posttoday

ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ ช่างผมเงินร้อยสู่เมกอัพเงินล้าน

22 ตุลาคม 2558

ถ้าพูดถึงคลื่นลูกใหม่แห่งวงการเมกอัพและแฮร์สไตลิสต์ที่ครบเครื่องทั้งหน้าตาและฝีมือต้องนึกถึง “ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ”

โดย...ณัฐดนัย คุณกมุท-กองทรัพย์ ภาพ กฤษณ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร

ถ้าพูดถึงคลื่นลูกใหม่แห่งวงการเมกอัพและแฮร์สไตลิสต์ที่ครบเครื่องทั้งหน้าตาและฝีมือต้องนึกถึง “ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ” หรือน้องฉัตร เจ้าของอินสตาแกรม nongchat และยูทูบแชนแนล สวยตามสั่ง และผลงานที่ทำให้น้องฉัตรเป็นที่รู้จักในวงกว้างก็คือ ฝีมือการแต่งหน้าทำผมให้กับหญิง รฐา โพธิ์งาม ในงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ที่ถูกจับตามองและถูกพูดถึงอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้โชว์ฝีมือในงานแต่งหน้าทำผมในงานแต่งงานของคนดังอีกมากมาย เช่น นัท มีเรีย พิงกี้ สาวิกา เมย์ เฟื่องอารมย์ ซึ่งเร็วๆ นี้เขากำลังจะเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมงานบิวตี้เวิร์กช็อปของเอเชียที่ประเทศสิงคโปร์

หลายคนบอกว่า น้องฉัตรเติบโตก้าวกระโดดในเส้นทางความงามนี้ แต่เมื่อได้พูดคุยกันแล้ว พบว่าเส้นทางของเขาเริ่มต้นไม่ง่ายและฝ่าฟันมาไม่น้อยเลย

ฉัตรชัย เริ่มต้นเล่าถึงที่มาของการจับกรรไกรและแปรงแต่งหน้าว่า ตอนอายุ 13 ปี ช่วงปิดเทอมไปสมัครเรียนทำผมที่ศูนย์ฝึกวิชาชีพใน จ.สมุทรปราการ เพราะราคาเรียนไม่แพง “ตอนแรกครูไม่ให้เรียนเพราะเราเด็กมาก แต่สุดท้ายก็ได้เรียน ซึ่งต้องเรียนพื้นฐานการทำผมก่อน พอเปิดเทอมเราก็ไม่ได้ไปเรียนต่อ เราหางานพิเศษในร้านทำผม แต่ไม่มีใครจ้างเพราะยังเด็ก ก็เลยเปิดร้านเล็กๆ ของตัวเองในบ้าน สระไดรผมเก็บเงินไปเรื่อยๆ พอสะสมได้ประมาณหนึ่ง จึงไปเรียนทำผมเพิ่มเติม จากเรียนทำผมก้าวสู่การเรียนแต่งหน้า เพื่อที่จะได้รู้หลักในการแต่งหน้าที่ถูกต้อง โดยมีน้องๆ ในละแวกบ้านเป็นนางแบบฝึกฝีมือ”

ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ ช่างผมเงินร้อยสู่เมกอัพเงินล้าน

 

งานที่จุดประกายและทำให้ฉัตรชัยตัดสินใจเดินในเส้นทางเมกอัพและแฮร์สไตลิสต์เป็นตอนที่เขาอายุ 16 ปี ครั้งแรกคือการแต่งหน้าเจ้าสาว ซึ่งนางแบบเป็นคนรู้จักกัน โอกาสแรกที่เขาได้รับ ฉัตรชัยคิดราคา 700 บาท ถ้าหากพิจารณารูปถ่ายตอนนี้เขาอาจไม่พอใจฝีมือตัวเอง แต่ขณะนั้นเจ้าสาวมีรอยยิ้มและภาคภูมิใจ

“พอเรามองย้อนกลับไปดูงานตัวเอง ก็ยังมีข้อผิดพลาดอยู่เยอะ แต่ ณ ตอนนั้น ลูกค้าพอใจเราก็ดีใจ หลังจากนั้นน้องฉัตรก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยการลองผิดลองถูกมาเรื่อย บางครั้งก็ท้อเรื่องของการประกวดแล้วไม่ชนะ หรือเรื่องความผิดพลาด เช่น ทำตามทฤษฎีแล้วผลออกมาไม่เป็นตามที่เราคิด ซึ่งต้องเรียนรู้ว่า จริงๆ แล้วรายละเอียดของลูกค้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน นิยามความสวยของแต่ละคนต่างกัน ทำให้ตอนนี้เราต้องคุยกับลูกค้าให้เข้าใจตรงกันเสมอก่อนทำงานจริง”

ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ ช่างผมเงินร้อยสู่เมกอัพเงินล้าน

 

ชื่อเสียงด้านการแต่งหน้าของฉัตรชัยดังไกล เมื่อแพรี่พาย (อมตา จิตตะเสนีย์) ช่างแต่งหน้าชื่อดังออกมาการันตีฝีมือด้วยการนำภาพและชื่อของเขาไปประชาสัมพันธ์ในเฟซบุ๊กแฟนเพจของเธอ และเมื่อถามถึงจุดเด่นของตัวเอง ฉัตรชัยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะบอกอย่างถ่อมตัวว่า จุดที่ทำให้คนรู้จักเขาจริงๆ ก็คือการเข้ามาของยุคโซเชียลมีเดีย เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เพราะสามารถอัพเดทผลงานตัวเอง ทำให้คนชื่นชอบมีโอกาสติดตามผลงานได้มากขึ้น

“อาจเพราะเราทำได้ทั้งแต่งหน้าและทำผม เวลามีคนจ้างก็เหมือนได้สองคน ซึ่งถ้าใครตามก็จะทราบว่าสไตล์ของฉัตรชัยคือเรื่องการเขียนคิ้ว สไตล์อ่อนหวาน เป็นการแต่งหน้าที่ดูเป็นมิตร รวมถึงบีฟอร์กับอาฟเตอร์ ก็คือการแต่งหน้าแล้วดูสวยขึ้น มีการแก้ไขรูปหน้าให้ดีขึ้น ส่วนการทำผมก็จะถนัดเกล้าและประดับตกแต่งช่อผมด้วยดอกไม้”

จากการวิ่งรอกรับงานตั้งแต่ตี 1 ยันค่ำของอีกวันเพื่อเก็บยอด วันนี้เมกอัพและแฮร์สไตลิสต์คนนี้มีทีมงานและผู้จัดการส่วนตัวคอยจัดคิวให้ แต่กว่าจะเดินมาถึงจุดที่ใครๆ ก็ต้องการตัว เขาบอกว่าผ่านอุปสรรคมาไม่น้อย ซึ่งอย่างแรกที่เจอก็คือเรื่องเงิน แต่นั่นก็ทำให้เขาเป็นคนมีวินัยเรื่องการใช้จ่าย และแนวคิดที่น่าสนใจ

ฉัตรชัย เพียงอภิชาติ ช่างผมเงินร้อยสู่เมกอัพเงินล้าน

 

“เนื่องจากตอนเด็กที่บ้านเราไม่ค่อยมีเงิน ก็เลยเรียนได้แค่ศูนย์ฝึกวิชาชีพ แต่คุณแม่จะสอนตลอดว่า เวลาอยากได้อะไรต้องเก็บเงินก่อน เราจึงค่อยๆ ทำงานเก็บเงิน มีเงินค่อยไปเรียนต่อหรือเอาไปใช้ และจากที่เรามาจากเด็กที่ไม่มีอะไรเลยจนมีชื่อเสียงวันนี้ ก็อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนๆ น้องๆ ที่ยังขาดโอกาสอยู่ด้วยการแจกจ่ายงานที่เราทำไม่ไหวให้พี่น้องในทีมให้เขาทำงานจุนเจือครอบครัว และเร็วๆ นี้กำลังจะเปิดสตูดิโอสอนแต่งหน้าให้คนมาเรียนด้วย”

เมกอัพและแฮร์สไตลิสต์ฝากว่า ตลอด 11 ปีในการทำงาน ต้องใช้ทั้งพรสวรรค์และพรแสวง “ในขณะที่ทุกคนเลิกเรียนแล้วกลับบ้านนอน แต่ผมต้องไปทำงานต่อ ใครที่บอกว่าอยากเป็นแบบพี่ฉัตร แต่ถ้าคุณยังไม่เริ่มทำอะไรก็เป็นไปไม่ได้ ผมถือว่าตัวเองโชคดีในหลายเรื่อง ได้รับโอกาสที่ดี มีครอบครัวและเพื่อนที่คอยเป็นกระจกสะท้อนที่ดี แม้วงการนี้จะมีการแข่งขันสูง แต่การแข่งขันกับตัวเองมันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด อยากให้คนที่ทำตรงนี้ทุกคนอย่าท้อ แล้วประสบการณ์จะสอนเราเอง"