posttoday

ศาสนาคือความสุขที่ยั่งยืน

18 ตุลาคม 2558

จากการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารAmerican Journal of Epidemiology โดยวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์

โดย...มิยาโตะ

จากการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในวารสารAmerican Journal of Epidemiology โดยวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และการเมืองแห่งลอนดอน ประเทศอังกฤษ (LSE) ร่วมกับศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยเอราสมุสแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ แนะนำว่า หากใครต้องการพบความสุขที่ยั่งยืน การหันเข้ากลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา เป็นความสุขที่ยั่งยืนกว่าความสุขรูปแบบอื่นๆ ทั้งหมดไม่ว่าจะการเป็นอาสาสมัคร เล่นกีฬา หรือเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ก็ตาม

“โบสถ์ดูจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในสังคมในการปัดเป่าความเครียด นอกจากนี้ยังเป็นที่พึ่งทางใจของคนในบั้นปลายของชีวิต”โมริซิโอ อเวนดาโน นักประชากรศาสตร์แห่งLSE ผู้เป็นคนเขียนบทความเรื่องนี้ เพิ่มเติมอีกว่า จริงๆ แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวศาสนาเอง หรือเป็นด้วยเรื่องของการมีส่วนร่วมทางสังคม ไม่ถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวในสังคมพวกเขาก็ยังไม่ได้ผลเด่นชัดในข้อนี้

กลุ่มสำรวจได้พุ่งเป้าไปที่ 1) การอุทิศตัวให้การกุศล 2) การลงคอร์สเรียนอะไรใหม่ๆ 3) การเข้าร่วมกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนา และ 4) การเข้าร่วมกลุ่มทางสังคมหรือกลุ่มการเมือง โดยเข้าไปสำรวจในกลุ่มชาวยุโรปจำนวน 9,000 คน ที่อยู่ในวัย 50ปี ซึ่งพบว่า กลุ่มที่เข้าร่วมกับข้อ 3 เพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่พบความสุขแบบยั่งยืน

ขณะที่คนที่เข้าร่วมกลุ่มทางสังคมอย่างอื่น โดยเฉพาะกลุ่มการเมืองนั้น พวกเขารู้สึกว่ามีประโยชน์ต่อตัวเองแบบชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่พอพูดถึงความสุขระยะยาว ชาวยุโรปที่ตอบแบบสอบถามบอกว่ามีความเครียดตามมาหลังจากไปรวมกลุ่มนานๆ

“สำหรับคนวัย 50 ที่ยังแข็งแรง และเลือกที่จะอุทิศตัวให้การกุศลนั้น เราไม่เห็นหลักฐานใดๆ ที่บ่งบอกว่าสุขภาพจิตของพวกเขาดีขึ้น ทว่าพวกเขามีความเสี่ยงในการรับความคิดในเชิงลบ รวมทั้งความเครียดจากอาสาสมัครคนอื่นๆ ได้” โมริซิโอ กล่าว

กลุ่มผู้สำรวจตั้งข้อสังเกตด้วยว่า สิ่งที่ยังไม่ชัดเจนก็คือ ประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกลุ่มทางศาสนานั้น เป็นเพราะการเป็นกลุ่มทางศาสนา หรือเป็นเพราะศรัทธาความเชื่อทางศาสนาเองกันแน่