posttoday

เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน วรภพ คล้ายสังข์ ตีรภัสร์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา

21 มกราคม 2560

ขึ้นชื่อว่า “เพื่อน” แม้ห่างหายกันไปนานสักเท่าไหร่ แต่พอกลับมาก็ยังสามารถต่อกันติด เพราะในความเป็นเพื่อนแล้ว

โดย...ภาดนุ ภาพ : วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ขึ้นชื่อว่า “เพื่อน” แม้ห่างหายกันไปนานสักเท่าไหร่ แต่พอกลับมาก็ยังสามารถต่อกันติด เพราะในความเป็นเพื่อนแล้ว ไม่ว่าเพื่อนจะมีทุกข์ร้อนอะไร เพื่อนย่อมสามารถให้คำปรึกษาได้ทุกเวลา แถมยังมีคำแนะนำดีๆ ให้อยู่เสมอ เหมือนอย่างสองหนุ่มคู่นี้ที่เป็นเพื่อนซี้กันมาตั้งแต่ตอนเรียนชั้นมัธยมฯ เลยละ ไปดูซิว่าพวกเขามีเรื่องราวอะไรมาเล่าสู่กันฟังบ้าง

เริ่มจาก บอม-วรภพ คล้ายสังข์ (วัย 26 ปี) จบปริญญาตรีทางด้านบริหารการตลาด จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ปัจจุบันเป็นนายแบบและนักแสดงจากละครเรื่อง “สงครามเพลง” และรายการ “ศัพท์สอนรวย” ทางช่อง 3 รวมทั้งเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้า “จอห์น เฮนรี่” และร้านชุดชั้นใน “วาโก้” ที่ห้างเวียงจันทน์ เซ็นเตอร์

บอม พูดถึง เก้า

“ผมรู้จักเก้ามาตั้งแต่เรียนโรงเรียนมัธยมฯ บางกะปิแล้วครับ ผมเคยเห็นเขาและคุ้นหน้ามาตั้งแต่มัธยมฯ ต้น แต่เราจะมาสนิทกันจริงๆ ก็ตอนมัธยมฯ ปลาย ช่วงที่เก้าได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียน ส่วนผมได้เป็นคณะกรรมการโรงเรียน เมื่อได้มารับผิดชอบงานด้วยกัน ก็ทำให้รู้จักและสนิทกันมาตั้งแต่ชั้น ม.4 คือ ตอนนั้นเราอยู่ในกลุ่มเพื่อนก๊วนเดียวกัน ไปกินข้าว ไปเที่ยว ไปดูหนังก็ไปกันเป็นกลุ่มอยู่บ่อยๆ

“ผมกับเก้าเป็นเพื่อนที่คุยกันรู้เรื่อง แล้วยังชอบอะไรคล้ายๆ กัน ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาหรือทะเลาะกันสักเท่าไหร่ จะเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทเลยก็ว่าได้ แต่พอเรียนจบมัธยมฯ ปลาย ผมก็ไปเรียนต่อที่มหา’ลัยหอการค้าไทย ส่วนเก้าไปเรียนต่อที่มหา’ลัยธรรมศาสตร์ แต่เราก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่บ้าง”

บอมบอกว่า ในช่วงปิดเทอมตอนเรียนปี 1 ตัวเขา เก้า และเพื่อนอีก 2-3 คนมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวและทำงานที่รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เพราะได้วีซ่าแบบ 6 เดือน ก็ยิ่งทำให้เขากับเก้าสนิทกันมากขึ้นไปอีก เพราะได้ไปทำงานพาร์ตไทม์และได้เรียนรู้ความลำบากด้วยกัน

“ที่พวกเราได้ไปสหรัฐ ก็เกิดจากเก้านี่แหละที่เป็นตัวตั้งตัวตี แต่ด้วยความที่ผมไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ผมก็เลยได้ไปเป็นคนทำความสะอาดห้องพักในโรงแรมฮิลตัน เมืองแฮร์ริสเบิร์ก ซึ่งจ้างเป็นรายชั่วโมง ส่วนเก้าภาษาอังกฤษดี ก็เลยได้ไปทำในส่วนของร้านอาหารในโรงแรมเดียวกัน งานทำความสะอาดห้องที่ผมทำต้องทำวันละ 18 ห้อง (ใช้เวลาห้องละ 30 นาที) ช่วงแรกก็ยังไหวอยู่ ยังพอทำทัน แต่ช่วงหลังๆ นี่ผมรู้สึกเหนื่อยมาก จนคิดในใจว่า นี่เรามาทำอะไรอยู่เนี่ย อยู่เมืองไทยก็ดีแล้ว

