อใครเลย เราก็ไม่รู้ว่ามีญาติอยู่ที่ไหนบ้าง ลุงก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน ลุงก็ตามหาเรามานานแล้ว แต่กว่าจะเจอ”

อยากมาสายสวย แต่ได้สายฮา

ไปอยู่กับลุง เป็กกี้พยายามหนีออกจากบ้านหลายครั้ง เพราะทนกรำงานหนักไม่ไหว แต่สุดท้ายก็รู้ว่า งานที่เธอทำตลอดคืน ตั้งแต่อายุ 18 ปี จนถึง 30 ปีนั้น ส่งผลให้เธอกลายเป็นเป็กกี้ ศรีธัญญา ในวันนี้

“ไม่รู้จักใครเลย ต้องปรับตัวมาก ก็อยู่ไปตามสภาพ เพราะลุงไม่ได้มีฐานะร่ำรวย แต่ลุงเป็นคนดีมากๆ ตอนนั้นเรามีภาวะจิตที่เศร้าสร้อย แล้วไม่สนใจทำอะไร ลุงเลยเข้มงวดสูง ให้เรามีระเบียบวินัย ช่วง 2-3 ปี ทำงานหนักมาก จากที่คิดถึงแม่ นอนร้องไห้เกือบทุกคืน พอทำงานเสร็จหลับสนิทเลย

บ้านลุงทำเครื่องเสียง แล้วเราชอบร้องเพลงอยู่แล้ว ก็ได้ช่วยงานลุงเต็มที่ ไปตั้งเครื่องเสียง ไปร้องเพลงก็ทำได้ ช่วยงานลุงอยู่หลายปี ทำมาจนทำอะไรได้ทุกอย่าง ยกลำโพง ตั้งเวที ติดไฟ รู้ขั้นตอนหมด จนลุงไว้ใจให้ไปกับพวกลูกน้องได้ เราก็สั่งงานได้หมด ตั้งเครื่องเสร็จก็กลับบ้านไปอาบน้ำ มาเป็นนักร้อง เก็บเครื่องเสียงกลับบ้าน นอน ทำแบบนี้มาเรื่อยๆ ก็เก็บประสบการณ์

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

ตอนนั้นมีเกเรบ้าง ขโมยรถไปขี่จนคว่ำบ้าง เกเรหนีออกจากบ้าน เพราะทำงานหนัก ไม่อยากทำ เบื่อแล้ว ด้วยความงอแง มีจุดเดือด อยากไปทำอะไรด้วยตัวเอง พยายามหนีอยู่ 4 ครั้ง แต่ไปแล้วไม่รอดก็กลับมาอีก หนีไปทุกครั้ง แล้วโทรให้ลุงไปรับ เพราะชีวิตข้างนอกโหดร้ายกว่านี้อีก อยู่คนเดียว เคว้างคว้าง แต่อยู่กับลุงทำงานหนักแล้วเหนื่อย เหมือนจะอยู่ไม่ไหว แต่ก็ดีกว่าข้างนอกมาก ทุกครั้งที่ปฏิวัติ เพราะต้องการจะขึ้นเงินเดือน (หัวเราะ)”

นอกจากช่วยงานลุง เป็กกี้ยังรับจ้างทำอีกหลายงาน และเธอก็เริ่มจริงจังกับการร้องเพลง ร้องตั้งแต่ได้ค่าตัว 150 บาท ขึ้นมา 300 บาท 500 บาท จนถึง 1,000 บาท ภายในเวลา 12 ปี

“เป็นนักร้องในโรงแรม ร้องแจ๊ซในบาร์ ร้องตามเวทีงานต่างๆ ก็ไป เราชอบแนวเอนเตอร์เทนต์ ก็ฝึกบนเวทีที่เราร้องเพลงนั่นแหละ ประสบการณ์สอนเราเอง ตอนนั้นมีคนดังหลายคน อย่าง เจเน็ต เขียว ชอบที่เขาเล่นมุข ตอนนั้นเราไม่อยากเป็นก๊อบปี้โชว์ อยากเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์

