posttoday

หญิงแกร่งไทยในกัมพูชา ล้มแล้วไม่ท้อ...จะมีทางชนะ

24 ธันวาคม 2559

เจ้าของกิจการที่ทำธุรกิจอย่างสดใส หากเกิดเหตุการณ์พลิกผัน ธุรกิจเกิดสะดุด กลายมาเป็นมีหนี้เกือบหลักร้อยล้านบาท

โดย...วราภรณ์ เทียนเงิน

เจ้าของกิจการที่ทำธุรกิจอย่างสดใส หากเกิดเหตุการณ์พลิกผัน ธุรกิจเกิดสะดุด กลายมาเป็นมีหนี้เกือบหลักร้อยล้านบาท เจ้าของธุรกิจจะเลือกทางออกให้แก่ชีวิตและธุรกิจอย่างไร แต่มีซีอีโอหญิงไทย หัวใจสุดแข็งแกร่ง สามารถต่อสู้ ไม่ย่อท้อ มุ่งมั่น สร้างบริษัทให้เติบโต และกลายเป็นบริษัทชั้นนำการขนส่งระหว่างไทย-กัมพูชาได้

“ดวงใจ จันทร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นัทธกันต์ (กัมพูชา) ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย-กัมพูชา และตัวแทนการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างประเทศของกัมพูชา เปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นสร้างธุรกิจว่า ได้เข้ามาเรียนที่ประเทศกัมพูชาตั้งแต่ชั้นประถม เพราะครอบครัวอยู่ที่ จ.ตราด และเมื่อประเทศกัมพูชาเกิดสงครามในประเทศ ทำให้ต้องกลับไปประเทศไทยตั้งแต่ช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรืออายุ 15 ปี ซึ่งเวลาดังกล่าวเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต ไม่ได้เรียนต่อ แต่มองเห็นโอกาสการทำธุรกิจ

จึงสนใจเริ่มสร้างธุรกิจเกี่ยวกับอาหารทะเลจากกัมพูชานำเข้ามาในไทย เพราะมีผู้ใหญ่ให้คำแนะนำต่างๆ และยังทำธุรกิจนำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเข้ามากัมพูชา โดยการทำธุรกิจในช่วงแรก อายุ 15 ปี เคยเรียนในกัมพูชา จึงมีคนที่รู้จัก ผู้ใหญ่ในประเทศกัมพูชาให้คำแนะนำ จึงเข้าใจช่องทางการจำหน่ายสินค้า โดยการทำธุรกิจในกัมพูชา นำสินค้าเข้ามาจำหน่ายในช่วงแรกได้กำไรสูงมาก เพราะในกัมพูชาไม่มีสินค้า จึงต้องการสินค้าจากไทย และธุรกิจยังสามารถขยายตัวไปสู่การส่งออกสินค้าไทยต่อเนื่องไปประเทศเวียดนามได้

หญิงแกร่งไทยในกัมพูชา ล้มแล้วไม่ท้อ...จะมีทางชนะ

 

แต่ต่อมา เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2538 เกิดปัญหาค่าเงินบาทลอยตัว ทำให้สินค้าที่สั่งซื้อไว้เกิดปัญหา และได้ไปลงทุนในหลายธุรกิจ ทั้งไปลงทุนทำพลอย และทำอสังหาริมทรัพย์เกิดปัญหาทั้งหมด กลายเป็นต้องมีหนี้สูงเกือบ 500 ล้านบาททันที ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่แพงสุดในชีวิต

เราถือเป็นผู้นำครอบครัว มีลูก 3 คน จะต้องไม่สิ้นหวัง และต้องสู้ มีความเชื่อมั่นต้องมีแสงสว่างรออยู่ข้างหน้า มีลูกเป็นกำลังใจสำคัญให้สู้ต่อไป ทุกอย่างเรื่องหนี้ก็พูดคุยกับธนาคาร เราไม่หนีและไม่ล้มบนฟูก เราล้มจริงๆ ทรัพย์สินที่มีอยู่ให้ปล่อยให้ธนาคารจัดการทั้งหมด ธนาคารก็พร้อมช่วย เพราะที่ผ่านมาเราทำธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ไม่เอาเปรียบใคร เมื่อเราล้มก็มีคนอื่นๆ พร้อมเข้ามาช่วย ทำให้สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้น

“อยากให้กำลังใจทุกคน ชีวิตมีวันที่ขึ้นและวันที่ลง บางครั้งเก่งมาก ก็สู้เฮงไม่ได้ บางครั้งอาจจะไม่ช่วงเวลาของเรา หากเราเป็นหนี้ต้องดูว่าสู้ไหวไหม ถ้าไม่ไหวก็ต้องปล่อยไป อย่าไปยึดติด ทรัพย์สินต่างๆ ไม่ใช่ของเราก็ต้องปล่อยไป” ดวงใจ กล่าว

หญิงแกร่งไทยในกัมพูชา ล้มแล้วไม่ท้อ...จะมีทางชนะ

 

บทเรียนที่แพงสุดในชีวิตครั้งนี้ ทำให้ต้องตั้งต้นใหม่ เข้าใจสัจธรรมในความไม่แน่นอนของชีวิต ต้องกลับมาก้าวใหม่ และยึดคำสอนของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทุกอย่างอย่าทำเกินตัว เราปรับการทำธุรกิจใหม่ด้วยเงินสดเท่านั้น และไม่กู้เงินกับธนาคารเลย ค่อยๆ ก้าวทีละก้าวต่อไป ธุรกิจก็มาทำเกี่ยวกับโลจิสติกส์ ทำทัวร์ด้านการจับคู่ทางธุรกิจ เพราะเป็นสิ่งที่เราถนัดมีความเข้าใจในตลาดกัมพูชา

“ดวงใจ” กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ธุรกิจมีลูกเข้ามาดูแลบางด้านแล้ว โดยลูกก็มีการขยายธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งการเข้ามาทำธุรกิจในกัมพูชาเป็นเวลามากกว่า 30 ปีแล้ว โดยเรามีคนรู้จักและมีเพื่อนในกัมพูชามากมาย ได้เรียนรู้ ได้รับประสบการณ์ต่างๆ ทุกอย่างทำให้เติบโตมากขึ้น ทุกอย่างมาจากการที่เรามีความซื่อสัตย์กับลูกค้า ซื่อสัตย์กับเพื่อน ให้ความตรงไปตรงมา และมุ่งมั่นทำทุกอย่างให้ดีที่สุด

“เราได้สอนลูกมาตลอด ยิ่งอยู่สูง ต้องยิ่งทำตัวให้ต่ำไว้ เราต้องมีความซื่อสัตย์ ไม่เหยียดหยามใคร พูดจากับพนักงานอย่างดี เพราะมนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะรวยหรือจน ทุกคนต่างมีคุณค่าเท่ากันหมด สิ่งที่เราทำมาก็พิสูจน์ได้ว่า เมื่อเราล้ม ก็มีคนพร้อมช่วยเสมอ และต้องยึดคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงในการทำธุรกิจ” ดวงใจ กล่าวทิ้งท้าย