posttoday

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา

31 ตุลาคม 2559

โดย...นกขุนทอง

โดย...นกขุนทอง

มีหลายบทเพลงในขณะนี้ที่ผู้คนกำลังได้รับฟังเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ในห้วงโมงยามนี้เมื่อความโศกเศร้ายังมิคลาย ฟังแล้วน้ำตาก็ยังหลั่งรินรดเป็นสาย ทว่าเมื่อเวลาผันผ่านไป ทุกถ้อยคำในบทเพลงแม้ความหมายจะยังคงเดิม แต่ความรู้สึกจะแปรเปลี่ยน จากความเศร้าหมอง จะกลายเป็นความเข้มแข็ง จากท้องฟ้าที่หม่น จะมีแสงตะวันที่สาดส่องสดใส ให้คนไทยลุกขึ้นมาใช้ชีวิต โดยมีคำพ่อสอนเป็นสิ่งนำทางในการดำรงชีวิต และทุกบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยนักแต่งเพลงศิลปินไทยมีจุดหมายเดียวกัน เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพ่อหลวง

ในเพลงมีคำพ่อ

“เล่าสู่หลานฟัง” เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ตอนนี้ถูกนำไปคัฟเวอร์หลายเวอร์ชั่น ทั้งจากศิลปินมีชื่อเสียงและประชาชนทั่วไป มีทั้งยังคงดนตรีแบบลูกทุ่งได้ยินเสียงโหวตชัดเจนเช่นเดิม และนำไปดัดแปลงดนตรีเป็นแนวอื่นๆ ซึ่งต้นฉบับเป็นของ “สลา คุณวุฒิ” ครูเพลงอีสาน ที่ครั้งนี้นอกจากจะเขียนเนื้อร้องยังขับร้องเองด้วย ซึ่งครูสลาบอกเจตนาว่า ภายในระยะเวลา 1 ปีนี้ ใครจะเอาไปร้องไปดัดแปลงยังไงก็ได้ เพราะเชื่อว่าคนไทยอยากแสดงความรู้สึกตรงนี้เหมือนกัน

ในชีวิตของการเขียนเพลง ครูสลาได้น้อมนำสิ่งที่รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นแบบอย่างให้พสกนิกรชาวไทยมาถ่ายทอดสอดแทรกอยู่ในงานเพลงเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความพอเพียง การทำเกษตร คำสอนต่างๆ จนมาถึงบทเพลงเล่าสู่หลานฟัง นัยที่น่าสนใจในบทเพลงนี้ครูสลาได้เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม

 

“พอทราบข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 ต.ค. มีอาการไฟดับในความรู้สึก สำนึกหนึ่งในความรู้สึกคือเราจะทำอะไรได้บ้าง ในนามที่เราเป็นลูกทุ่งอีสานจนวันที่ 14 ต.ค. ดูไอจีแล้วเห็นรูปถ่ายในหลวงแบบธรรมดาๆ ก็รู้สึกถึงครอบครัวเราอยู่ท้องนา ไม่ว่าบ้านจะมีสภาพแบบไหนทุกบ้านต้องมีภาพของในหลวง จึงเลือกเล่าในนามของชาวบ้านคนหนึ่ง จินตนาการไปถ้าเราอยู่ตรงนั้นเราคงจุดเทียนกราบต่อหน้ารูปในหลวงกันทั้งครอบครัว แล้วร้องไห้ แล้วหลานมาเห็น ท่อนสุดท้ายก็เป็นเล่าสู่หลานฟังบอกรักดังๆ ด้วยการทำความดี ทำในสิ่งที่ในหลวงห่วงใยนั้นคือการทำความดี การเลือกใช้คำไม่ถึงกับยากพอนึกถึงในหลวงจะมีคำต่างๆ ผุดขึ้นมาอัตโนมัติเหมือนเป็นเส้นทางของถ้อยคำที่ระลึกถึงท่านเสมอ ภาษาบ้านๆ รวมถึงอุดมคติที่เราได้รับจากท่านมันฝังอยู่ในความจำของเรามานาน เราได้ทำหลายอย่างผูกพัน ครั้งนี้เลือกร้องเองคิดว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราอยากร้อง และอาจารย์บอย (ธีระพงษ์ ศักดิ์แก้ว ผู้เรียบเรียงเพลง) ก็บอกว่าคนฟังเขาไม่ฟังว่าร้องเพราะหรอกเขาจะฟังความรู้สึกของครูมากกว่า”