เคยหนีลุงเข้ากรุงเทพฯ มาพระราม 9 คาเฟ่ ดูตลก นั่งจดมุข แล้วไปประยุกต์เล่น มีฮาบ้าง ไม่ฮาบ้าง เคยสมัครพวกฮอลลีวู้ด นักร้องในเทค พวกใส่กางเกงขาสั้นๆ แต่งตัวสวยๆ สมัครหลายที่เขาไม่รับ สงสัยเราไม่มีแววเซ็กซี่ ไม่ใช่จังหวะชีวิตเรา ตอนนั้นคงยกเครื่องเสียงตัวดำ ทำงานตรากตรำ ทำงานแบกหามเลยละ”

เป็กกี้ เล่าว่า ต้องขอบคุณงานหนักที่ทำมากว่าครึ่งชีวิต เพราะสิ่งที่ตอบแทนจากการทำงานหนัก คือ ประสบการณ์ จนมีคนมาติดต่อให้ออกเทป มีโอกาสได้ไปออกรายการตีสิบ มีคนชวนเล่นหนัง เมื่อโอกาสสู่หนทางบันเทิงเปิด เธอจึงบอกกับลุง ขอย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ และขอจัดการชีวิตของตัวเอง ทว่าระหว่างนั้นก็ยังติดต่อลุงอยู่เสมอ เพราะเป็นผู้มีพระคุณ (ทุกวันนี้ลุงก็อยู่ทำงานด้วยกัน)

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

“เราต้องการทำงานเพื่อสร้างอนาคตของตัวเอง ทำงานอยู่กรุงเทพฯ ซื้อคอนโด มีงานละคร ร้องเพลงบ้าง แต่ยังไม่มีคนรู้จัก จนเจอพี่ที่เจเอสเอล เชียร์ให้ไปออกรายการกิ๊กดู๋ สงครามเพลง มาเป็นเงาเสียงหญิงลี ถือเป็นโอกาส หลังจากนั้นเปรี้ยงเลย ชีวิตเปลี่ยน”

อยากให้แม่เห็นเป็กกี้ในวันนี้

เป็กกี้ ศรีธัญญา จัดเป็นสุดยอดเงาเสียงตัวท็อปจากรายการ กิ๊กดู๋ สงครามเพลง ของค่ายเจเอสเอล โด่งดังสุดๆ จากช่วงประชันเงาเสียง หญิงลี ศรีจุมพล และยังมีเงาเสียงของ ใบเตย อาร์สยาม จ๊ะ อาร์สยาม

ถึงตอนนี้ เธอโด่งดังไม่น้อยไปกว่าบุคคลต้นแบบ อยากได้คิวต้องจองกันล่วงหน้าเป็นเดือน ด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่น ตลกไม่ห่วงสวย เต็มที่กับทุกบทบาท ร้องเพลงก็เพราะ พูดจาฉะฉาน จึงเนื้อหอม มีงานรุม เป็นพิธีกรรายการสนามข่าวบันเทิง จันทร์พันดาว เปลี่ยนหน้าท้าโชว์ ร้องได้ให้ล้าน เป็นอาทิ

“ชีวิตทุกวันที่ตื่นนอน อาบน้ำเสร็จ มองตัวเองในกระจกแล้วร้องว้าว จากนอนขดตัวที่ข้างโลงศพแม่ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เรามีบ้านอยู่ นอนบนเตียงหลับสบาย เวลาตื่นนอนยังมีคิดๆ ว่า นี่เป็นความฝันหรือความจริง อยากให้แม่อยู่ตรงนี้แล้วเห็นมันเหลือเกิน”

การที่เป็กกี้มาถึงจุดนี้ เพราะเธอคิดเสมอว่า จะต้องหลุดพ้นจากงานแบกหามหนักๆ และเมื่อมาถึงจุดสำเร็จหนึ่งในชีวิต เธอต้องการรักษาให้ดีที่สุด

