posttoday

เมื่อความใหญ่ กลายเป็นความเสียเปรียบ

25 กรกฎาคม 2559

พูดถึงสามก๊ก ไม่พ้นต้องพูดถึงการคานอำนาจระหว่างวุยก๊ก (โจโฉ) ง่อก๊ก (ซุนกวน) จ๊กก๊ก (เล่าปี่)

โดย...นิธิพันธ์ วิประวิทย์

พูดถึงสามก๊ก ไม่พ้นต้องพูดถึงการคานอำนาจระหว่างวุยก๊ก (โจโฉ) ง่อก๊ก (ซุนกวน) จ๊กก๊ก (เล่าปี่) ในยุคนั้นทั้งสามก๊กก็ตั้งยันกันเป็นลักษณะสามเส้า ซึ่งคือที่มาของชื่อยุค “สามก๊ก”

สถานการณ์ที่น่าประหลาดหลังแผ่นดินแยกเป็นสามก๊กเรียบร้อยคือ วุยก๊กซึ่งยิ่งใหญ่ทั้งดินแดนและกำลังทหารมากที่สุดในสามก๊ก ไม่ค่อยเปิดศึกเป็นฝ่ายกระทำ ส่วนง่อก๊กที่มีกำลังกลางๆ เปิดศึกกับวุยก๊กเป็นครั้งคราว และจ๊กก๊กซึ่งเป็นแคว้นที่ดินแดนและกำลังทหารด้อยที่สุด กลับเป็นฝ่ายกระทำต่อวุยก๊กหลายครั้งที่สุด

ความยิ่งใหญ่ของวุยก๊กในเชิงตัวเลข วุยก๊กมีจำนวนประชากรมากเป็น 2 เท่าของง่อก๊ก เท่ากับเป็น 4 เท่าของจ๊กก๊ก แผ่นดินของวุยก๊กยังยิ่งใหญ่พอๆ กับแผ่นดินง่อก๊กกับจ๊กก๊กรวมกัน คิดคร่าวๆ แล้วทั้งทรัพยากรมนุษย์และพื้นที่ดินแดนวุยเหนือกว่าทั้งสองก๊กรวมกันอยู่บ้างเล็กน้อย รองลงมาจึงเป็นง่อ แล้วที่พละกำลังด้อยสุดคือจ๊ก

แล้วทำไมวุยก๊กจึงปล่อยให้จ๊กก๊กซึ่งอ่อนด้อยที่สุดเป็นฝ่ายแผลงฤทธิ์มากที่สุด

บางคนบอกว่า เป็นความชาญฉลาดของวุยก๊กที่รู้ตัวว่ายิ่งใหญ่ไม่มีใครล้มได้ จึงรอสถานการณ์สุกงอมจึงค่อยลงมือทีหลัง

ซึ่งยังต้องสงสัย เพราะอิทธิฤทธิ์ของก๊กเล็กไม่ใช่ย่อย ครั้งหนึ่งจ๊กก๊กของเล่าปี่ เคยยกทัพพุ่งตะลุยขย่มขวัญวุยก๊ก โจโฉตื่นตกใจถึงขั้นปรึกษากันว่าจะต้องย้ายเมืองหลวงหนีกันดีไหม... ถ้าบอกว่ายิ่งใหญ่พอจะรอสถานการณ์สุกงอม ก็ดูเหมือนงอมเกินไปหน่อย

การรบแต่ละครั้งของจ๊กก๊กก็ย่อมสามารถกวาดต้อนเสบียงและผู้คนของวุยก๊กไปได้ โดยวุยก๊กไม่ได้รุกไล่ตอบโต้กลับ ถ้าเรียกว่ารอสถานการณ์ ก็อาจเรียกว่าเป็นการรอให้สถานการณ์อัมพฤกษ์ กลายเป็นอัมพาต

ซึ่งอันที่จริงถ้าตัดปัจจัยอื่นๆ แล้วประเมินตัวเลขกำลังกันโต้งๆ วุยก๊กน่าจะค่อยๆ เก็บไปทีละก๊กได้ไม่ยาก เพราะกำลังทหารเหนือกว่าเห็นๆ

แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นความสมเหตุสมผลที่วุยก๊กจะเอาแต่อยู่นิ่งเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ประเด็นแรกเลยคือความหวาดระแวงของก๊กเล็กที่มีต่อก๊กใหญ่ ก๊กเล็กๆ ย่อมต้องเห็นก๊กใหญ่เป็นศัตรูตัวสำคัญ เพราะกลัวถูกก๊กใหญ่กลืนอย่างง่ายดาย ความร่วมมือกันของก๊กเล็กจึงเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า ทั้งง่อและจ๊กจึงมีศัตรูตัวฉกาจร่วมกันโดยธรรมชาติคือวุยวุยก๊กจะยกทัพทั้งหมดไปปราบก๊กไหนย่อมต้องคอยระวังหลังว่าอีกก๊กจะฉวยโอกาสเข้าโจมตีหรือไม่

