posttoday

คู่คิด คู่ชีวิต ฉากหลังความสำเร็จ ‘สต็อคทูมอร์โรว์’

26 กันยายน 2558

ในแวดวงนักเล่นหุ้น หรือคนที่สนใจด้านการลงทุนคงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จัก“สต็อคทูมอร์โรว์” (Stock2morrow)

โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์

ในแวดวงนักเล่นหุ้น หรือคนที่สนใจด้านการลงทุนคงไม่มีใครปฏิเสธว่าไม่รู้จัก“สต็อคทูมอร์โรว์” (Stock2morrow) แม้ว่าปัจจุบันสต็อคทูมอร์โรว์จะเป็นมากกว่าเรื่องหุ้นและการลงทุน แต่ต้องยอมรับว่าก้าวแรกของการแจ้งเกิดแบรนด์นี้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วมีจุดเริ่มต้นมาจากข่าวสารเรื่องหุ้น โดยกว่าจะเป็นสต็อคทูมอร์โรว์ คลังความรู้ด้านการลงทุนและสร้างแรงบันดาลใจที่ได้รับการยอมรับในวันนี้ได้ก็มีเส้นทางที่ยาวนานพอสมควร

ป้อม-ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา ผู้ปลุกปั้นเว็บไซต์สต็อคทูมอร์โรว์และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทูมอร์โรว์กรุ๊ป เล่าให้ฟังว่าจริงๆ จบด้านวิศวกรรมเครื่องกล งานแรกๆ ที่ได้เริ่ม คือ งานก่อสร้างศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แล้วก็ต่อด้วยงานก่อสร้างอาคารไทยวา ทาวเวอร์ บนถนนสาทร ซึ่งเป็นช่วงที่ทำงานหนักมาก แต่ก็มีจุดเปลี่ยนตอนที่บริษัทรับเหมาสัญชาติญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่นั้นส่งไปดูงานที่ญี่ปุ่น 6 เดือน ก็เหมือนได้เบรกตัวเองและได้รู้ว่าตัวเองชอบท่องเที่ยว เริ่มค้นหาตัวเอง วางเป้าหมายในชีวิต

พอกลับมาจากญี่ปุ่นเป็นช่วงก่อนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ประมาณ 1 ปี ประเทศไทยตอนนั้นยังอู้ฟู่มาก มีบริษัทจากอเมริกาเตรียมสร้างคลีนรูมที่ใหญ่สุดในเอเชียตรงสุวินทวงศ์ แต่พอเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งจึงล่มไป ซึ่งช่วงชีวิตเหมือนกับเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะเหมือนกลายเป็นวิศวกรสายโรงงาน อยู่ทำงานในลักษณะงานประจำ 9 ปี ก็คิดว่าอยากไปทำอย่างอื่น จึงขอลาออก ซึ่งเวลานั้นบริษัทเดิมเสนอทางเลือกใหม่ให้ไปดูสายจัดซื้อ ก็ได้ย้ายกลับมานั่งทำงานประจำที่สีลม งานสนุก แต่เป้าหมายที่เคยคิดไว้ตั้งแต่ช่วงอยู่ญี่ปุ่นว่าอยากรีไทร์ก่อนอายุ 55 ปี ก็ทำให้ต้องวางแผนว่าทำอย่างไรถึงจะได้ตามเป้าหมาย

หลังจากนั้นเริ่มหันมามองเรื่องการลงทุนในหุ้น ศึกษาอย่างหนัก ทำการบ้าน ลองผิดลองถูก ทั้งเป็นนักลงทุนสายหุ้นปั่น เก็งกำไรระยะสั้น จนเรียนรู้ประสบการณ์การลงทุนที่เหมาะสมก็เริ่มอยู่ตัว เริ่มรู้ลึกมากขึ้น จนรู้สึกว่าอยากถ่ายทอดประสบการณ์เหล่านี้ให้คนที่สนใจด้านการลงทุน ก็เริ่มหาที่โพสต์เรื่องเหล่านี้ลงบนโลกออนไลน์ เริ่มมีคนติดตาม ตอนนั้นเริ่มคิดว่าอยากสร้างสังคมดีๆ เกี่ยวกับเรื่องหุ้น มีคนคุณภาพมาคุยกัน แบ่งปันประสบการณ์กันเกี่ยวกับเรื่องราวนี้ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเว็บหุ้น “สต็อคทูมอร์โรว์” ประมาณปี 2549