“ก็อย่างที่หลายคนบอก เวลาที่เราลำบาก เราก็จะรู้ว่าเพื่อนคนไหนเป็นเพื่อนแท้ ตอนนั้นเราสองคนเช่าห้องพักอยู่ด้วยกันพอดี พอเก้ารู้ว่าผมเหนื่อย เขาก็จะช่วยเหลือผมได้หลายอย่าง ทุกวันผมรับหน้าที่ทำอาหาร ส่วนเก้าก็จะรับหน้าที่ไปซื้อวัตถุดิบมาให้ และช่วยทำความสะอาดห้องน้ำ ซึ่งหลายอย่างเราจะแบ่งหน้าที่กัน เขาก็ยินดีช่วยเหลือโดยไม่อิดออด”

บอมบอกว่า นิสัยของเก้าที่ทำให้เขาประทับใจก็คือ เก้าเป็นคนที่มีการวางแผนในชีวิตอยู่เสมอ ชอบใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ซึ่งทั้งหมดจะตรงกันข้ามกับเขาโดยสิ้นเชิง เก้าจึงมีส่วนช่วยในการเตือนสติเขาหลายๆ เรื่อง

“ด้วยความที่ผมเชื่อคนง่าย จึงมักจะโดนหลอกอยู่บ่อยๆ ผมจะโดนเพื่อนหรือคนรู้จักมาหลอกยืมเงินบ่อยๆ เก้าก็จะคอยมาช่วยเตือนสติให้ผมคิดได้ อย่างตอนเรียนมัธยมฯ มีพี่ รปภ.คนหนึ่งที่รู้จักกันมายืมเงินผม ซึ่งผมก็ให้ไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่ตกเย็น รปภ.คนนี้ก็มาหาผมที่บ้านอีก บอกอยากให้ผมเอาโทรศัพท์มือถือไปจำนำแล้วเอาเงินมาให้เขายืมหน่อย โชคดีว่าเย็นนั้นเก้ามาที่บ้านผมพอดี เขาก็เลยห้ามไว้ ไม่งั้นผมคงเอามือถือไปจำนำแล้วล่ะ

“นั่นคือส่วนที่ดี แต่ส่วนที่เอ๋อๆ ของเก้าก็มี อย่างมารยาทในการเข้าสังคม มารยาทในการพูดคุยบนโต๊ะอาหาร บางอย่างมันไม่ดี ผมก็จะคอยเตือน เขาก็บอกว่าเหรอๆ อย่างนี้ไม่ดีเหรอ (หัวเราะ) แต่เขาก็เชื่อนะ ล่าสุดเราได้ทำธุรกิจร่วมกันโดยไปเปิดร้านเสื้อผ้าและชุดชั้นในที่เวียงจันทน์ ประเทศลาว ซึ่งพอมาคิดดูแล้ว ถ้าผมจะต้องหุ้นทำธุรกิจกับใคร ผมก็ขอหุ้นกับเขานี่แหละ สำหรับเก้าก็คงไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องห่วง เพราะเขาเอาตัวรอดเก่งอยู่แล้วครับ” (ยิ้ม)

เพื่อนไม่เคยทิ้งกัน วรภพ คล้ายสังข์ ตีรภัสร์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา

 

เก้า พูดถึง บอม

มาฟัง เก้า-ตีรภัสร์ เกษมสันต์ ณ อยุธยา (วัย 26 ปี) ซึ่งจบปริญญาโททางด้านบริหารธุรกิจ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เจ้าของสวนปาล์มน้ำมันที่ จ.กระบี่ และเป็นหุ้นส่วนธุรกิจร้านเสื้อผ้าที่เวียงจันทน์กันบ้าง

