posttoday

เรียนรู้ จากความล้มเหลว

06 กันยายน 2558

ความสำเร็จนั้นเป็นเหมือนของขวัญหรือรางวัลซึ่งทุกคนใฝ่หา แต่ว่าความล้มเหลวก็ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า

โดย...แหนง-ดู ภาพ AP

ความสำเร็จนั้นเป็นเหมือนของขวัญหรือรางวัลซึ่งทุกคนใฝ่หา แต่ว่าความล้มเหลวก็ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า กับทุกๆ เรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันและช่วงชีวิตสามารถแปรเปลี่ยนเป็นบทเรียนสอนเรา ทุกๆ คนที่ผ่านเข้ามาก็สามารถเป็นครูให้กับเราได้ การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเฉพาะแต่ในห้องเรียน โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยเท่านั้น เราสามารถเรียนรู้ได้จากสถานการณ์ของตนเอง รวมทั้งจากประสบการณ์ของผู้อื่น

กับหนังสือ “วิชาสุดท้าย (ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน)” ซึ่ง สฤณี อาชวานันทกุล ได้รวบรวม (และแปล) สุนทรพจน์วันรับปริญญาของบุคคลต่างๆ ไว้ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และเป็นประโยชน์สำหรับบางคนที่ต้องการค้นหาความหมายของชีวิต หนังสือชุดนี้มีทั้งหมด 2 เล่ม ออกวางขายเมื่อหลายปีก่อน แต่จนถึงวันนี้เนื้อหาในหนังสือเหล่านี้ก็ยังไม่ล้าสมัย และสามารถหยิบมาใช้ได้

ในเล่มที่ 2 ของ “วิชาสุดท้าย (ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน)” มีสุนทรพจน์ของ เจ.เค. โรว์ลิง ผู้ประพันธ์หนังสือชุด Harry Potter ที่ได้มอบไว้ในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2008 รวมอยู่ด้วย

แม้เวลาจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่จนถึงวันนี้สุนทรพจน์ชื่อ The Fringe Benefits of Failure, and the Importance of Imagination (ประโยชน์ทางอ้อมของความล้มเหลวและความสำคัญของจินตนาการ) ของนักเขียนหญิงชาวอังกฤษผู้นี้ก็ยังเป็นที่กล่าวขวัญถึง และเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก็ถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่อีกครั้งในชื่อ Very Good Lives : The Fringe Benefits of Failure and the Importance of Imagination โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายหนังสือเล่มนี้จะมอบให้ Lumos องค์กรการกุศลเพื่อเด็กด้อยโอกาสที่ เจ.เค. โรว์ลิง ก่อตั้งขึ้น และช่วยนักศึกษาฮาร์วาร์ดที่มีปัญหาทางด้านการเงินอีกส่วนหนึ่ง

ในสุนทรพจน์ของเธอ เจ.เค. โรว์ลิง ได้ตั้งคำถามที่ลึกซึ้งและเร้าใจ เธอพูดถึงวิธีโอบกอดความล้มเหลว และการใช้จินตนาการเพื่อให้ได้ประโยชน์ทั้งกับตัวเราเองและคนอื่น

ในเรื่องประโยชน์ทางอ้อมของความล้มเหลวนั้น เจ. เค. โรว์ลิง มีสิทธิเต็มเปี่ยมที่จะพูดถึง เพราะชีวิตเธอนั้นผ่านประสบการณ์ “ล้มเหลว” ชนิดสาหัสสากรรจ์มาก่อนที่ Harry Potter จะกลายเป็นหนังสือที่มีอยู่บนชั้นวางหนังสือของคนนับล้านทั่วโลก ก่อนที่เธอจะเป็นเจ้าของรางวัลมากมาย และกลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในสหราชอาณาจักร

เส้นทางเดินของชีวิตเธอนั้นไม่ได้ราบรื่น และทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นด้วยเวทมนตร์ เจ.เค. โรว์ลิง เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเธอด้วยการย้อนเรื่องราวชีวิตของเธอที่ฝันใฝ่อยากเป็นนักเขียน แต่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย

“ฉันเชื่อว่าสิ่งเดียวที่ฉันอยากทำทั้งชีวิตคือการเขียนนิยาย อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของฉัน ซึ่งทั้งสองคนมีพื้นเพมาจากครอบครัวยากจนและไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัย มองว่าจินตนาการที่บรรเจิดเกินไปของฉันเป็นนิสัยเพี้ยนๆ ตลกๆ ส่วนตัวที่ไม่มีวันจ่ายค่าเช่าบ้านหรือทำให้กินบำนาญได้ พ่อแม่หวังว่าฉันจะเรียนสายวิชาชีพ ฉันอยากเรียนวรรณกรรมอังกฤษ เราประนีประนอมกันในทางที่ไม่ได้ทำให้ใครพอใจเลยถ้ามองจากตอนนี้...”

