posttoday

ปรียาภรณ์ วีระคงสุวรรณ

01 กรกฎาคม 2560

ความทรงจำในวัยเด็กทำให้เธอถูกถ่ายทอดดีเอ็นเอบางอย่าง และในฐานะลูกสาวคนสุดท้องของบ้านทำให้ ชะเอม

โดย...ฤดูกาล ภาพ : ปรียาภรณ์ วีระคงสุวรรณ

 ความทรงจำในวัยเด็กทำให้เธอถูกถ่ายทอดดีเอ็นเอบางอย่าง และในฐานะลูกสาวคนสุดท้องของบ้านทำให้ ชะเอม-ปรียาภรณ์ วีระคงสุวรรณ วัย 29 ปีกลายเป็นวัยรุ่นติดบ้านและรักครอบครัว

 ชะเอม เล่าว่า เธอเดินทางกับพ่อแม่และพี่สาวทั้ง 2 คนตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งความทรงจำกว่า 20 ปีที่ผ่านมายังปรากฏชัดเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน ไม่ว่าจะเป็นทริปไปเกาหลีกับคุณแม่ ย่า และป้า สมัยอยู่อนุบาล 2 ทริปไปหาคุณตาและยายที่อุบลราชธานี

 หรือทริปถูกผีหลอกกับคุณแม่ที่กาญจนบุรี ซึ่งความทรงจำเป็นเหมือนดีเอ็นเอ “ท่องเที่ยว” ที่ติดตัวเธอมา ทำให้ทุกวันเธอและพี่ๆ มีหน้าที่พาครอบครัวไปเที่ยว และดูแลพ่อแม่ปู่ย่าตายายเหมือนที่ท่านทำมา

 “เมื่อก่อนแม่จะเป็นคนวางแผนการเดินทางทั้งหมด ซึ่งในสมัยก่อนการหาข้อมูลจะยากมาก แม่ต้องเปิดแผนที่ อ่านหนังสือ ค้นคว้าข้อมูลเพื่อให้ลูกสาวทั้งสามคนไปเที่ยวด้วยกัน แต่ตอนนี้พวกเราโตและมีงานทำกันหมดแล้ว หน้าที่ของแม่ก็กลายเป็นหน้าที่ของเรา แต่การพาผู้ใหญ่และผู้สูงอายุไปเที่ยวต้องคิดเยอะและวางแผนให้ดี เพราะปู่ย่าตายายจะเดินเยอะไม่ได้ โรงแรมต้องเลือกที่มีฟังก์ชั่นสำหรับคนสูงอายุ และต้องหากิจกรรมครอบครัวทำกันเสมออย่างมีปิ้งบาร์บีคิว ไหว้พระ ว่ายน้ำสระ โดยเราจะหาเวลาไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวทุกๆ วันหยุด และในหนึ่งปีจะมีทริปใหญ่อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ให้ใช้เวลาด้วยกันนานๆ ไปเลย”

ปรียาภรณ์ วีระคงสุวรรณ

 อย่างที่ผ่านมา ชะเอมและครอบครัว (พ่อแม่ตายาย) ได้เดินทางไปนิวยอร์กด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งเธอเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า เป็นทริปที่สนุกสนาน เพราะได้ไปล่องเรือชมน้ำตกไนแองการา ไปกินล็อบสเตอร์ตัวยักษ์จากฟาร์ม (การเดินทางไปจอร์แดน ล็อบสเตอร์ ฟาร์ม ให้นั่งรถไฟ LIRR จากสถานีเพนน์ (Penn Station) ลงสถานีไอซ์แลนด์ พาร์ก (Island Park Station) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

 จากนั้นเดินต่ออีกราว 10 นาทีจะถึงฟาร์มล็อบสเตอร์) หรือไปถ่ายรูปและย้อนวัยเล่นม้าหมุนที่ เจนส์ แครระเซิล (Jane’s carousel) อยู่ในย่านท่องเที่ยวดัมโบ (Dumbo) ที่มองออกไปจะเห็นวิวสะพานบรูคลิน โดยคนไทยยังไม่รู้จักมากแต่เป็นสถานที่โด่งดังในหมู่คนนิวยอร์ก

 “ทริปนี้เราให้คุณตาคุณยายเดินทางไปก่อนคนอื่น 2 วัน เพื่อให้ท่านปรับตัวกับเวลาที่นั่นและสภาพอากาศ หลังจากนั้นเมื่อพวกเราไปถึงก็จะพาเที่ยวได้อย่างสบาย และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย รวมถึงระหว่างการเดินทางเราจะเปิดโรมมิ่งให้ทั้งสองท่าน และพอไปถึงนิวยอร์กแล้ว พี่สาวที่อยู่ที่นั่นก็จะซื้อซิมโทรศัพท์ให้ใช้ได้ทั้งอินเทอร์เน็ตและค่าโทรฯ เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน คุณตาคุณยายจะได้ติดต่อหลานๆ ได้” เธอกล่าวเพิ่มเติม

ปรียาภรณ์ วีระคงสุวรรณ

 การท่องเที่ยวกันแบบครอบครัวได้ถูกสืบทอดถึงรุ่นหลานโดยที่พ่อแม่ของเธอไม่ได้บอก ถึงแม้ว่าลูกสาวคนสุดท้องจะมีหน้าที่การงานเป็นถึงเจ้าหน้าที่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กรและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท บัตรกรุงไทย แต่เธอก็ยังสารภาพได้อย่างไม่เขินอายว่า ยังติดครอบครัว ยังชอบไปเที่ยวกับพ่อแม่ และสนิทกับทุกคนในครอบครัว

 “อาจเป็นเพราะว่าพ่อแม่เลี้ยงลูกๆ มาแบบเพื่อน ทำให้พอเอมมีเรื่องอะไรก็จะปรึกษาพ่อแม่มากกว่าปรึกษาเพื่อนๆ ทำให้เราไม่เคยโกหกกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเรายังกอดยังหอมกันเหมือนตอนเด็กๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เราทำทุกวัน ดังนั้นถามว่าตอนนี้พ่อแม่แก่ตัวลงทุกวันๆ เราต้องพยายามทำดีเพื่อท่านหรือเปล่า เอมคิดว่า เอมไม่จำเป็นต้องพยายาม เพราะเราสามพี่น้องทำมาตลอด เราให้ความรักกันและกันตลอดเวลา เราให้เวลากันและกันอย่างเต็มที่ ฉะนั้นไม่ว่าอดีตหรือปัจจุบันล้วนเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดแล้ว และอนาคตก็จะดีที่สุดเช่นกันเพราะเราทำแบบนั้นทุกวันไม่มีขาดเลย”

 นับเป็นเรื่องราวดีๆ ของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “วัยรุ่นสมัยนี้” ที่ไม่อายที่จะแสดงออกทางความรักกับครอบครัว ในสังคมที่ต่างคนต่างอยู่อย่างในปัจจุบัน