posttoday

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

23 เมษายน 2558

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง สาวประเภทสอง หรือเกย์ เก้ง กวาง เชื่อแน่ว่าหนึ่งในความฝันนั้นย่อมต้องมีความฝันที่อยากเป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศ

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร

ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง สาวประเภทสอง หรือเกย์ เก้ง กวาง เชื่อแน่ว่าหนึ่งในความฝันนั้นย่อมต้องมีความฝันที่อยากเป็นคนที่สวยที่สุดในประเทศ (หรืออาจสวยที่สุดในโลก) เพราะคนที่สวยที่สุด ย่อมคู่ควรกับการได้สวมใส่มงกุฎที่ถือเป็นยอดสูงสุดนั่นเอง

ว่าแต่อะไรที่มันอยู่บนยอดสูงสุดย่อมมีคุณค่า มีราคา และคนธรรมดาอย่างเราๆ ก็อาจได้แต่นั่งฝัน ฝันแล้วฝันอีก ฝันไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็หยุดฝัน แต่เดี๋ยวก่อนใช่ว่าความฝันนั้นจะกลายเป็นจริงขึ้นมาไม่ได้เสียเมื่อไร เพราะตอนนี้ ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) กันได้ทั้งนั้น

ได้ได้ยังไง ได้ด้วยเพราะอะไร เรามีคำตอบครับ

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

หากสวยจริงจงอย่าหยุดฝัน

หากคนที่มีรูปเป็นทรัพย์ มีความงามทั้งกายและใจ คิดฝันอยากก้าวไปสู่ยอดสูงสุดในการประกวด ก็อด-ชวลิต ชมเมือง นักออกแบบมงกุฎและเจ้าของแบรนด์มงกุฎ God Diamonds ที่ทำมงกุฎให้เวทีประกวดระดับประเทศและระดับอินเตอร์เนชั่นแนลมาแล้วมากมาย เผยว่า ฝันแล้วต้องลงมือทำ ต้องเชื่อในความงามทั้งกายและใจของเรา ต้องให้โอกาสตัวเองได้เป็นผู้สวมมงกุฎแห่งเกียรติยศนั้น

“ในฐานะคนทำมงกุฎ เราเชื่อและศรัทธามาตลอดว่า มงกุฎเป็นเหมือนเครื่องราชสำหรับนางงาม เป็นเหมือนตราประจำตัวนางงามคนนั้นไปตลอดชีวิต ถามว่า ถ้าเรามีความฝัน อยากมีเครื่องราชหรือตราประจำตัวนั้นติดตัวเราไปตลอดชีวิต หากเราสวยทั้งกายและใจ ก็จงอย่าหยุดฝัน สมัครเข้าประกวดเถิด นี่คือหนทางแห่งเกียรติยศ ที่จะทำให้เราได้สวมมงกุฎนั้น”

ชวลิตเผยว่า มงกุฎสำหรับเวทีการประกวดที่ไม่ว่าผู้หญิงหรือสาวประเภทสองต่างฝันใฝ่อยากได้มา หากเป็นมงกุฎของเวทีประกวดใหญ่ๆ เขาให้ความสำคัญกับมงกุฎที่เน้นคุณภาพของวัสดุ การออกแบบ และผลิต บ้างก็มีเพชรแท้ประดับ ราคาจึงมีตั้งแต่หลักแสนบาทไปจนถึงหลักล้านบาท

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

 

“ส่วนเวทีประกวดขนาดกลาง การจัดประกวดเหมือนเป็นการส่งเสริมกิจกรรมในท้องถิ่นเสียมากกว่า เช่น การประกวดธิดาระนอง นางสาวเชียงใหม่ นางสาวถิ่นไทยงาม นางงามสวนนกชัยนาท เป็นต้น เวทีระดับกลางนี้ก็มีการใช้มงกุฎแบบสั่งผลิตเฉพาะในราคากลางๆ ขนาดไม่ใหญ่นัก เพื่อให้ยกระดับเวทีให้มีมาตรฐานขึ้นตามเวทีใหญ่ ราคาอาจจะหลักหมื่นถึงหลักแสนบาท แต่ก็มีหลายๆ เวทีที่ใช้มงกุฎสำเร็จรูปที่วางขายที่ประตูน้ำ สำเพ็ง หรือขายตามอินเทอร์เน็ต ซึ่งราคาถูก วัสดุและความคงทนก็ลดด้อยลงมาตามราคา อีกทั้งจะเห็นได้ว่าหลายๆ เวทีก็ใช้มงกุฎซ้ำแบบกัน เพราะซื้อมาจากแหล่งเดียวกัน”

