posttoday

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

12 มีนาคม 2559

ในยุคข้าวยากหมากแพง ไม่ว่าจะหยิบจับจ่ายอะไรสักอย่างก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่าจะคุ้มค่าเงินไหม

โดย...กองบรรณาธิการ

ในยุคข้าวยากหมากแพง ไม่ว่าจะหยิบจับจ่ายอะไรสักอย่างก็ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีว่าจะคุ้มค่าเงินไหม สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้ว หนึ่งในค่าใช้จ่ายสำคัญก็คงจะเป็นค่าอาหารกลางวัน (บางคนพ่วงมื้อเช้า บ่าย และค่ำมาด้วย) ซึ่งต้องใช้ต้องกินกันทุกวัน เฉพาะค่าอาหารอย่างเดียวก็เป็นตัวเลขมากโข ถ้าประหยัดในส่วนนี้ได้ก็จะเป็นเรื่องดี แต่ถึงจะต้องประหยัดแค่ไหน อาหารก็ควรจะรสชาติดีและมีปริมาณมากพอให้อิ่มท้องด้วย

นั่นเองทำให้ย่านออฟฟิศทั้งหลายจึงมีร้านอาหารมากมายผุดขึ้นมาคู่กัน ไม่ว่าจะเป็นร้านห้องแถว ศูนย์อาหาร ตลาดนัดรถเข็น แผงลอย ฯลฯ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม ถ้าได้ชื่อว่าอร่อย ถูก และดีแล้ว พลังมนุษย์ออฟฟิศจะทำให้ร้านหรือย่านนั้นคึกคักขายดิบขายดีไปในทันใด และไม่ได้มีเพียงแต่คนในออฟฟิศละแวกใกล้เคียงที่ไปอุดหนุน แต่ย่านของกินถูกและดีเหล่านั้นจะมีผู้คนทั่วไปจากทั่วสารทิศแวะเวียนไปฝากท้องเสมอ

อาหารถูกปากราคาถูกใจ ในย่านช็อปปิ้ง

ตรอกเล็กๆ ติดกับโรงภาพยนตร์สยามสกาลา คือ แหล่งรวมร้านอาหารราคาถูก ที่ตั้งอยู่ใจกลางสยามสแควร์ที่อยู่มาคู่กับโรงภาพยนตร์มายาวนาน ในช่วงเที่ยงวันยันบ่ายแก่ๆ มักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่เข้ามารับประทานอาหารกันอย่างหนาตา ที่นี่จึงเป็นดั่งอู่ข้าวอู่น้ำของมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่อยากจ่ายค่าอาหารมากเกินความจำเป็น

ภายในตรอกเล็กๆ มีร้านอาหารเรียงรายทอดยาวไปตามแนวทางเดิน มีของกินหลากหลายให้เลือกซื้อ ซึ่งจะเป็นลักษณะของร้านอาหารจานเดียวง่ายๆ ที่เน้นความสะดวก รวดเร็ว และประหยัดเงินในกระเป๋า เหมาะกับวิถีของคนวัยทำงานที่มีช่วงเวลาอันเร่งรีบ โดยร้านอาหารที่พบส่วนใหญ่ก็มักเป็นร้านข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ขาหมู ฯลฯ

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

 

และแน่นอนว่าราคาอาหารตรงนี้เมื่อเทียบกับร้านอื่นๆ ที่รายรอบในย่านสยามต่างกันอย่างสิ้นเชิง

แม่ค้าขายข้าวแกงรายหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ป้าขายข้าวแกงมานานกว่า 40 ปีแล้ว และร้านข้าวที่นี่ก็มีขายมานานพอๆ กับโรงภาพยนตร์สยามสกาลา ซึ่งจะเปิดขายทุกวัน ตั้งแต่จันทร์-เสาร์ และหยุดทุกวันอาทิตย์ โดยคนที่เข้ามากินที่นี่มีทั้งพนักงานบริษัท พนักงานในห้าง นักเรียน นักศึกษา รวมทั้งคนทั่วไป