เธอรับฟังคำของพ่อแม่ แต่ก็ยังมุ่งมั่นทำสิ่งที่เชื่อต่อไป และสิ่งที่เธอได้พบหลังจากนั้นคือ ความล้มเหลว “ไม่ว่าจะใช้เกณฑ์อะไรก็ตาม ฉันก็ได้ประสบความล้มเหลวอย่างใหญ่หลวงเพียงเจ็ดปีหลังจากรับปริญญา ชีวิตคู่ที่แสนสั้นระเบิดตัวเอง ฉันไม่มีงานทำ ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว และจนเท่าที่จะจนได้ในประเทศอังกฤษสมัยใหม่โดยที่ยังไม่จรจัด ความกลัวที่พ่อแม่ของฉันมีสำหรับฉันและความกลัวที่ฉันมีสำหรับตัวเองได้กลายเป็นความจริง และฉันก็เป็นความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยรู้จัก ถ้าวัดบนมาตรฐานปกติทุกรูปแบบ...”

ไม่ว่าสิ่งที่พบเจอจะหนักหนาสาหัสเพียงไร แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ยอมศิโรราบ ความล้มเหลวเป็นบทเรียนและแรงผลักดันให้ก้าวต่อ “แล้วเหตุใดฉันจึงพูดถึงประโยชน์ของความล้มเหลว? คำตอบสั้นๆ ก็คือ เพราะความล้มเหลวบังคับให้เราต้องถอดรื้อสิ่งต่างๆ ที่ไม่สำคัญ ฉันหยุดหลอกตัวเองว่าฉันเป็นอะไรมากกว่าที่ฉันเป็น แล้วก็เริ่มทุ่มเทพลังงานให้กับการทำงานเดียวที่สำคัญสำหรับฉันให้เสร็จให้ได้ ถ้าฉันประสบความสำเร็จกับอะไรอื่น ฉันก็อาจจะไม่เคยค้นพบความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในเวทีเดียวที่ฉันเชื่อว่าเป็นเวทีของฉันจริงๆ ฉันได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ เพราะความกลัวที่ใหญ่ที่สุดของฉันกลายเป็นความจริง

“แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ยังมีลูกสาวที่ฉันรัก และก็มีเครื่องพิมพ์ดีดเก่าๆ กับไอเดียใหญ่ และดังนั้น ก้นเหวจึงเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้ฉันสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่

“พวกคุณอาจจะไม่ล้มเหลวถึงระดับของฉัน แต่การล้มเหลวบ้างเป็นบางครั้งในชีวิตเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีทางที่ใครจะใช้ชีวิตโดยที่ไม่เคยล้มเหลวกับอะไรเลย ยกเว้นในกรณีที่คุณใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากเสียจนไม่เกิดมาเลยจะดีกว่า ซึ่งในกรณีนั้น ก็เท่ากับว่าคุณล้มเหลวโดยอัตโนมัติ

“ความล้มเหลวมอบความมั่นคงทางจิตใจให้กับฉัน ที่ฉันไม่เคยได้รับจากการสอบผ่าน ความล้มเหลวสอนฉันเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตัวฉันเอง ที่ฉันไม่สามารถเรียนรู้ได้โดยวิธีอื่น ฉันค้นพบว่าฉันมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและวินัยมากกว่าที่เคยคาดคิด ฉันค้นพบด้วยว่า ฉันมีเพื่อนที่มีคุณค่ามากกว่าราคาของเพชรพลอยจริงๆ ความรู้ที่คุณมีหลังจากที่โผล่พ้นความล้มเหลวแต่ละครั้งอย่างมีปัญญาและเข้มแข็งกว่าเดิม แปลว่าคุณจะมีความสามารถในการเอาตัวรอดติดตัวไปตลอดชีวิต คุณจะไม่มีวันรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง หรือรู้จักความแข็งแกร่งของความสัมพันธ์ในชีวิต จนกว่าทั้งสองสิ่งนี้จะถูกทดสอบด้วยเคราะห์ร้าย ความรู้แบบนี้เป็นพรสวรรค์ที่แท้จริง เพราะได้มาด้วยความยากลำบาก และมันก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับฉันมากกว่าคุณวุฒิทุกอย่างที่ฉันเคยได้รับ”

เรื่องราวและประสบการณ์ของ เจ.เค. โรว์ลิง ย่อมไม่ใช่สูตรสำเร็จ แต่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ที่ได้สัมผัสรับรู้ เพื่อก้าวเดินต่อในวิถีที่เลือกแล้ว