posttoday

จิรโรจน์ ติกกะวี ชีวิตที่ยิ่งให้ยิ่งได้

07 มกราคม 2560

ทักษะความรู้ของบุคลากรในภาคธุรกิจ เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดแคลนให้กับโครงการเพื่อสังคมได้

โดย...สมแขก ภาพ... ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ทักษะความรู้ของบุคลากรในภาคธุรกิจ เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดแคลนให้กับโครงการเพื่อสังคมได้ ปัจจุบันมีกลุ่มอาสาสมัครด้านนี้ จัดสรรเวลาและทุ่มเทแรงกายนำความถนัดในอาชีพมาเป็นหนึ่งกำลังในการเปลี่ยนแปลงสังคม

แม้ว่าจะมีไม่มากนัก แต่อย่างน้อยก็มีคนเริ่มต้นให้เห็นแล้ว โรจน์-จิรโรจน์ ติกกะวี จากพนักงานบริษัทธรรมดาๆ ที่ทำงานยาวนานต่อเนื่องเป็นเวลา 15 ปี เมื่อเขาตกผลึกพัฒนาตัวเองเป็นวิทยากร ปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการโค้ชผู้บริหารระดับสูงและเป็นผู้ฝึกสอนหลักสูตรด้านการพัฒนาภาวะผู้นำ Consulting Partner กับบริษัท สลิงชอท กรุ๊ป

 เขาเป็นคนหนึ่งที่ดิ้นรนหาช่องทางที่จะนำความเชี่ยวชาญที่มีน่าจะสร้างประโยชน์สูงสุดให้ทั้งแก่คนที่ได้รับ

แรงบันดาลใจจากความเชี่ยวชาญ

ตำแหน่งสุดท้ายของงานบริษัทสำหรับจิรโรจน์ คือผู้อำนวยการการตลาดของ บริษัท คิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ประเทศไทย จากนั้นจึงหันมาเอาดีด้านวิทยากร

“ผมมีความสุขที่ได้ทำเรื่องการพัฒนาคน การทำให้คนดีขึ้น เพราะเราเคยเป็นคนอารมณ์ร้อน เป็นคนขี้หงุดหงิด ซึ่งพอเราได้พัฒนาตัวเองจากการเรียนรู้ ก็อยากไปช่วยคนอื่น เราทำงานให้องค์กรก็ได้ช่วยคนระดับหนึ่ง แต่เหมือนเราได้ช่วยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น แต่ปณิธานของการทำงานของเราคือการทำให้คนมีความสุขที่สุด ยิ่งเขาได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ตอนอายุน้อยเท่าไหร่ ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาก็จะมีความสุขมากขึ้น เราใช้ทักษะทั้งด้านการตลาดและการโค้ช ทำหลายอย่างประกอบกัน

“การเป็นโค้ชให้กับผู้บริหารระดับสูง หน้าที่ของเราคือการทำให้เขามีทัศนคติ มีบุคลิกภาพ หรือได้ผลลัพธ์ที่เขาพึงพอใจ สำหรับงานอาสาผมว่ามันคือการได้ช่วยคนให้เขาเป็นคนที่ดีขึ้น และยิ่งเมื่อเราได้ลงมือทำเร็วเท่าไหร่ การเปลี่ยนแปลงมันก็จะเกิดได้เร็วขึ้นเท่านั้น” จิรโรจน์ สะท้อนถึงสิ่งที่เขาคิด

เมื่อเรายิงคำถามว่างานที่ได้เงินกับไม่ได้เงินต่างกันอย่างไร? ก่อนหน้านี้ จิรโรจน์แสดงความจำนงที่จะเป็น “อาสาสมัคร” กับ “ร้อยพลังเปลี่ยนประเทศ” ซึ่งทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างโครงการเพื่อสังคมต่างๆ กับองค์กรที่ต้องการความช่วยเหลือ

จิรโรจน์ ติกกะวี ชีวิตที่ยิ่งให้ยิ่งได้

 