“เมนูที่ป้าขายก็เป็นข้าวแกง 1 อย่าง ราคาจานละ 35 บาท 2 อย่าง ราคา 40 บาท คือเพิ่มกับข้าวเป็นอย่างละ 5 บาท เริ่มขายกันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ไปจนถึง 5 โมงเย็น ขายกันในราคาทั่วไปไม่แพง ซึ่งมันเป็นราคาปกติทั่วไปที่เหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย พนักงานส่วนมากจึงมักเข้ามาซื้อข้าวแล้วนั่งกินกันตรงนี้ หรือบางคนก็ห่อใส่กล่องนำกลับไปกินข้างนอก”

มนัชญา บุญเรื่อง พนักงานธนาคารสาขาในห้างหรู หนึ่งในขาประจำย่านนี้เล่าให้ฟังว่า ร้านอาหารในห้างนั้นราคาแพง แม้จะเป็นฟู้ดคอร์ทราคาก็ยังคงสูงอยู่ จึงเลือกมากินข้าวที่นี่มากกว่า

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

 

“มากินข้าวที่นี่เกือบทุกวัน บางวันถ้าไม่มีเวลาก็สั่งให้แม่บ้านมาซื้อเข้าไปให้กินในห้องพักของพนักงานที่ธนาคารตอนช่วงพักเบรก ส่วนใหญ่ก็กินข้าวราดแกงง่ายๆ เพราะเรามีเวลาจำกัด จะให้ซื้อข้าวในห้างกินทุกวันก็คงไม่ไหว มีร้านข้าวตรงนี้ทำให้พอช่วยลดค่าใช้จ่ายลงได้”

เช่นเดียวกับ รุ่งนภา แสนแข็ง พนักงานธนาคารในห้างหรูอีกคนที่นั่งกินข้าวด้วยกัน บอกว่า “ยิ่งทำงานในห้าง ก็ยิ่งต้องเซฟค่าใช้จ่ายให้มากกว่าที่อื่น เพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้มันเต็มไปด้วยสิ่งล่อตาล่อใจที่พร้อมจะดึงดูดให้เราต้องเสียเงินไปกับมันโดยเฉพาะอาหารการกิน

“ร้านแพงๆ ไม่ใช่ว่าไม่กินนะ ก็กินบ้างนานๆ ครั้ง แต่จะให้มานั่งกินฟู้ดคอร์ท จานละ 60-70 ในห้างทุกวันมันก็ไม่ไหว ร้านข้าวตรงข้างสยามสกาลามันจึงไม่ใช่แค่ร้านทางเลือก แต่มันคือร้านอาหารหลักของพนักงานอย่างเราก็ว่าได้ รวมไปถึงมนุษย์เงินเดือนหลายคนก็มักจะมากินข้าวที่นี่กัน เพราะมีราคาไม่แพง”

อีกย่านอยู่ไม่ไกลกันคือ หลังวัดปทุมวนารามหรือถนนหน้าโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ถือเป็นอีกแห่งที่มีร้านอาหารราคาถูกให้เลือกซื้อ บริเวณนี้อยู่ท่ามกลางตึกสูง แวดล้อมด้วยห้างสรรพสินค้าเลื่องชื่อ มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง ขนมจีน ก๋วยเตี๋ยว รวมถึงอาหารอีสาน ลาบ น้ำตก ส้มตำ และไก่ย่าง อาหารพื้นฐานง่ายๆ ตามแบบฉบับของร้านค้าริมทางทั่วไป

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

 

ปูนิ่ม จูมงคล หนึ่งในผู้ประกอบการร้านอาหารเล่าว่า ขายผัดไทยและอาหารตามสั่งมานานกว่า 10 ปี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นพนักงานในห้าง และกลุ่มนักเรียนนักศึกษา โดยจะเริ่มขายตั้งแต่ 9 โมงเช้า ไปจนถึงตอนเย็น มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 500-1,000 บาท ซึ่งร้านค้าริมทางในบริเวณนี้ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย

“ลูกค้าเข้ามากินส่วนมากจะเป็นพนักงานที่อยู่ในห้าง ราคาเมนูอาหารหากเทียบกับในห้างก็ถือว่าไม่แพง ซึ่งจะตกอยู่ที่เมนูละ 40-50 บาท โดยช่วงที่ผู้คนคึกคักจะเป็นช่วงกลางวัน โดยเฉพาะในตอนเที่ยง ที่นี่เราจะเปิดขายกันทุกวันตั้งแต่ช่วงสาย ไปจนถึงตอนเย็น หรือบางคนก็ตั้งร้านขายตอนกลางคืนก็มี สลับสับเปลี่ยนกันไปตามที่แต่ละคนสะดวกมาตั้งร้าน”