ป้อม ปิยพันธ์ เล่าว่า ตอนนั้นมุ่งมั่นมากกับการทำคอนเทนต์เกี่ยวกับหุ้นในสต็อคทูมอร์โรว์ แต่ต้องบริหารเวลาให้ดี เพราะต้องไม่ให้กระทบกับงานประจำ งานประจำต้องทำให้ดี หลังจากนั้นพอสต็อคทูมอร์โรว์เข้าสู่ปีที่ 3-4 ประมาณปี 2551 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญมาก เพราะเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดหุ้นร่วงจาก 900 จุดเหลือ 380 จุด ในวิกฤตย่อมมีโอกาส จึงตัดสินใจถอนเงินสำรองเลี้ยงชีพที่เก็บมา 18 ปี เอามาลงทุนในหุ้นตัวที่คิดว่าต้องขึ้นแน่นอน หรือถ้าซื้อแล้วไม่ขึ้นอีก 3-4 ปี ก็ไม่เดือดร้อน เพราะยังเป็นพนักงานประจำ แต่ปรากฏปี 2552 ทุกอย่างกลับมา หุ้นไทยฟื้นตัว ทำกำไรได้เกินกว่า 500% เลยคิดว่าเพียงพอแล้ว

“ตอนนั้นทำงานประจำมา 19 ปี ตอนนั้นรู้แล้วว่ามีแพสชั่นกับการลงทุน สนุกกับการทำสต็อคทูมอร์โรว์ จึงตัดสินใจลาออก และมาทำสต็อคทูมอร์โรว์อย่างจริงจัง พร้อมกับได้มีโอกาสคุยกับคุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม แล้วรู้สึกว่าเขาใช่ จึงคิดที่จะทำสำนักพิมพ์ และมีหนังสือของคุณแพท-ภาววิทย์ กลิ่นประทุม เป็นเล่มแรกๆ จนปัจจุบันทำสำนักพิมพ์มาแล้วประมาณ 5 ปี มีหนังสือแล้ว 50 เล่ม ทั้งแนวหุ้น และแนวแรงบันดาลใจ”

ปัจจุบันนอกจากจะมีเว็บไซต์ มีสำนักพิมพ์แล้ว สต็อคทูมอร์โรว์ยังเปิดคอร์สสอนด้านการลงทุน มีงานสัมมนาให้ความรู้ และในวันที่ 10 ต.ค.นี้ เตรียมจัดงานไฟว์ เฟส (Five Fest) เทศกาลความรู้ ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ซึ่งถือเป็นหนึ่งก้าวที่สะท้อนความสำเร็จของแบรนด์สต็อคทูมอร์โรว์

แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ นอกจากความมุมานะแล้ว ป้อมปิยพันธ์ ก็มี เอ้-กาญจน์วิภา ณ ระนอง คนสำคัญที่ถือเป็นหนึ่งในเบื้องหลังแห่งความสำเร็จที่เป็นผู้สนับสนุนในทุกด้าน

‘เอ้’ คือเบื้องหลังความสำเร็จ

“ผมกับน้องเอ้แต่งงานกันมา 8 ปีรวมๆ แล้วรู้จักกันมา 12 ปี ก่อนเกิดสต็อคทูมอร์โรว์ประมาณ 2 ปี ถือเป็นผู้ร่วมก่อตั้งเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นผู้ช่วยสนับสนุนในทุกสิ่งที่ผมคิดจะทำจนประสบความสำเร็จ ตั้งแต่แรกของคนในชุมชนสต็อคทูมอร์โรว์ ก็เข้ามาช่วยทำหน้าที่ลงทะเบียน แม้กระทั่งตอนที่ผมตัดสินใจลาออกจากงานประจำ น้องเอ้ก็เชื่อมั่นว่าผมจะยังดูแลเขาได้จะผลักดันให้สต็อคทูมอร์โรว์เติบโตต่อไปได้ ปัจจุบันน้องเอ้ก็มาช่วยดูแลในส่วนของเอชอาร์ บุคลากร น้องเอ้ไม่ชอบออกหน้า บทบาทด้านหน้าและการตัดสินใจต่างๆ เป็นหน้าที่ผม แต่ส่วนรายละเอียดต่างๆ งานหลังบ้าน น้องเอ้มาช่วยดูแลพนักงาน ซึ่งถ้าหลังบ้านดี โอเคแล้ว ผมก็พร้อมลุยไปข้างหน้า