แม้ทางตัวเลขดูเหมือนจะทุ่มกำลังไปทางไหนทางนั้นก็น่าจะราบเรียบ แต่ในความเป็นจริงกลับต้องแบ่งกำลังอย่างหวาดระแวงเพื่อป้องกันการตลบหลัง

จึงกลายเป็นหนึ่งในสถานการณ์บีบบังคับให้ใช้นโยบายเชิงป้องกันมากกว่ารุกไล่

ประเด็นที่สองต้องมองให้ออกนอกกรอบชื่อเรื่องสามก๊ก เพราะในความเป็นจริงในแผ่นดินไร้ขอบเขตชัดเจนไม่ได้มีแค่สามก๊กตามชื่อเท่านั้น วุยก๊กยังต้องเผชิญกับคู่ต่อสู้อื่นอีก นั่นก็คือชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือ ซึ่งมีธรรมชาติเป็นนักรบ แม้มีจำนวนประชากรไม่มาก แต่ด้วยสภาพความเป็นอยู่ ประชากรทั้งหมดของชนเผ่าเร่ร่อนจึงพร้อมพลิกโฉมเป็นนักรบได้แทบทั้งหมด ประชากรไม่มาก แต่ส่วนใหญ่ล้วนมีฝีมือรบราฆ่าฟัน

ส่วนง่อและจ๊ก มีภาระเรื่องชนเผ่านอกดินแดนน้อยกว่ามาก ทั้งในเชิงปริมาณ ศักยภาพ และความมุ่งมาดที่จะเข้าก่อกวนก๊กวุยจึงต้องหวาดระแวงทั้งสองก๊กทางใต้ และชนเผ่ากลุ่มน้อยทางเหนือ กำลังทัพจึงต้องกระจาย หากคำนวณหารเฉลี่ยออกไปก็แทบไม่เหลือกำลังให้บุกโจมตีเผด็จศึกใครซักคน

ฝ่ายจ๊กในยุคขงเบ้งขึ้นบริหารสามารถเข้ากระทำบ่อยหน่อยเพราะความได้เปรียบทางชัยภูมิ แคว้นจ๊กมีภูมิประเทศเข้าถึงยาก ขงเบ้งยกทัพเหมือนเปิดประตูบ้านออกมาเขกหัวก๊กวุยเล่นเป็นครั้งคราว ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่ดีพอ ก็ขอแค่ตีกินเป็นรอบๆ ไป

ส่วนฝ่ายง่อก็ใช่ย่อย ในบันทึกประวัติศาสตร์ก็เปิดศึกกับแคว้นวุยอยู่บ้างประปรายแม้ไม่บ่อยนักเพราะชัยภูมิไม่ดีเลิศเท่าฝ่ายจ๊กความใหญ่อย่างวุยก๊กจึงดูเหมือนจะกลายเป็นความเสียเปรียบ

แน่นอนว่าการอ่านสถานการณ์สงครามด้วยปัจจัยที่ถูกทำให้เรียบง่ายแบบนี้ แล้วคิดว่านี่คือปัจจัยชี้ชะตาคือความอ่อนหัด เพราะยังมีปัจจัยอีกมากที่วิเคราะห์กันได้ไม่รู้จบ แต่จุดประสงค์ของการอ่านประวัติศาสตร์ด้านหนึ่ง ก็คือการได้แรงบันดาลใจจากเงื่อนงำในสถานการณ์บางอย่าง ในที่นี้คือเงารางๆ ของสถานการณ์ที่แจ็คมีความหวังจะฆ่ายักษ์และเงารางๆ นี้ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าในประวัติศาสตร์โลก

จักรวรรดิอังกฤษ ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน เคยครอบครองแผ่นดินมากมายรอบโลก

แต่เพราะยิ่งแผ่นดินใหญ่โต การกระจายกำลังทหารอังกฤษก็ยิ่งเบาบาง แถมด้วยความไม่ไว้ใจผู้คนเจ้าถิ่นเดิมของดินแดนที่อังกฤษเป็นเจ้าอาณานิคม ทำให้ประชากรในดินแดนอาณานิคมยิ่งมากเท่าไหร่ก็คอยแต่จะทำให้กังวลใจมากกว่ารู้สึกเข้มแข็ง จะลดกำลังทหารจากดินแดนไหนไปก็ไม่ได้ เพราะสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ และทุกดินแดนคือหน้าตาความยิ่งใหญ่ เป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญที่อังกฤษไม่ยอมเสียไปทั้งนั้น