พ่อค้าส้มตำ-ไก่ย่างรายหนึ่งกล่าวว่า จุดเด่นของร้านอาหารริมทางหน้าโรงเรียนวัดปทุมฯ คือ ตั้งอยู่ติดห้างสรรพสินค้าจึงสะดวกในการเดินมาเลือกซื้อและรับประทานอาหาร ซึ่งจะทำให้คนที่มาเดินในห้างหรือคนทั่วไปที่ผ่านเข้ามามีทางเลือกในการรับประทานอาหารมากขึ้น

“ผมเปิดร้านขายไก่ย่างส้มตำที่นี่ทุกวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็น มีทั้งเมนูไก่ย่าง ไส้กรอก แหนม ข้าวเหนียว ส้มตำ ตามแบบฉบับอาหารอีสาน ซึ่งร้านเล็กๆ ตรงนี้เราขายกันในราคาทั่วไปที่ไม่แพงมาก ลูกค้าส่วนใหญ่นอกจากจะมาจากในห้างแล้ว ยังมีนักเรียนและครูในโรงเรียนในช่วงเวลาพักเที่ยง หรือหลังเลิกเรียน”

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

 

พนักงานฝ่ายขายรายหนึ่งในห้างดังย่านนั้นกล่าวว่า สาเหตุที่เลือกรับประทานที่นี่เป็นประจำเนื่องจากสะดวก และประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่าศูนย์อาหารในห้าง หรือบางครั้งก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศออกมาเดินเล่นข้างนอกบ้าง เลยถือโอกาสแวะซื้อข้าวกลับเข้ามานั่งทานด้วย

 “ผมทานข้าวที่นี่เป็นประจำทุกวัน เพราะศูนย์อาหารในห้าง มีราคาค่อนข้างแพง และอยู่คนละฝั่งกับที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งเดินมาตรงนี้จะใกล้กว่า ในที่ทำงานจะมีห้องทานอาหารไว้ให้สำหรับพนักงาน ซึ่งบางครั้งก็เดินมาซื้อแล้วนำกลับไปทานข้างใน หรือถ้ามีเวลาพักนาน ก็นั่งทานตรงนั้นเลย แล้วแต่ความเหมาะสมของช่วงเวลาในสถานการณ์ตอนนั้น ซึ่งส่วนมากพนักงานในห้างก็มักจะทานกันแบบนี้ เพราะมันประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายของเราด้วย” พนักงานฝ่ายขายกล่าว

25 บาทก็อิ่มได้ ตลาดรวมทรัพย์ อโศกฯ

ช่วงเวลากลางวัน ณ ตลาดรวมทรัพย์ อยู่ตรงข้ามอาคารแกรมมี่ข้างๆ ตึกมิดทาวน์ อโศก ที่สร้างบนพื้นที่ 5 ไร่ มีโรงอาหารขนาดใหญ่บรรจุร้านขายข้าวมากกว่า 30 ล็อก เรียงรายให้บริการอาหารราคาย่อมเยา ราคาประมาณ 25-60 บาท เปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงเช้า 7-8 โมงเช้า ก็มาอิ่มอร่อยได้แล้ว และจะปิดในเวลาช่วง 4 โมงเย็น

มนัส โพธิ์แจ้ง วัย 25 ปี ช่างซ่อมแอร์ และ จรัญ เวียงสีมา อายุ 42 ปี หัวหน้าช่างซ่อมแอร์ ซึ่งมักจะแวะมากินข้าวกลางวันที่นี่เป็นประจำถ้าวันไหนมีงานย่านอโศก ทั้งคู่บอกว่า ด้วยค่าครองชีพในยุคปัจจุบันที่ค่อนข้างสูง การเลือกกินข้าวมื้อกลางวันราคาถูกเป็นสิ่งจำเป็นมากเพื่อช่วยรัดเข็มขัด

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

 

“ผมเงินเดือนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท แต่เดือนไหนทำโอทีเยอะก็ได้ราวสองหมื่นบาท แต่ด้วยข้าวของยุคนี้แพง บางครั้งก็จำเป็นต้องประหยัดกว่าปกติ แม้ยังไม่ได้แต่งงานแต่ก็ต้องส่งเงินไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดด้วย ทำงานในกรุงเทพฯ 20 ปีถ้าอยากเหลือเงินเก็บมากๆ ก็ต้องประหยัด แต่กรุงเทพฯ มีทั้งปัญหารถติดหากมาทำงานสายก็โดนหักค่าแรงอีก” จรัญบอก ด้วยงานที่ทำให้ต้องเดินสายไปซ่อมแอร์ทั่วกรุงเทพฯ ทั้งสองยอมรับว่าตลาดรวมทรัพย์แห่งนี้ ราคาอาหารอย่างเช่นข้าวแกงที่ตกอยู่จานละ 25-35 บาทนั้นราคาย่อมเยามากๆ เมื่อเทียบกับข้าวแกงย่านนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังที่อยู่ห่างกลางใจเมือง แต่กลับมีราคาที่แพงกว่า

“ผมชอบกินข้าวแกง เพราะมีให้เลือกหลายชนิด แล้วร้านข้าวที่นี่รสชาติก็อร่อยเกือบทุกร้าน แล้วก็ตักให้เยอะมากเรียกว่ากินจนอิ่มเลย บางมื้อถ้าอยากประหยัดก็จะเลือกสั่งข้าวแกงแค่ 2 อย่าง ราคา 35 บาท ซื้อน้ำอีก 15 บาท มื้อหนึ่งตก 50 บาท ผมคิดว่าเป็นราคาที่โอเค ช่วยผมใช้เงินได้ประหยัดไปจนถึงช่วงสิ้นเดือน” มนัส บอก

สำหรับเมนูยอดฮิตที่ตลาดรวมทรัพย์แห่งนี้คือ ข้าวคลุกกะปิร้านคุณวรรณ ข้าวแกงที่ร้านครัวไทย และร้านสุภาพรก็รสชาติดี หรือน้ำพริกกะปิและน้ำพริกอื่นๆ ที่ร้านน้ำพริกเบญจรสก็ถูกปาก หรือข้าวมันไก่ตอนที่ร้านสมข้าวมันไก่ตอนก็อร่อยราคาขั้นต่ำ 40 บาทไปถึง 50 บาท แม้จะไม่ได้มาทำงานย่านนี้บ่อย แต่เฉลี่ยแล้ว 8 ครั้ง/หนึ่งเดือน ก็จะมากินข้าวที่ตลาดแห่งนี้ และพวกเขามากินข้าวที่นี่ได้ 2 ปีแล้ว ซึ่งราคาอาหารที่ผ่านมาก็ยังเดิมๆ

ด้าน ณัฏฐนันท์ ลิ่มสุวรรณ วัย 50 ปี เถ้าแก่ร้านสุภาพร ซึ่งจำหน่ายอาหารตามสั่ง ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตก ต้มเลือดหมู กวยจั๊บ เย็นตาโฟ และอื่นๆ มา 10 ปีแล้ว กล่าวว่า ตลาดรวมทรัพย์แห่งนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมของคนออฟฟิศย่านอโศก เหตุเพราะราคาอาหารย่อมเยา สามารถควบคุมราคาได้มาตลอดเพราะเปิดขายอาหารแบบเสรี สามารถขายอาหารซ้ำชนิดกันได้ ทำให้มีการแข่งขันที่รสชาติและราคาไปโดยปริยาย เมนูข้าวแกงที่ร้านสุภาพรนั้นขึ้นชื่อเรื่องต้มข่าไก่ และมะระหมูยัดไส้ที่ขายหมดตลอด

อิ่มอร่อยสุดประหยัด (ย่าน) อาหารโดนใจมนุษย์ออฟฟิศ

 

