posttoday

ชีวิตคือการบริหารความสุข

12 กรกฎาคม 2558

ความสุข...กัลได้ยินคำพูดนี้ครั้งแรกตอนอายุประมาณ 9 ขวบ ขณะที่นั่งอยู่บนรถที่กำลังวิ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร

โดย...กัลยาณี สุขษาสุณี นักเขียนวรรณกรรมแฟนตาซี เจ้าของนามปากกา “กัลฐิดา”

ความสุข...กัลได้ยินคำพูดนี้ครั้งแรกตอนอายุประมาณ 9 ขวบ ขณะที่นั่งอยู่บนรถที่กำลังวิ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร รถบนถนนขับช้าลงเพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นด้านหน้า ทำให้รถของเราหยุดนิ่งอยู่บนถนนสายเอเชียหลายชั่วโมง การนั่งรถนานๆ ไม่ใช่ปัญหาของครอบครัวเรา เพราะเรามักจะนั่งอยู่ในรถตลอดเวลา ด้วยต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงทุกวันศุกร์ เพื่อไปหาคุณแม่ที่ทำงานอยู่ในเมืองหลวง กัลไม่เชิงชอบการนั่งรถนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์ความรู้และวิธีการดำเนินชีวิตในอีกหลายปีต่อมาของกัลได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องเล่ามากมายระหว่างการเดินทาง

ทำไมชีวิตไม่ใช่การหาเงินให้ได้เยอะๆ ไม่ใช่การมีชื่อเสียง หรือไม่ใช่การเต็มไปด้วยลาภยศคำเยินยอ ทำไมถึงเป็นความสุข คำถามพวกนี้วนไปวนมาในหัวของกัลหลายปี จนกระทั่งกัลขึ้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กัลก็ได้พบกับเศษเสี้ยวของคำตอบนั้นจากการอ่าน

ชีวิตคือการบริหารความสุข

 

กัลรักการอ่าน รักโลกอึกทึกที่ซ่อนตัวอยู่ในความเงียบของตัวอักษรและภาพ รักมากจนอยากอ่านหนังสือการ์ตูนทุกเวลา แต่เพราะคุณแม่ของกัลไม่สนับสนุนให้อ่านหนังสืออย่างอื่นนอกจากหนังสือเรียน การจะขอเงินจากท่านย่อมเป็นไปไม่ได้ กัลกับพี่น้องจึงเริ่มการเก็บเงินก้อนแรกเพื่อนำไปซื้อการ์ตูน แต่เงินค่าขนมก็ไม่เคยพอ กัลจึงเดินไปถามคุณแม่ว่า

“แม่คะ หนูต้องมีเงินเท่าไรถึงจะมีเงินซื้อการ์ตูนอ่านได้ตลอดชีวิต”

เมื่อกัลย้อนกลับไปมองตอนนั้น กัลรู้สึกว่านั่นเป็นคำถามที่ไร้สาระมาก ในขณะเดียวกัน กัลก็รู้สึกขอบคุณคุณแม่มากที่ตอบคำถามไร้สาระนี้ด้วยคำตอบที่ยอดเยี่ยมที่สุด

“หนูไม่จำเป็นต้องมีเงินมากหรอกลูก หนูแค่ต้องมีอาชีพที่สร้างเงินให้หนูซื้อการ์ตูนได้มากเท่าที่หนูต้องการ”

ชีวิตคือการบริหารความสุข

 

“อาชีพ” คืออะไร แล้วอาชีพ “อะไร” ที่จะสร้างเงินให้เราเอาไปซื้อการ์ตูนได้ กัลคิดจริงจังมาก หาข้อมูลทุกทางที่จะหาได้ แต่ขณะนั้นอินเทอร์เน็ตไม่ใช่สิ่งที่หาได้ทั่วไปอย่างกับสัญญาณ 3จี อย่างทุกวันนี้ การแนะแนวการศึกษาก็ไม่ได้มีไว้สำหรับเด็กอายุ 14 ปี แต่กัลโชคดีที่มีพี่ชายอยู่ในวัยที่ต้องเอนทรานซ์ ระหว่างที่พี่ชายคุยกับคุณพ่อคุณแม่เรื่องอนาคต กัลก็ไปนั่งฟัง ระหว่างนั่งรถไปกับคุณพ่อก็ถามถึงอาชีพนั้นอาชีพนี้ไปเรื่อยๆ จนสมองของกัลสรุปลักษณะอาชีพในฝัน (ที่จะทำให้มีเงินไปซื้อการ์ตูน) ได้ 2 ข้อ