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น ที่ไม่เคยมีอาณานิคมใดๆ จึงไล่เก็บอาณานิคมอังกฤษได้อย่างรวดเร็วหรือในโลกธุรกิจ

มือถือโนเกียเคยครองตลาดมากที่สุดถึง 14 ปีต่อเนื่อง จุดสูงสุดของยุคแห่งโนเกียเคยมีส่วนแบ่งการตลาดถึงเกือบ 40% ซึ่งนับเป็น 2 เท่าของแบรนด์อันดับสอง และเป็น 4 เท่าของอันดับสาม ใครเล่าจะนึกว่า โนเกียจะมีสภาพตกต่ำเป็นแบบทุกวันนี้ได้

สภาพสินค้าโนเกียตอนก่อนสูญเสียความเป็นผู้นำ คือการออกสินค้าหลากหลายซีรี่ส์ ไม่ว่ามือถือหลักพัน ถึงมือถือหลักแสน เน้นตลาดวัยรุ่น วัยทำงาน หรือวัยรวย จะเอาแบบแท่ง แบบฝาเปิด แบบพับ แบบสไลด์ สี่เหลี่ยม ครึ่งวงกลม ขนาดเล็กขนาดใหญ่ โนเกียจัดให้หมด เพราะไม่ต้องการสูญเสียฐานตลาดไหนไปเลย แถมมีแต่จะต้องการจับจองตลาดให้กว้างขวางมากขึ้นๆ

เมื่อไม่ต้องการเสียฐานลูกค้าเดิมไป จึงต้องกระจายความสนใจไปกับการพัฒนามือถือในทุกกลุ่ม จนไม่สามารถพัฒนาอะไรโดดเด่นได้ซักด้าน เอาแค่นั่งทำโฆษณาให้ถูกใจทุกกลุ่มเป้าหมาย ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว แถมผลที่ได้ คือแบรนด์ที่มีความเบลอ

ทั้งที่โนเกียเองก็มีวิสัยทัศน์พอจะมองเห็นแล้วว่าโลกมือถือจะพัฒนาไปทางใด ซึ่งโนเกียเองนี่แหละที่ผลิตแท็บเล็ตขึ้นมาได้ก่อนเป็นแบรนด์แรก แต่เมื่อไม่โฟกัส ก็ทำให้พัฒนาไปไม่สุด

การกระจายความสนใจ และไม่กล้าปล่อยมือจากตลาดใหญ่ที่เคยครอบครอง นำมาซึ่งความพ่ายแพ้ในตลาดมือถืออย่างกู่ไม่กลับแบบที่เราเห็นกันในทุกวันนี้

ย้อนกลับไปที่ยุคสามก๊ก จริงอยู่ที่ทั้งจ๊กและง่อ ไม่ประสบความสำเร็จในการล้มวุยก๊ก จนบางคนวิเคราะห์ตีตราขงเบ้งว่าทำอะไรโง่ๆ ออกรบครั้งแล้วครั้งเล่าจนบ้านเมืองอ่อนแอ แต่นั่นเป็นข้อสรุปหลังจากรู้แล้วว่าวุยก๊กคือผู้ชนะใช่หรือไม่ ซึ่งถ้าผลแพ้ชนะพลิกผัน บทวิเคราะห์คงต่างไปเป็นอีกแบบ

แต่อย่างน้อยที่สุดความจริงช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์สามก๊กคือ ก่อนสถานการณ์จะสงบลง ก๊กใหญ่ที่สุด อย่างวุยก๊ก เคยถูกบีบบังคับให้เป็นฝ่ายตั้งรับ ให้อีกสองฝ่ายที่เล็กกว่าเป็นฝ่ายกระทำ โดยไม่มีโอกาสตอบโต้กลับ

และจากเหตุการณ์หลายๆ ครั้งในประวัติศาสตร์ไม่ว่าด้านการเมืองหรือการทำธุรกิจก็แสดงให้เห็นได้ว่านี่แหละคือโอกาส เมื่อพละกำลังมหาศาล มาพร้อมความอุ้ยอ้าย ความเล็กกะทัดรัด จึงอาจสามารถเอาชนะยักษ์ได้ด้วยการโฟกัสและความคล่องตัว

แจ็คจะล้มยักษ์ได้หรือไม่ยังมีอีกหลายปัจจัย แต่แจ็คที่เรียนรู้ถูกทางจะต้องไม่คิดไปเองว่ายักษ์ใหญ่ไม่มีทางล้มลง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาส