posttoday

เราทุกคน...ล้วนโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์

07 มิถุนายน 2558

อะไรคือ ความโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์? เราทุกคนล้วนโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์...จริงหรือ?

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

อะไรคือ ความโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์?

เราทุกคนล้วนโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์...จริงหรือ?

แม้นักปรัชญาอย่างอริสโตเติลจะเคยกล่าวไว้ว่า เราทุกคนล้วนเป็นสัตว์สังคมที่ต้องรวมตัวกันเป็นสังคม แต่เราทุกคนต่างก็มีพื้นที่ปกปิดที่คนอื่นๆ ไม่สามารถเข้าไปเดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่นได้ และมันก็เป็นโลกส่วนตัวที่ใครก็ไม่อาจเข้าไปได้ ยกเว้นตัวเราเอง ซึ่งในมุมมองของผม นี่ถือเป็นความโดดเดี่ยวเพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น โดยเราจะโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อเราออกไปเรียนหนังสือ ออกไปทำงาน ออกไปพบเจอผู้คน ออกไปปะทะสังสรรค์ทางความคิดกับผู้คน แต่เรากลับรู้สึกว่ามีเพียงเราคนเดียวที่เหยียบยืนและหายใจอยู่บนโลกใบนี้

ยิ่งเมื่อผมอ่านหนังสือเล่มหนาอย่าง “หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว” ของนักเขียนชาวโคลอมเบีย “กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ” จนจบลง คำตอบของคำถามนี้กลับยิ่งแจ่มชัด เคลียร์คัตชัดเจนในแง่ที่ว่า ทุกตัวละครต่างเติบโตขึ้นท่ามกลางโลกส่วนตัวอันแสนวุ่นวายใจ และการอยู่อาศัยกับผู้คนมากมาย แต่กลับรู้สึกโดดเดี่ยว

แรกเริ่มเดิมที ผมคิดว่า หนังสือเล่มนี้คงเป็นหนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวบูเอนดิยาผู้ซึ่งถูกทำนายไว้ว่าพวกเขาจะมีลูกมีหางเป็นหมู แต่เมื่อไล่เรียงสายตาอ่านเรื่องราวของครอบครัวนี้ผ่านรุ่นสู่รุ่น แต่ละคนเหมือนจะเข้มแข็ง ทว่ากลับอ่อนแอ หรือไม่ว่าจะออกไปเผชิญโลก หรือซุกตัวอยู่ในโลกของตัวเอง ต่างล้วนพบเจอว่า ชีวิตนี้หนอแสนโดดเดี่ยวเดียวดาย สวยงามตอนต้น แต่ตอนท้ายก็แตกดับลง

หากครอบครัวนี้คือภาพสะท้อนของคนทุกคนที่อยู่อาศัยบนโลกใบนี้ มันคงเป็นภาพสะท้อนที่จริงแสนจริงที่มนุษย์อย่างเราๆ ท่านๆ ต้องยอมรับและอยู่ร่วมกับมันให้ได้ ยิ่งเติบโต ยิ่งผ่านโลก ยิ่งผ่านการใช้ชีวิตมาอย่างโชกโชน ยิ่งต้องยอมรับและอยู่ร่วมกับมันให้ได้อย่างถึงที่สุด (น่าเสียดายที่มนุษย์โดยส่วนใหญ่มักยอมรับหรืออยู่ร่วมกับมันไม่ได้ หรือถึงจะอยู่ได้ ก็อยู่อย่างกล้ำกลืนฝืนใจ และดิ้นรนเพื่อลาจาก)

โชคดีที่ผมได้พบเจอกับผู้หญิงสองคนในครอบครัวบูเอนดิยา คนหนึ่งคือ อูร์ซูลา อิกัวรัน อีกคนหนึ่งคือ อมารันตา อูร์ซูลา ผู้หญิงคนแรกคือคนที่อยู่กับความเปลี่ยนแปลงไปของโลกใบนี้ได้อย่างที่มันควรจะเป็น ส่วนอีกคนหนึ่งคือเหลนสาวของเธอ ผู้ไร้ซึ่งความซับซ้อน และใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะใช้ คนหนึ่งอยู่ร่วมกับโลกภายนอกได้อย่างไม่โดดเดี่ยวมากนัก ส่วนอีกคนหนึ่งอยู่ร่วมกับโลกภายในได้อย่างไม่โดดเดี่ยวมากนักเช่นเดียวกัน

ผมถือว่านี่คือความโชคดีที่ผมได้เรียนรู้ชีวิตจากผู้หญิงสองคนนี้ เธอทำให้ผมได้มองเห็นว่า ผมจะอยู่ร่วมทั้งกับโลกภายนอกและโลกภายในได้อย่างไม่โดดเดี่ยวมากนักได้อย่างไร

เราทุกคนล้วนโดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์

คงดี ถ้ามันจะไม่โดดเดี่ยวโดยสมบูรณ์มากเกินไปนัก

พูดง่ายๆ ว่า โดดเดี่ยวให้มันน้อยถึงน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้

ไม่ว่าเรื่องราวของหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านี้จะเป็นมาและเป็นไปเช่นไร หากให้ผมทำนาย ผมก็จะทำนายว่า หนึ่งร้อยปีหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ตราบใดที่มนุษย์โดยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเรียนรู้เข้าใจ ยอมรับ และอยู่ร่วมกับโลกภายนอกและภายในได้อย่างคนที่รู้เท่าทัน ตราบนั้นมนุษย์โดยส่วนใหญ่ก็จะยังโดดเดี่ยวเดียวดายอย่างสิ้นไร้ความสุข

“เพียงสิ่งเดียว เรานั้นเหลือ เพียงสิ่งเดียว

ความโดดเดี่ยว ที่ยิ่งโต ยิ่งขยาย

หากอยู่อย่าง รู้สุขทุกข์ ได้ก่อนตาย

เราจะรู้ ค่าความหมาย ของชีวิต”