เพลง “พ่อครับ” เขียนและขับร้องโดย “ฟองเบียร์-ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม” นักแต่งเพลงและผู้บริหารค่ายเพลงมี เรคคอร์ด ที่ใช้ความรู้สึกทั้งหมดหัวใจของลูกคนหนึ่งส่งถึง “พ่อของแผ่นดิน” ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีกลั่นออกมาเป็นเพลง “ผมเขียนขึ้นหลังทราบข่าวใหญ่สะเทือนหัวใจที่สุด ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่รู้สึกว่านี่คือการเขียนเพลงเลย เหมือนผมเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง ใจความสั้นๆ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นทุกตัวอักษรความรู้สึกชัดเจนมาก แล้วคนที่อยู่รอบตัวเราเห็นทุกคนเสียใจ ตอนนั้นผมเปิดดูข่าวเห็นพระราชกรณียกิจของพระองค์ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ การใช้คำเหมือนลูกบอกกับพ่อ ไม่มีการประดิษฐ์ เนื้อหาพูดถึงเรามีพ่อคนเดียว อะไรที่พ่อเคยสอนไว้เราจะทำเพื่อให้พ่อภูมิใจในตัวลูก ผมเชื่อว่าลูกทุกๆ คนเคยได้ยินคำสอนของท่านทั้งนั้น แต่มีไม่เยอะที่ทำตามอย่างจริงจังและเคร่งครัด ในเพลงนี้ผมอยากบอกทำเถอะครับ ถ้าเรารักพ่อจริงต้องบอกก่อนตอนแรกเอาเพลงลง เพื่อระบายความรู้สึกของตัวเองแต่ตอนนี้ยอดวิวเลยเกินครึ่งล้านไปแล้วมันก็จะมีเรื่องของรายได้ที่ทางยูทูบต้องจ่ายเข้ามา ซึ่งผมก็จะนำเงินทั้งหมดไปบริจาคให้กับผู้ที่เดือดร้อน”

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา สลา คุณวุฒิ

“พ่อภูมิพล” อีกบทเพลงที่ “ยืนยง โอภากุล” (แอ๊ด คาราบาว) เขียนเกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 อีกครั้ง ทว่าเพลงนี้ช่างบีบเค้นหัวใจศิลปินผู้ยิ่งใหญ่เหลือเกิน เพราะเคยได้รับคำชมจากในหลวงว่า เป็นศิลปินที่เก่ง สามารถเอาชื่อพระองค์ท่านไปแต่งเพลงได้ และครั้งนี้เขาก็นำสิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อพสกนิกรชาวไทยมาตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งการครองสิริราชสมบัติ มาแต่งเป็นเพลง ให้เยาวชนรุ่นหลังได้จดจำได้ว่า พระองค์ทรงงานหนักขนาดไหน ทรงทำอะไรมาบ้างเพื่อผืนแผ่นดินไทย ดังคำว่า

“พ่อท่องไปใกล้ไกลทุกถิ่น เหยียบพื้นดินทุกตารางนิ้ว...

...นำแนวทางที่คิดไว้ก่อน เข้าไปสอนไปบอกไปสร้าง

แก้ปัญหาให้อย่างถูกทาง นำความหวังสู่สังคมไทย...”

“ผมคิดว่าพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ต้องใช้แนวพระราชดำริของพระเจ้าอยู่หัว เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ทั้งในเรื่องของความขยัน อดทน ความเสียสละ ความใฝ่รู้ และที่สำคัญที่สุด คือความสามัคคีปรองดอง อยากให้คนในชาตินั้น ยืดมั่นถือมั่น ตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระองค์ท่านครับ” แอ๊ด คาราบาว

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา “ยืนยง โอภากุล” (แอ๊ด คาราบาว)