“อย่างที่บอกว่าผมกับบอมสนิทกันตั้งแต่เรียนมัธยมฯ แล้ว เพราะต้องทำงานโรงเรียนร่วมกัน แล้วยังอยู่ในก๊วนเดียวกันมาโดยตลอด เรียกว่าไปไหนไปกัน ทั้งกิน ทั้งเที่ยวต่างจังหวัด และอื่นๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็น่าจะ 10 กว่าปีแล้ว ถ้าใครเห็นบอมครั้งแรกส่วนใหญ่จะมองว่าเขาเป็นลูกคุณหนู แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย นิสัยจริงๆ ของเขาเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อะไรก็ได้ (แต่อย่าลำบากมาก) แล้วบอมยังวางตัวดี จึงมักไม่ค่อยมีปัญหากับคนอื่นสักเท่าไร

“สิ่งที่ผมประทับใจในตัวบอมก็คือ เขาเป็นคนจริงใจ สิ่งไหนที่เขาพูดออกมาจากปาก เราจะรู้เลยว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง บอมจะไม่เคยแกล้งๆ พูดกับคนอื่นเพื่อหวังผลในเรื่องใด สิ่งที่เขาพูดล้วนออกมาจากใจจริงทั้งหมด ผมผิดตรงไหน ผมไม่ดีตรงไหน เขาก็จะพูดกับผมตรงๆ ซึ่งผมก็รับฟังนะ เพราะรู้ว่าเพื่อนจริงใจ สิ่งที่ดีอีกอย่างคือบอมไม่เคยเกลียดใคร เขาเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว แม้จะมีคนมาร้ายใส่เขาสักแค่ไหน แต่สักพักเดียวเขาก็ดีด้วยแล้วละ”

เก้าบอกว่า สิ่งที่เป็นห่วงบอมก็คือเรื่องที่บอมชอบทำอะไรตามอารมณ์ เลยอยากจะให้แก้ไขในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก…

“ยกตัวอย่างตอนเรียนมัธยมฯ ละกัน บอมเคยติด ร. แล้วปล่อยไว้ไม่ยอมไปแก้ จนกลายเป็นติดศูนย์อยู่วิชาหนึ่ง เหตุผลคือเขาไม่ถูกกับอาจารย์ จึงพานไม่ชอบ เขาก็เลยจะไม่ไปสอบซ่อม พอผมรู้ ผมก็บอกไปว่า ‘เฮ้ย! ไม่แก้ไม่ได้นะ ไม่งั้นต้องเรียนซ้ำชั้นนะโว้ย’ ก็ต้องหาเหตุผลต่างๆ มากดดัน เพื่อนๆ หลายคนก็ช่วยกันบังคับจนเขายอมไปแก้ศูนย์ให้ผ่านไปได้

“อีกเรื่องคือบอมเป็นคนขี้สงสาร คนเลยชอบมาหลอกบ่อยๆ ทั้งเรื่องเงิน เรื่องความรู้สึก และเรื่องอื่นๆ ที่จริงความขี้สงสารก็เป็นเรื่องดี แต่ต้องมีเหตุผลในการช่วยด้วย ไม่ใช่สงสารแล้วต้องช่วยไปซะหมด (หัวเราะ) ควรจะไตร่ตรองก่อนว่า เรื่องที่เขามาขอความช่วยเหลือนั้นมันจริงไหม หรือถ้าไม่แน่ใจก็ควรปรึกษาเพื่อนๆ ก่อนก็จะดีมากเลย สิ่งที่ผมหวังไว้ก็คือ อยากให้บอมใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ ในชีวิตให้มากขึ้น และจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ ในชีวิตให้ดีๆ นอกนั้นก็ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงครับ

“ส่วนเรื่องที่ผมประทับใจในตัวบอม หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เวลาที่ผมมีปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ไม่ว่าปัญหาจะเล็กหรือใหญ่ เมื่อต้องการคำปรึกษาก็โทรไปคุยกับเขาได้ตลอดเวลา ถ้าเรายังรู้สึกไม่ดี ไม่ว่าจะตี 3 ตี 4 เขาก็สามารถออกมาหาเราได้เสมอ คือเขาจะนึกถึงเพื่อนเป็นอันดับแรก ก็อยากให้เขารักษาความดีนี้ต่อไปครับ”