 “เสน่ห์ของตลาดแห่งนี้ผมคิดว่าอยู่ตรงความหลากหลายชนิดของอาหาร คุณภาพดีแต่ราคาไม่แพง สามารถคุมราคาได้ เจ้าไหนขายของแพงก็จะอยู่ไม่ได้ อย่างร้านผมขายอาหารตั้งอยู่บนหลักว่า คนทุกระดับสามารถกินได้ ลูกค้าผมมีตั้งแต่ระดับแม่บ้าน ยามไปจนถึงคนทำงานธนาคารก็มาเป็นลูกค้าประจำมากมาย เพราะผมเน้นขายอาหารที่หลากหลายครอบคลุมความชอบของคน”

ราคาอาหารที่นี่ปรับขึ้นเล็กน้อยจากก่อนหน้านี้เพราะค่าเช่าและค่าแรงพนักงานเพิ่มขึ้น “ผมคิดว่า ปัจจัยราคาน้ำมันหรือก๊าซหรือผักแพงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะต้องขึ้นราคา แต่ที่กระทบพ่อค้าแม่ค้ามากๆ คือราคาค่าแรงพนักงาน ไม่มีใครหรอกอยากได้กำไรน้อย แต่หากเราอยู่ได้และลูกค้าอยู่ได้ มันก็โอเคครับ และผมคิดว่าเราจะสามารถตรึงราคาอาหารไปได้อีกหลายปีครับ หากเรายอมกำไรน้อยหน่อย”

ตลาดแห่งนี้ เปิดราวๆ 6 โมงเช้า ปิดราวๆ 4 โมงเย็น ขายตั้งแต่วันจันทร์ถึงศุกร์ ปิดเสาร์และอาทิตย์

ราคาเป็นมิตร โรงอาหารทีโอที เพลินจิต

โรงอาหารทีโอที สาขาเพลินจิต เปิดให้บริการจำหน่ายอาหารราคาย่อมเยามานานกว่า 30 ปีแล้ว อุบลรัตน์ เกตุกิ่ง ผู้เช่าล็อกที่ 14 ขายข้าวแกงรสเด็ดมานานกว่า 3 ปีแล้ว ที่เลือกมาปักหลักที่นี่เพราะอยู่ย่านกลางใจเมือง แต่ค่าเช่าไม่แพงจึงสามารถขายราคาเป็นมิตรที่ 25-40 บาท แต่ก็มีอาหารชุดอย่างน้ำพริกปลาทูและผักทอดชุดที่ขายแพงสุดคือ 60 บาท

ช่วงเวลา 11.00-13.00 น. ที่นี่เรียกว่าคนแน่นขนัดจนเก้าอี้ไม่พอนั่ง เมื่อคนหนึ่งลุกก็จะมีคนนั่งต่อทันที แม้ค่าครองชีพจะแพง แต่ราคาอาหารที่นี่สามารถตรึงให้ย่อมเยาไว้ได้ เพราะค่าเช่าไม่สูง อีกทั้งเจ้าของพื้นที่คือ ทีโอทีกำหนดราคาเพื่อช่วยเหลือพนักงาน

“วันหนึ่งๆ ขายได้เป็นจำนวนมากและขายดี ก็ถือว่าคุ้ม ขายได้ตกราวๆ 1 หมื่นบาท/วัน หักรายจ่ายแล้วเหลือ 5 พัน ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีมากๆ” อุบลรัตน์ เล่า นอกจากลูกค้าจะเป็นพนักงานทีโอทีแล้ว ยังมีคนละแวกใกล้เคียงหรือแม้แต่ชาวต่างชาติที่พักโรงแรมแถวราชดำริแวะมาชิมอาหารรสชาติอร่อยและราคาไม่แพง ทั้งยังมีให้เลือกหลากหลาย รสชาติอร่อย แถมสถานที่ยังอยู่กลางใจเมือง เดินทางสะดวก นอกจากข้าวแกงที่อร่อยทุกร้านแล้ว ยังมีร้านหมูย่างล็อกที่ 21 ที่รสชาติของน้ำตกหมูของร้านนี้เป็นที่เลื่องชื่อและเป็นเมนูเด็ดที่ใครมาที่นี่ก็ต้องแวะมาชิม

โรงอาหาร TOT สาขาเพลินจิต เปิดตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ปิดเวลาบ่ายสองโมง ขายวันจันทร์ถึงศุกร์ ปิดเสาร์และอาทิตย์