คนที่มีความฝันอยากสวมมงกุฎบ้างสักครั้งในชีวิต หากได้เรียนรู้จากคนที่ทำมงกุฎว่ากว่าจะได้มงกุฎมาสักอัน มันยากเย็นเพียงใด นี่อาจทำให้คนที่มีรูปเป็นทรัพย์ ต้องไม่ประกวดเล่นๆ แต่ต้องมุ่งมั่นตั้งใจเตรียมพร้อมตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อจะได้สิ่งที่ทำมาได้ยากเย็นที่สุดนี้ไปครองนั่นเอง

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

 

มงกุฎระดับโลกเราทำเองได้

หากเราเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาแล้วไม่ได้มีรูปเป็นทรัพย์ สวยใจ แต่อาจไม่ได้สวยกาย ไม่ต้องน้อยอกน้อยใจไป การได้สวมมงกุฎ โดยเฉพาะมงกุฎเวทีใหญ่ๆ ระดับโลก เช่น มิสยูนิเวิร์ส หรือมิสเวิลด์ มันจะไม่กลายเป็นฝันค้างเติ่งอีกต่อไป เพราะเราสามารถทำเองได้ และทำสวยเหมือนจริงได้อีกด้วย นี่คือเรื่องจริง!

โอ-นภเก้า คชานุภาพ เจ้าหน้าที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาท่าแพ จ.เชียงใหม่ ผู้ซึ่งฝันอยากมีมงกุฎระดับโลกมาสวมอยู่บนหัวตัวเองตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย ด้วยความไม่อยากให้ฝันเป็นได้แค่ฝัน เขาจึงลุกขึ้นมาทำมงกุฎระดับโลกเองตั้งแต่นั้นมา “จากที่ทำแบบง่ายๆ ก็เริ่มทำแบบละเอียดละออมากขึ้น พอเราไปเจอร้านที่ขายเพชรขายพลอยเทียม แถมมีให้เลือกหลากหลาย ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เราสนุกที่จะทำ และลงมือทำอย่างสุดฝีมือ”

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

 

นภเก้าเผยว่า มงกุฎระดับโลกจาก 7 เวทีหลัก (มิสยูนิเวิร์ส, มิสเวิลด์, มิสอินเตอร์เนชั่นแนล, มิสซูปราเนชั่นแนล, มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล, มิสอินเตอร์คอนทิเนนทัล และมิสเอิร์ท) โดยส่วนใหญ่เธอจะทำมากกว่า 5 รอบ ทำแล้วแก้ หรือหากเจอวัสดุที่เหมือนจริง ก็จะมาทำใหม่ ให้เหมือนจริงมากที่สุด สมบูรณ์มากที่สุด “ยิ่งเราทำเหมือนมากที่สุด ยิ่งรู้สึกเหมือนเราเป็นสาวงามที่ชนะบนเวทีนั้น ที่สำคัญ โอไม่ได้ทำขาย เพราะโอเคารพในคนที่คิดและออกแบบมงกุฎนั้น โอทำ เพราะโออยากทำ อยากมีสวมอยู่บนหัว หากมีเพื่อนมายืม ก็ให้ยืม หากมีใครมาให้สอนวิธีทำ โอก็จะสอนอย่างเต็มที่”

ไม่รอช้า นภเก้าก็มาสอนการทำมงกุฎดีไอวายระดับมาสเตอร์พีชของเธอ นั่นคือ มงกุฎจากเวทีมิสยูนิเวิร์ส ที่ใช้ในปี 2002-2007 ที่มีชื่อว่า มิกิโมโต้ นั่นเอง “เริ่มจากการพรินต์แบบออกมา โดยกระดาษที่พรินต์จะต้องเป็นกระดาษที่หนาประมาณ 130 แกรม จากนั้นให้เราเพิ่มความหนาด้วยการพ่นสเปรย์กาว แล้วเอากระดาษมาแปะทับอีก 2-3 ชั้น เพื่อให้กระดาษหนาให้ได้ 230 แกรม พอสเปรย์กาวแห้ง จากนั้นก็เริ่มแกะแบบ ยิ่งแกะละเอียดมากเท่าไร มงกุฏก็จะยิ่งออกมาสวยมากมากเท่านั้น หลังจากนั้น ก็ให้ขึ้นโครงมงกุฎด้วยลวดเส้นหนา โดยนำลวดมาติดด้วยกาวตราช้างเข้ากับฐาน เพื่อให้มงกุฎไม่เสียทรงเวลาเราสวมอยู่บนหัว หลังจากขึ้นโครงแล้วก็ดัดทรงเพื่อให้ฐานมันเป็นทรงกลมสวยงาม จากนั้นจึงพ่นสีโครเมียม เพื่อให้มีความเงาและความวาว พอสีแห้งก็ให้ติดเพชรด้วยกาวสำหรับงานเดคูพาจ เบอร์ 2 ติดเพชรเสร็จก็เป็นอันเสร็จพร้อมสวมได้เลย”