“ความมุ่งมั่นในการทำงาน ความทุ่มเทในอาชีพ อดทน อดกลั้น มีระเบียบกับตัวเอง สำคัญสุด พร้อมที่จะรับโอกาสที่จะมาถึง เพราะถ้าเราไม่พร้อม โอกาสดีขนาดไหนเราก็ทำมันไม่ได้ เมื่อก่อนเข้าวงการใหม่ๆ เงินหาได้เท่าไรก็ใช้หมด กินเที่ยวหมด ยังเกเร จนหลังจากออกรายการ กิ๊กกับดู๋ ก็คิดได้ เราเที่ยวเยอะแล้ว ดื่มมาพอแล้ว ต่อไปเราจะทำงาน เพื่อพร้อมรับโอกาส หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตก็ดีขึ้น บอกตัวเอง ขอโทษที่มีระเบียบเพราะเราตามใจเธอมานานแล้ว”

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ

บุหรี่ที่เคยสูบจนติดมาเป็นสิบกว่าปี ก็ตัดสินใจเลิกเด็ดขาดได้เมื่อ 5 ปีนี้เอง “สูบมาตั้งแต่อยู่สุโขทัย วันละ 1-2 ซอง ที่ตัดสินใจเลิกได้ พิจารณาตัวเอง ผู้หญิงสูบบุหรี่ มีความแก่ เหงือกดำ กลิ่นตัวเหม็นหึ่งเลย แล้วเรามีอาชีพขายเสียง บุหรี่บั่นทอนเสียงมาก เลยตัดสินใจเลิกบุหรี่ ทำอยู่ 3 ครั้ง กว่าจะสำเร็จ

พอเลิกได้ เรารู้เลยว่า ทำไมโง่งมอยู่ตั้งหลายปี ปล่อยให้มันทำร้ายเรา ไม่ได้เลิกยากเลย ไม่มีอาการลงแดง ไม่ได้รู้สึกจะตายเลย อยู่ที่ใจเรา ไม่พยายามที่จะเลิกต่างหาก”

ชีวิตจากคนไร้บ้าน ขาดญาติมิตร เงินติดตัวไม่มีสักกะแดง กลับพลิกชีวิตขึ้นมาได้ เป็กกี้จึงอยากให้เรื่องราวของเธอเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังหดหู่ ท้อแท้กับชีวิต หมดอาลัยกับโชคชะตา ลุกขึ้นมาสู้

“มนุษย์ทุกคนเกิดมาเพื่อต่อสู้ฟันฝ่าอยู่แล้ว มันคือวงเวียนชีวิต ไม่ว่าเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เห็นอุปสรรคเป็นสนามเด็กเล่นจะได้มีความสุขในการก้าวข้าม เราจะฟันฝ่าไปอย่างมีความสุข

ทุกวันนี้เป็กบอกกับตัวเองว่า ยังทำงานหนักได้อีก แล้วเราทำอย่างเต็มที่ สุดความสามารถที่ทำได้ เราทำงานให้มีค่ากับชีวิต เป็นอะไรที่ภูมิใจและมหัศจรรย์มาก จากคนที่มีเงินเหลือ 5 บาท ไม่มีที่ซุกหัวนอน อาศัยบ้านเพื่อนอยู่

เราอยากให้คนอื่นได้เห็น เป็นแรงผลักดันให้คนอื่น อย่าเป็นกังวล ต้อยต่ำกับฐานันดรที่ยากจน ให้คิดถึงสิ่งที่เราจะทำอะไรได้บ้าง แล้วเราพุ่งไปทางนั้น อย่าจมกับอดีต อย่ากดตัวเองว่ามาจากดิน ต่ำต้อย เราก็เป็นคน ให้มีความตั้งใจ เห็นโอกาสเป็นสิ่งสำคัญ เป็กเองก็ไม่ได้เก่งเลย ทุกอย่างล้วนมาจากการฝึกอย่างหนัก” 

เป็กกี้ ศรีธัญญา ลบคราบน้ำตา ด้วย รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