อิ่มท้องสบายกระเป๋า ที่นี่... สีลม

อีกหนึ่งแหล่งอาหารอิ่มท้องสบายกระเป๋าอยู่ที่ย่านสีลม เริ่มต้นตั้งแต่ร้านส้มตำพัฒนพงษ์ ปากซอยพัฒนพงษ์ ในช่วงพักเที่ยงนั้นโต๊ะเต็มทุกโต๊ะ ร้านนี้ขายอาหารอีสานทุกชนิด ราคากลางๆ ถูกสุดเริ่มตั้งแต่ 50 บาท ที่แพงหน่อยก็มีปลาเผาซึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 200 ปลายๆ จุดเด่นของร้านนี้คือทำเลดี นอกจากนี้ข้างร้านยังพ่วงด้วยร้านไก่ย่างบางบาล ซึ่งเข้ากันดีกับส้มตำ และร้านขายผลไม้สดพร้อมรับประทานไว้ล้างปากหลังมื้ออิ่มอร่อย

ข้ามมาอีกฝั่งในซอยคอนแวนต์ มีร้านข้าวและก๋วยเตี๋ยวตั้งอยู่ริมฟุตปาททั้งสองฝั่ง นอกจากนั้นยังมีซอยตรงข้ามโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ระหว่างอาคารกมลสุโกศล กับอาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ ที่ผู้คนคับคั่ง มองผ่านๆ แทบไม่น่าเชื่อว่าข้างในจะเป็นแหล่งอาหารขนาดใหญ่ของชาวออฟฟิศย่านสีลม ตลาดแห่งนี้มีชื่อว่า ตลาด 108-1009 นอกจากอาหารแล้วที่นี่ยังมีสินค้าอื่นๆ ขายด้วย ถ้าเดินเข้าไปจากต้นซอย ฝั่งซ้ายมือจะเป็นอาหารมากหน้าหลายตาที่สะดวกสำหรับการซื้อใส่ห่อกลับไปกิน ทั้งปิ้งย่าง ของทอด น้ำพริกปลาทู ฯลฯ ลึกเข้าไปในสุด นี่แหละเหมือนแหล่งสวรรค์ยามเที่ยง มีอาหารให้เลือกนานาชนิด ทั้งข้าว ก๋วยเตี๋ยว ในราคาย่อมเยา รับรองว่า อิ่มได้ในราคามื้อละเพียง 50-60 บาท อิ่มเสร็จแล้วก่อนเดินออกสะดุดตากับร้านแกงเห็ดแกงเลียง เพราะเห็นสาวๆ ออฟฟิศยืนออต่อคิวซื้อกันเยอะดี ร้านนี้ขายเฉพาะแกงเลียงอย่างเดียว โดยลูกค้าสามารถเลือกชี้เอาผักหลายชนิดที่จะให้แม่ค้าเอาไปเลียงได้ตามใจชอบ สนนราคาถุงละเพียง 40 บาท เหมาะกับคนดูแลสุขภาพ เห็นขายง่ายๆ อย่างนี้ไม่ธรรมดา เพราะขายมากว่า 7-8 ปีแล้ว

 “เพิ่งทำงานมาราวสองปี ถึงจะเป็นย่านสีลม แต่เรื่องอาหารการกินก็ถือว่าไม่แพงนะ ถ้าเลือกถูกที่ อย่างในละลายทรัพย์ก็ไม่แพงนะ ประมาณ 40 บาท”ไชยธัช อมาตยกุล พนักงานออฟฟิศในอาคารบุญมิตรแนะนำ

ถัดไปคือ ซอยพิพัฒน์  ด้านหลังธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ มีฟู้ดคอร์ทอยู่ใน ดิ โอเอซิส พลาซ่า ข้างในเป็นอาหารข้าวแกงทั่วไป แต่ที่น่าจะเป็นทีเด็ดกว่าคือ ในซอยนอกฟู้ดคอร์ท ที่มีร้านเจ้าอร่อยอย่างก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และอีกแหล่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้สำหรับย่านสีลมอยู่ข้างธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ก็คือ ซอยละลายทรัพย์ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการช็อปปิ้ง แต่ก็มีโซนอาหารไว้ให้ฝากท้องเหมือนกัน หากเข้าซอยไปไม่ลึกมาก ด้านขวามือเป็นร้านขายอาหารทั่วไป มีเจ้าอร่อยเป็นข้าวแกงรสเด็ด ซึ่งทำให้มนุษย์ออฟฟิศย่านสีลมอิ่มท้องแบบสบายกระเป๋าได้เสมอ