“แรงบันดาลใจของผมเกิดจากเพราะงานปัจจุบันที่ทำอยู่เป็นงานเชิงพัฒนาคน ทำให้ชีวิตคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นและเราเองก็ผ่านการเดินทางแบบนี้มาเหมือนกัน เมื่อก่อนเราไม่เคยเห็นตัวเอง พอได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาวะผู้นำ การพัฒนาตัวเอง การมองข้อดีของตัวเอง การมองคนอื่นในมุมที่กว้างขึ้น ก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น เลยอยากแบ่งปันเรื่องนี้ให้กับคนอื่น และทำให้คนอื่นมีชีวิตที่ดีขึ้น ยิ่งเขารับรู้ได้เร็วโดยเฉพาะเด็กๆ ก็คิดว่าถ้าช่วยพวกเขาได้ก็น่าจะดี จึงอยากเป็นอาสาสมัครที่ให้ความรู้เรื่องนี้”

เป็นอาสา สร้างประโยชน์ ได้ความสุข

หนึ่งในอาสาสมัครที่จิรโรจน์ทำที่ผ่านมาคือ การร่วมทำงานให้มูลนิธิบ้านศรีชุมพาบาล ซึ่งต้องการทั้งนักจิตวิทยา และนักกิจกรรมบำบัดมาช่วยดูแลเยาวสตรีที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่างๆ ให้หลุดจากวงจรความยากไร้และการทารุณ ภายใต้โครงการชื่อบ้านเควิน เด็กเหล่านี้มาจากครอบครัวยากจน บ้างเคยถูกทำร้าย บ้างตั้งครรภ์จากความไม่ตั้งใจ บางคนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สุ่มเสี่ยงจากปัญหาการค้ามนุษย์ ยาเสพติด และการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งกิจกรรมที่จิรโรจน์เสริมศักยภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เห็นคุณค่าในตนเอง หากเป็นเยาวชนที่เคยถูกทำร้ายมา จะมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาเพื่อบำบัดแผลใจและภาวะซึมเศร้า

“เราเข้าไปทำแคมป์ ด้วยเชื่อว่าชีวิตทุกคนมีทั้งดีและไม่ดี พอเด็กเขาเจอเรื่องพวกนี้มาก็มีแนวโน้มที่จะมองโลกในแง่ร้าย และอาจจะพาชีวิตเขาไปในทางที่มืดมน สิ่งที่เราทำก็เชื่อว่าอย่างน้อยก็จะดึงเขาให้มองสิ่งที่ดีในชีวิตเขา ให้เขาตั้งเป้าหมาย อยากได้อะไร มองหาสิ่งที่เป็นบวกในชีวิตเขา ทำกิจกรรมร่วมกัน และหาอาสาสมัครมาร่วมช่วยกัน ซึ่งเราก็ติดตามผลเดือนละ 1 ครั้ง เชื่อมโยงกันด้วยกิจกรรมที่เราสร้างขึ้น”

สิ่งที่หนุ่มคนนี้ได้เรียนรู้จากการทำงานอาสาสมัคร คือคำว่า ยิ่งให้ยิ่งได้

“ผมได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ เช่นกัน เพราะกลุ่มเป้าหมายของเราไม่เหมือนกัน จากผู้บริหารก็กลายเป็นกลุ่มเด็ก เราต้องออกแบบกิจกรรมให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย เราก็ได้พัฒนาตัวเองได้เจอเพื่อนที่เก่งๆ ที่กระตือรือร้นอยากช่วยเหลือเด็กๆ ด้วยกัน และยังเห็นว่ามีกลุ่มคนที่ต้องการสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้สังคมอยู่อีกจำนวนมาก แต่บางคนก็ไม่รู้ว่าจะช่วยในช่องทางไหน

“สำหรับผมการทำงานอาสาที่ได้ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของตัวเองมาช่วย ก็คาดหวังว่าจะช่วยสร้างผลลัพธ์ทางสังคมที่ดีขึ้น การที่ผมออกมาช่วย ผมไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย เพราะการโค้ชเป็นอาชีพที่ทำอยู่แล้วและทำได้ดี อย่างเทรนนิ่งหรือโค้ชชิ่งก็น่าจะเกิดประโยชน์สูงสุดกับคนที่ได้รับ และเราก็ได้เหลาคมในตัวเราเองให้เก่งขึ้นด้วย ผมว่าการแบ่งเวลาเพียงนิดเดียวของเรา แต่สำหรับคนที่ได้รับมันยิ่งใหญ่มากหากสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้”