จารจารึกวันวิปโยคปลุกพลังทำความดี

เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ดำเนินการผลิตมิวสิควิดีโอร่วมกับศิลปินเพลงลูกทุ่งและศิลปินป๊อป โดยเพลง “ฟ้าร้องไห้” ประพันธ์คำร้อง-ทำนอง โดยศิลปินแห่งชาติ ชลธี ธารทอง ศิลปินลูกทุ่งที่มาร่วมขับร้อง เช่น ผ่องศรี วรนุช ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ชินกร ไกรลาศ สดใส รุ่งโพธิ์ทอง สุนารี ราชสีมา มนต์สิทธิ์ คำสร้อย ศิรินทรา นิยากร พรศักดิ์ ส่องแสง ฯลฯ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้ามีแต่น้ำตาแห่งอาลัย ศิรินทรากอดคอกับเพื่อนรักสุนารี ราชสีมา ร้องไห้กันตั้งแต่เริ่มลงเสียงกระทั่งตอนถ่ายทำก็กลั้นร้องไห้ไม่ได้ ส่วน จันทน์จวง ดวงจันทร์ ถึงกับเป็นลมกลางเวที ส่วนเพลง “บทเพลงของพ่อ” เนื้อร้องและทำนองโดย บอย ตรัย ภูมิรัตน เรียบเรียงและควบคุมการผลิตโดย บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ และกันต์ รุจิณรงค์ ได้เพื่อนศิลปินกว่า 20 เสียงคุณภาพ เช่น ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ บี-พีระพัฒน์ เถรว่อง สงกรานต์-รังสรรค์ ปัญญาเรือน เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว บิลลี่ โอแกน กบ-ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี เต้ง-พิชัย จิราธิวัฒน์ ดุ๋ง-พาที สารสิน อะตอม-ชนกันต์ รัตนอุดม ฯลฯ

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ

บุรินทร์ เผยว่า “โทรหาเพื่อนๆ พี่ๆ ศิลปินทุกคนเพียงแค่ 2 วัน ทุกคนเสียสละร่วมใจกันมาทำโปรเจกต์นี้ให้สำเร็จให้ได้ นอกจากศิลปินที่มาแล้ว ซีอีโอบริษัทใหญ่อย่างพี่ดุ๋ง พาที พี่เต้ง พิชัย ก็มาร่วมด้วย จุดมุ่งหมายของโปรเจกต์นี้ เราเป็นศิลปิน และในหลวงของเราก็ถือว่าเป็นคีตราชา ดังนั้นสิ่งที่ศิลปินไทยทุกคนทำได้ คือการทำเพลงขึ้นมาเพื่อเทิดพระเกียรติท่าน และอีกอย่างผมคิดว่าในช่วงเวลานี้ เราน่าจะมีเพลงเพลงหนึ่งที่เรามาร่วมกันร้องแสดงความรักที่มีต่อพระองค์ท่านครับ”

ด้านคนเขียนเพลง บอย ตรัย เผยว่า “เพลงนี้ความตั้งใจคือ อยากจะให้เป็นเพลงที่พูดถึงบทเพลงพระราชนิพนธ์ทั้งหลายของในหลวง ที่เมื่อเราฟังเมื่อไหร่ก็รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ฟัง และรู้สึกว่ายังใกล้ชิดกับท่าน และอยากให้เพลงนี้เป็นเพลงที่แทนความรู้สึกของทุกคนในช่วงเวลานี้ว่า เราอยากจะส่งความรู้สึกที่ดีๆ ในมุมที่อบอุ่น ความจงรักภักดีต่อท่านผ่านเพลงนี้ครับ”

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์

 

ยังมีอีกหลายบทเพลงที่ศิลปินและค่ายเพลงตั้งใจทำขึ้น เนื้อหาแตกต่างกันไป ทั้งเป็นการบันทึกเหตุการณ์วันที่ 13 ต.ค. ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของคนไทย บอกเล่าความทรงจำในห้วงเวลาที่คนไทยหัวใจแตกสลาย ดังเพลง “13 ตุลา หนึ่งทุ่มตรง” ของ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ หรือ “ลำล่อง” หรือ ลำยาว (กลอนลำสำหรับใช้ลำในงานการกุศล งานมหรสพต่างๆ) ที่หมอลำศิลปินเลือดอีสาน ประพันธ์ขึ้นมาแสดงความไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสียงแคนเป็นดนตรีนำผสมผสานกับเสียงร้องคำภาษาอีสานนั้นแม้คนฟังแปลความหมายไม่ได้ แต่เชื่อว่าสามารถสัมผัสความรู้สึกอันรวดร้าวและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งเป็นอีกศิลปะพื้นบ้านเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกในห้วงยามนี้ เช่น หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน ศิลปินแห่งชาติ ปี 2536 (ประพันธ์กลอนลำโดย จักรินทร์ สร้อยสูงเนิน และพงศพร อุปนิ เป็นหมอแคน) “แผ่นดินร้องไห้อาลัยพ่อหลวง” ขับร้องและเขียนโดย เฉลิมพล มาลาคำ หมอลำชื่อดัง “ลำล่องลูกพ่อหลวง” ของศิลปินลูกทุ่ง “น้องหนึ่ง พรอุมา” ยังมี “เสภาเพื่อพ่อ” แสดงถึงความโศกเศร้าเสียใจของพสกนิกรชาวไทยที่ต้องสูญเสียพ่อของแผ่นดิน ความสูญเสียอันเกินจะรับไหวของคนไทยทุกคน ขับเสภาโดย “เก่ง-ธชย ประทุมวรรณ” เป็นต้น