ถูกและดีมีในห้างกลางเมือง

ไม่บ่อยนักที่คนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราๆ จะได้กินของถูก อร่อย ในห้างสรรพสินค้ากลางเมือง เพราะส่วนใหญ่ ไม่ว่าห้างไหนแค่กินพออิ่มมื้อหนึ่งก็ต้องควักจ่ายเป็นร้อย ยิ่งถ้าไปกันหลายคนรวมๆ กันกินอาหารเหลายังดีเสียกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนสุขุมวิท เพลินจิต ไปจนถึงราชประสงค์ ศูนย์กลางของห้างหรูของเมืองไทย เมนูอาหารจานเดียวบนห้างส่วนใหญ่แพงระยับทั้งนั้น

แต่อย่าเพิ่งสิ้นหวัง เพราะยังมีห้างที่มีของกินราคาถูก เหมาะแก่การใช้ชีวิตในยามเศรษฐกิจขัดสนให้ได้พอฝากท้องได้บ้าง หากใครผ่านไปสุขุมวิทตัดถนนอโศกมนตรี คงรู้จักห้างใหญ่ชื่อเทอร์มินอล 21 ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าอโศก(บีทีเอส) และสถานีรถไฟฟ้าสุขุมวิท(เอ็มอาร์ที) บนชั้น 5 ของห้างมีฟู้ดคอร์ท ที่ชื่อ Pier 21 Bangkok Food Court ที่นั่นคือแหล่งรวมอาหารอร่อยในราคาไม่แพงเป็นที่พึ่งพิงของคนทำงานในย่านนั้น และผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา

ฟู้ด คอร์ท ที่นี่ดังในระดับที่ CNN ของนำเสนอข่าวห้างของกินราคาถูกในย่านกลางเมืองมาแล้ว เช่นเดียวกับโลกออนไลน์ ที่ต้องมีชื่อของ Pier 21 ติดอันดับของกินราคาถูกที่หาได้ไม่ง่ายๆ ในย่านกลางเมือง ประหนึ่งเป็นหม้อข้าว หม้อแกง ที่เลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในย่านนั้นกันเลยทีเดียว

จุดเริ่มต้นของความถูก เกิดจากคนที่ชื่อ อนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่คุ้นชื่ออย่าง บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ต้องการขยายธุรกิจจากการสร้างบ้านมาสู่ธุรกิจค้าปลีก หลังจากได้ที่ดินผืนงามตรงบริเวณแยกอโศกตัดถนนสุขุมวิทมาอยู่ในความครอบครอง เขาสำรวจตลาดไปทั่วบริเวณถนนสุขุมวิท ไปจนถึงสยาม มาบุญครอง พบว่า มีห้างใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในย่านนั้น ร้อนระอุทะลุปรอท แต่สิ่งหนึ่งที่เขามองเห็นคือ แทบจะไม่มีห้างที่ตอบสนองต่อคนชั้นกลางอย่างแท้จริง ถ้าทำได้ก็สามารถอยู่รอดได้

โจทย์ที่ต้องตีให้แตกคือ ทำอย่างไรถึงจะเป็นห้างของคนชั้นกลาง ทำอย่างไรคนชั้นกลางจะเดินเข้าห้างที่ตั้งชื่อว่า เทอร์มินัล 21 ได้ อนันต์เห็นว่า เรื่องปากเรื่องท้องสำหรับคนชั้นกลางเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเป็นคนทำงานกลางเมืองค่ากินค่าอยู่ในเมืองในแต่ละวันสูงลิ่ว ถ้าสามารถขายอาหารดีๆ ได้ในราคาถูกๆ ก็น่าจะเอาชนะใจคนชั้นกลางที่ทำงานในเมืองและสามารถดึงคนเข้าห้างได้

อนันต์ ลงทุนติดต่อร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมาร่วมโปรเจกต์ใหญ่ เงื่อนไขมีอยู่ว่า ร้านมาขายอย่างเดียว ค่าที่ ค่าอุปกรณ์ต่างๆ ในการกิน ทางห้างจัดให้ ถึงกระนั้นหลายๆ ร้าน ก็ไม่อยากจะมา จนถึงขนาดต้องตามตื้ออ้อนวอนกันหลายรอบถึงจะยอมใจอ่อน โดยอนันต์ขอกำหนดราคาว่า แต่ละจานต้องถูก 30-40 บาท ก็กินได้หนึ่งอิ่ม งานนี้ อนันต์ยอมเสียในสิ่งที่ควรจะได้นั่นคือค่าเช่าที่ในฟู้ดคอร์ท รวมถึงยอมจ่ายต้นทุนค่าบริการต่างๆ ในฟู้ดคอร์ท รวมๆ กันแล้วเงินหายไปจากกระเป๋าปีละราวๆ 20 ล้านบาท แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง

เพียร์ 21 ตอบโจทย์คนชั้นกลางที่ทำงานในเมืองได้อย่างตรงเป้า ทำให้กลายเป็นแหล่งกินราคาถูกใจกลางเมืองที่มีผู้คนใช้บริการอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะช่วงเวลาพีกอย่างช่วงเที่ยงละช่วงเย็นที่ต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีกันอยู่นานกว่าจะได้ที่นั่งกิน ที่สำคัญ ถือเป็นฟู้ดคอร์ทที่ปิดให้บริการตามเวลาห้างคือสี่ทุ่มเปะไม่ขาดไม่เกิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่อนันต์ขอ และอำนวยความสะดวกให้ร้านทุกร้านต้องปิดสี่ทุ่ม

ความสำเร็จของฟู้ดคอร์ท เพียร์ 21 ขจรขจายไปทั่ว จนสื่อต่างประเทศหลายสำนักถึงกับมาทำสกู๊ปไปเผยแพร่ อนันต์ เคยบอกว่า เขายอมเสีย 20 ล้านบาท/ปีกับฟู้ดคอร์ท แต่ไม่ต้องควักเงินโฆษณาห้างปีละหลายร้อยล้านบาทเลย ห้างเทอร์มินอล 21 ก็สามารถประสบผลสำเร็จได้ด้วยการมีเพียร์ 21  แหล่งของกิน อร่อย ราคาถูกเป็นแม่เหล็กดึงคนเข้าห้างได้อย่างมากมาย

ร้านส่วนใหญ่เป็นร้านที่มีชื่อเสียงที่หลายๆ คนรู้จักกันอยู่แล้ว เช่น ธงชัย ต้มยำ นู้ดเดิ้ล ที่ราคาอาหารเริ่มต้นที่ 28 บาท ก๋วยเตี๋ยวต้มยำหมูนุ่มไข่แดงราคาสูงสุดที่ 42 บาท กวยจั๊บสามทุ่มเริ่มต้น 25 บาท  เกาเหลากวยจั๊บน้ำข้น 33 บาท ร้านสุกี้โบราณ(ไท้เฮง) ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่/หมู 25 บาทสุกี้น้ำไก่/หมู เริ่มต้น 33 บาท สุกี้น้ำรวมมิตร 40 บาท ขาหมูนครปฐม ข้าวขาหมูเพิ่มไข่ เริ่มต้นที่ 37 บาท ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับรังสิต ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู 25 บาท ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกหมู/เนื้อ 35 บาท Sweet n sour ไอศกรีมมะพร้าว 28 บาท ปฐมโอชา ก๋วยเตี๋ยวเป็ด ข้าวหมูกรอบสมุนไพรจีน 28 บาท ก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นสมุนไพรจีน 32 บาท เป็นต้น

เพราะอาหารถูกและดียัง(พอ)มีอยู่ในกรุงเทพฯ หากเลือกเป็นเลือกได้หรือเลือกถูก แม้จะมีเงินแบงก์ร้อยติดตัวใบเดียว ร้านอาหารในย่านเหล่านี้จะทำให้ทุกคนอิ่ม อร่อย แถมยังมีเงินทอนกลับมาด้วยอีกต่างหาก