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

 

ที่ที่ทำให้ฝันเป็นจริง

ท้ายสุด หากเราสวยกายน้อยหน่อย แถมยังทำงานฝีมือไม่เป็น หรือขี้เกียจ หนทางเดียวคือ มุ่งหน้าไปยังประตูน้ำหรือสำเพ็งโลด เพราะที่นั่นมีมงกุฎสำเร็จรูปวางขายให้เราได้เลือกสรร ผมจึงไม่รอช้า มุ่งหน้าไปที่แพลทินัม ประตูน้ำ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ร้าน Modus ชั้น 5 นั่นเอง

เจ้าของร้าน (ไม่เผยชื่อ) เผยกับเราว่า เธอจะบินไปเลือกแบบที่เกาหลี เลือกเสร็จก็ให้ช่างที่เกาหลีทำ แล้วส่งกลับมาให้ที่เมืองไทย ข้อดีคือ เราได้เห็นแบบจริง เวลาสั่งมาทำขาย ลูกค้าจึงชอบ ขายเกลี้ยง เพราะไม่เหมือนที่อื่นๆ หรือร้านอื่นๆ

“ลูกค้าโดยส่วนใหญ่จะเป็นเกย์หรือสาวประเภทสอง ซึ่งเป็นขาประจำของเรา ซื้อแล้วก็กลับมาซื้ออีก เพราะเราเอามงกุฎที่สวยงาม มีรสนิยม และมีคุณภาพ มาขาย ราคาแพงสุดอยู่ที่ 1,500 บาท ยิ่งแพง ลูกค้ายิ่งชอบ เพราะมันสวยจริง ที่สำคัญหมดแล้วหมดเลย ต้องรอสินค้ารอบใหม่”

ใครๆ ก็สวมมง (กุฎ) ได้

 

เจ้าของร้านเผยจากใจว่า เธอเห็นลูกค้ามีความสุข มีแววตาวิ้งๆ เวลาเห็นมงกุฎที่วางขาย ยิ่งได้ซื้อมงกุฎจากร้านของเธอไปสวม เธอยิ่งมีความสุขคูณสอง “เรามีความสุข เพราะความฝันของลูกค้าได้กลายเป็นจริงแล้วนั่นเอง”

เอาเป็นว่าผมได้ลองเลือกแบบที่ถูกใจ ได้ลองสวมบนหัว แล้วความรู้สึกวิ้งๆ เป็นประกาย เหมือนได้อยู่บนยอดสูงสุดของที่ใดที่หนึ่ง ก็ปะทุออกมาโดยทันที โอวความสุขสุดยอดของการเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดมันเป็นอย่างนี้นี่เอง

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย จาก ชวลิต ชมเมือง

“ในยุคสมัยที่มีราชวงศ์ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และอีกหลายๆ ประเทศ การได้สวมมงกุฎ ถือว่าเป็นการได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ เพื่อให้เหมาะสมกับฐานันดร ไม่ว่าจะเป็นราชินี หรือเจ้าหญิง จากภาพวาดเก่าๆ เราจะเห็นว่า ราชีนี เจ้าหญิง หรือเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิง จะสวมเครื่องประดับ เหรียญประดับยศ สวมมงกุฎ หรือเทียร่า และมีสายสะพาย เพื่อบ่งบอกยศตำแหน่งฐานันดรของตัวเอง จึงไม่น่าแปลกใจที่การจัดประกวดนางงามจะได้รับอิทธิพลการประดับด้วยมงกุฎและสายสะพายมาจากยุคสมัยที่มีราชวงศ์นั้น”