จริงๆ ผมกับน้องเอ้ไม่ใช่คนที่เหมือนกัน มีความแตกต่างกันพอสมควร ผมเป็นคนลุย ชอบความเสี่ยง พร้อมจะแก้ปัญหาตลอดเวลา ถ้าเป็นรถก็รถถัง เป็นคนนอกกรอบ ส่วนน้องเอ้จะเป็นคนเป๊ะ ละเอียด รอบคอบ อยู่ในกรอบถ้าให้น้องเอ้ลงทุนหุ้นคงไม่ได้ แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือ ไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน ชอบนั่งร้านกาแฟ นั่งอ่านหนังสือน้องเอ้จะเป็นคนคอยหาร้านกาแฟแปลกๆ ใหม่ๆ แล้วก็ชวนกันไปในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ชอบท่องเที่ยว อาชีพเราคือนักท่องเที่ยว

ในแต่ละปีก็จะวางแผนไปเที่ยวต่างประเทศแบบที่ไปเที่ยวเอง แบ็กแพ็ก น้องเอ้มีหน้าที่เลือก หาข้อมูล จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก พอไปถึง ผมก็มีหน้าที่นำทาง ดูแผนที่ หลงบ้าง ถูกบ้าง ผมชอบถ่ายรูป น้องเอ้ก็จะเป็นนางแบบ ทุกอย่างลงตัว เวลาเที่ยวก็ลุย ตื่นตีสี่ตีห้า ขึ้นรถไฟ ไปรถบัสได้ทั้งประสบการณ์ ได้ไอเดียในการเขียนงานจากการท่องเที่ยว เวลาไปเที่ยวช่วงก่อนแต่งงาน ก็จะไปหลายๆ คน ไปเป็นกลุ่ม แต่พอแต่งงานแล้ว ชอบไปเที่ยวกับภรรยา มีความสุข เพราะไลฟ์สไตล์เหมือนกัน”

‘ป้อม’ คือเบื้องหน้าที่ชอบลุย

“พี่ป้อมเป็นคนที่ลุยไปข้างหน้า เอ้ก็คอยให้กำลังใจ เวลาทำงานเครียดๆ ก็จะไปคุยเล่น แล้วก็จะบอกว่าเดี๋ยวไปเที่ยวกันนะ พี่ป้อมก็หัวเราะ แล้วบอกว่าเหมือนเอาขนมมาล่อเด็กๆ เลย เราชอบไปร้านกาแฟใหม่ๆ นอกจากจะเป็นเหมือนคอฟฟี่เทสเตอร์ด้วย ยังได้เห็นสถานีใหม่ๆ ได้ไอเดีย ดูเมนู และนำมาปรับใช้กับร้านกาแฟที่สต็อคทูมอร์โรว์และสาขาที่จามจุรีสแควร์ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน พี่ป้อมก็ยังทำงานได้ เขียนหนังสือ สั่งงานได้ เห็นธุรกิจไอเดียใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการท่องเที่ยว

เวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน ออกไปเปิดโลกกว้าง ไปที่ที่ไม่เคยไปวัฒนธรรมเป็นแบบนี้ มีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับคนที่รู้ใจ เวลาไปนั่งร้านกาแฟ เราก็ชิลของเรา ถ่ายรูป เขาก็นั่งทำงานไป ไม่เบื่อกัน เพราะต่างคนก็มีวิถีของตัวเอง เวลาจะไปต่างประเทศ เอ้จะเลือกสถานที่ไปให้พี่ป้อมตัดสินใจ ปีนี้จะไปไหน ยังไง ถ้าเป็นทริปไกลๆ ช่วงหยุดยาวปีใหม่ สงกรานต์อาจจะไปไกลหน่อย ยุโรป อเมริกา หรือถ้าเป็นประเทศใหม่ๆ สถานที่แปลกๆ ก็ 2-3 ปีครั้ง นอกนั้นจะเป็นทริปใกล้ๆ และมีทริปพาพนักงานไปด้วย เพราะเราตัดสินใจว่าจะไม่มีลูก ก็มองว่าพนักงานเป็นลูก เวลาทำงานหนักก็ต้องพาเขาไปเที่ยว เพื่อสร้างไอเดีย”

เมื่อส่วนผสมของชีวิตคู่ลงตัวจึงเป็นสิ่งเกื้อหนุนต่อความสำเร็จในชีวิตการงานตามไปด้วย