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน

เนื้อหาในบทเพลงยังมีที่ปลุกพลังความเข้มแข็ง เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นมาทำความดีเพื่อพ่อ เฉกเช่นเพลง “ลูกขอสัญญา” ที่วงบิ๊กแอส ตูน บอดี้สแลม เมธี ลาบานูน และวีทรีโอ ร่วมกันทำขึ้นมาเพื่อหวังเป็นจุดเล็กๆ ที่ได้แสดงความไว้อาลัยและร่วมสืบสานพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการสร้างความรัก ความสามัคคี และความเชื่อมั่นในการทำความดี หรือเพลง “มองบนฟ้า” ค่ายโมโน มิวสิค ระดมศิลปินกว่า 200 ชีวิต มาร่วมขับร้อง เช่น เศรษฐา ศิระฉายา เบน ชลาทิศ ติ๊ก ชิโร่ อู๋ ธรรพ์ณธร ตุ๊ก วิยะดา โบว์ สุนิตา แอน ธิติมา จั๊ก ชวิน ศักดา อินคา มาเรียม เล็ก ทีโบน

“พีธ พีระ” ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการเขียนเนื้อร้องมองบนฟ้าว่า “เนื้อร้องยึดคำสอนของพ่อหลวงเรื่องที่พระองค์อยากให้เรารักกัน อยากทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วยเพลงนี้ และด้วยพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีของพระองค์ท่าน ทำนองดนตรีในเพลงนี้เราก็จะมีวงออร์เคสตราชุดใหญ่ใช้เครื่องดนตรีประมาณ 80 ชิ้น เป็นเพลงที่ฟังแล้วต้องไม่เศร้า พูดถึงพ่อที่อยู่ในใจเราเสมอ ฟังแล้วทำให้เรามีกำลังใจในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า”

ทุกอักษรกลั่นจากใจ ทุกทำนองบรรเลงด้วย น้ำตา สุนารี ราชสีมา, ศิรินทรา นิยากร

อีกเพลงที่ต้องพูดถึง “พลังแสงอาทิตย์” เนื้อร้องทำนองขับร้องโดย กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ ฟีทเจอริ่งโดย คิว วงฟลัวร์ เป็นอีกบทเพลงที่ทั้งดนตรีและเนื้อหาช่วยกระตุ้นให้เกิดความฮึดฝ่าฟันม่านหมอกแห่งความเศร้าอาลัยลุกขึ้นมาทำความดี ใช้คำพ่อสอนนำทางในการดำเนินชีวิตให้เป็นคนดีทำดี ให้พ่อที่มองอยู่บนฟ้าได้ชื่นใจ

ยังมีอีกหลายบทพลงที่เขียนขึ้นหลังสิ้นรัชกาลที่ 9 เช่น เพลง จากความรู้สึกด้วยใจ (ดาว ขำมิน) ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9 (เสก โลโซ) วันที่พ่อไม่อยู่ (ว่าน ธนกฤต ว่านไฉ อคิร ชวิน พัดชา เอนกอายุวัฒน์ ต้นหยาง ธีรัตม์) ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป (เป้ วงมายด์) คิดถึงพ่อ (เรทโทรสเปค) รักเพื่อพ่อ (สิงโต นำโชค) พ่อจ๋า (วงพริกไทย) สลาย (แอ๊ป-ธุวชิต วิไลโอฬาร) ฯลฯ และยังมีอีกหลายบทเพลงที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิต ในบทบาทของศิลปินที่เกิดในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 บทเพลงเหล่านี้จึงเปรียบสมือนการบันทึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ แสดงถึงความจงรักและอาลัย และคนไทยจะไม่ลืมพระองค์ท่าน “พ่อภูมิพล”