ข้อแรก ต้องเป็นอาชีพที่ให้รายได้ดีตั้งแต่วันแรกที่กัลเรียนจบ เพราะกัลไม่ต้องการขอเงินคุณพ่อคุณแม่ไปซื้อหนังสือการ์ตูน ซึ่งจริงๆ ถ้าขอท่าน ท่านก็ไม่ให้อยู่ดี

ข้อสอง อาชีพนั้นจะต้องมีเวลาส่วนตัวมากพอที่ให้กัลได้อ่านการ์ตูนได้มากเท่าที่ต้องการ

เมื่อกำหนดคุณสมบัติของอาชีพที่ต้องการแล้ว ก็นำคุณสมบัตินี้ไปเทียบกับข้อมูลอาชีพต่างๆ ที่เก็บเกี่ยวจากการหาข้อมูลในตอนแรก หลังจากนั้นไม่นานกัลก็ได้อาชีพในฝัน ซึ่งก็คือ ทันตแพทย์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นการเรียนรู้การบริหารเวลาและฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะสอบคัดเลือกให้ผ่านเข้าคณะที่มีคนอยากเข้ามากที่สุดคณะหนึ่งในประเทศ

4 ปีต่อมา กัลสอบผ่านเข้าเป็นนิสิตทันตแพทย์ในรั้วเทาแสด มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ต้องเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ในหอพักคนเดียว 6 ปี แล้วจบออกมาเป็นทันตแพทย์หญิงเต็มตัว พ่วงท้ายการเป็นนักเขียนซึ่งเป็นผลต่อยอดจากการรักการอ่าน กัลมีงานมากกว่าหนึ่งงานรองรับ มีเงินซื้อการ์ตูนและหนังสืออ่านไม่จำกัด มีเวลาอ่านทุกอย่างที่อยากอ่าน มีเกียรติจากอาชีพที่ทำเพื่อประชาชน คนรอบข้างต่างชื่นชม ครอบครัวภาคภูมิใจในความสำเร็จของกัล กัลเองก็ภูมิใจในตัวเองที่ในที่สุดก็ทำได้ตามที่ตั้งใจ

ชีวิตคือการบริหารความสุข

 

กัลเดินทางมารับราชการที่ จ.สิงห์บุรี บ้านเกิดของคุณพ่อ และเป็นสถานที่ที่กัลเติบโต คืนแรก กัลนอนเอนหลังพิงกองหมอนซึ่งเอามาหนุนเพื่ออ่านหนังสือ ทั้งห้องสว่างด้วยโคมไฟหัวเตียง กัลมองห้องที่ไม่ได้นอนมาหกปีแล้วนึกย้อนกลับไปในชีวิตที่ผ่านมา วินาทีนั้นเอง กัลถึงเข้าใจคำพูดของคุณพ่อ

สำหรับกัล “ความสุข” คือการอ่าน แต่ “การอ่าน” มีราคา กัลต้องการความสุข กัลจึงต้องบริหารชีวิตของกัลเพื่อให้ตัวเองเหมาะสมที่จะได้รับ “ความสุข” นั้น กัลเชื่อเสมอว่า ความสุขเลือกคนที่คู่ควรกับมัน และคนเราก็ควรค้นหาและเลือก “ความสุข” ที่คู่ควรกับตัวเรา ความสุขที่ไม่ใช่ชื่อเสียง เงินทอง หรือเกียรติยศ คำเยินยอ แต่เป็นสิ่งที่เรียบง่ายกว่านั้น

ในวันที่กัลมีทุกอย่างที่คนคนหนึ่งจะมีได้ ความสุขของกัลก็ยังคงเหมือนเดิม นั่นคือการได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม ในห้องนอนที่เงียบสงบซึ่งสว่างไสวด้วยดวงไฟเพียงดวงเดียว