posttoday

ขีดเขียนลายเส้นและน้องหมา

22 กุมภาพันธ์ 2558

สำหรับใครหลายคน “การวาดภาพ” และ “เลี้ยงหมา” อาจเป็นกิจกรรมยามว่างแสนธรรมดา

สำหรับใครหลายคน “การวาดภาพ” และ “เลี้ยงหมา” อาจเป็นกิจกรรมยามว่างแสนธรรมดา แต่สำหรับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความหลังอันน่าจดจำกับการวาดรูป เพราะเป็นกิจกรรมที่เคยทำร่วมกับคุณพ่อ และมีเพื่อนสี่ขาเป็นเพื่อนเล่นที่สนิทที่สุดตั้งแต่เด็กอย่างฉัน คงไม่แปลกที่เมื่อเจอกับคำถามว่าอะไรคือความสุขของชีวิต น้องหมา และการวาดรูป จะป๊อปอัพขึ้นมาใจพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย

ถ้าให้บอกว่าเริ่มรักในการวาดรูปหรือติดใจความน่ารักของหมาน้อยก่อนกัน ก็ตอบไม่ถูกเหมือนกันนะ เพราะสำหรับตั้งแต่จำความได้ที่บ้านก็เลี้ยงหมาไว้ 7 ตัว เป็นเพื่อนเล่นกันมา

การวาดรูปก็เป็นสิ่งที่ชอบตั้งแต่เด็ก รู้ตัวว่ามีพรสวรรค์อยู่บ้างก็ตอนที่คุณครูส่งผลงานเราไปประกวดแล้วได้รางวัล การได้รางวัลเป็นอะไรที่ภูมิใจสุดๆ อย่างน้อยเราก็มีความสามารถพิเศษที่คนอื่นไม่มี แต่ก็บอกตัวเองตลอดนะว่า รางวัลที่ได้มาไม่ใช่เพราะเราวาดสวย แต่เพราะมีไอเดียที่ฉีกจากคนอื่น

ขีดเขียนลายเส้นและน้องหมา

 

ความสุขจากการวาดรูปไม่ได้จบแค่นั้น อย่างที่บอกว่า การวาดรูปเป็นกิจกรรมที่ฉันทำร่วมกับคุณพ่อ เพราะสมัยเด็กทุกวันหยุดฉันจะชวนคุณพ่อมานั่งวาดรูปเล่นกัน ถามพ่อว่าอันนี้วาดยังไง อันนั้นวาดยังไง คุณพ่อก็สอน ใครจะรู้ว่าช่วงเวลาดีๆ เหล่านั้นกลายเป็นความรักและความประทับใจที่มีต่อคุณพ่อจนถึงทุกวันนี้ แม้คุณพ่อคุณแม่จะแยกทางกันก็ตาม แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ สมุดวาดรูปที่เป็นตัวแทนความทรงจำวัยเด็กเหล่านี้ ถูกน้ำท่วมครั้งใหญ่ทำลายไปหมดแล้วจนไม่เหลือแต่ในวิกฤตน้ำท่วมนั้น จะว่าไปฉันก็พอจะมองเห็นข้อดีอยู่บ้าง (รู้มั้ยอะไร?) อย่างน้อยฉันก็ได้เจอตัวเองอีกด้าน

เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่เล็กจนโต ฉันไม่เคยคิดว่าจะเอาความชอบและสิ่งที่ทำแล้วเป็นสุขทั้งสองอย่างมารวมกัน จนกระทั่งวิกฤตน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งใหญ่ที่ผ่านมา ฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักไม่ต่างจากใครหลายคน แต่ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีได้มั้ยที่เราเคยมีประสบการณ์น้ำท่วมมาเยอะ เพราะบ้านอยู่อยุธยาน้ำท่วมบ่อย เลยนอยด์น้อยกว่าเพื่อน ตอนนั้นแม้จะอยู่ในฐานะผู้ประสบภัยคนหนึ่ง แต่ก็ยังต้องรับหน้าที่คอยรายงานสถานการณ์น้ำและเป็นแหล่งข้อมูลให้เพื่อนๆ ที่กำลังเป็นผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ขีดเขียนลายเส้นและน้องหมา

 

แต่แทนที่จะพูดปากเปล่า ด้วยความที่ชอบวาดรูปเป็นทุนเดิม ประกอบกับเทคโนโลยีก้าวล้ำ สามารถขีดเขียนลงไปในหน้าจอมือถือแล้วส่งไลน์ให้เพื่อนได้ ภาพแรกที่วาดคือ ถ่ายภาพแป้นบาสที่บ้านที่ถูกน้ำท่วมเกือบมิด แต่วาดรูปเด็กสาวตัวเล็กที่อนุมานว่าเป็นตัวฉันเองพร้อมหมาตัวโปรดลอยเรืออยู่บนน้ำที่ท่วมสูง ท ำมาเรื่อยๆ จนวันหนึ่งฉันไปอ่านเจอข่าวสะเทือนใจว่า มีเจ้าของผูกหมาทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วขนของหนีน้ำท่วมกะว่าจะกลับมารับ แต่ปรากฏน้ำท่วมซะก่อน หมาเลยตาย เล่นเอาจุกพูดไม่ออก ตอนนั้นสิ่งเดียวที่คิดออกคืออยากช่วย เลยไปพยายามหาข้อมูลการดูแลสัตว์ช่วงน้ำท่วม แล้วถ่ายทอดข้อมูลออกมาเป็นอินโฟกราฟฟิก

รูปแรกที่วาดคือ รูปรักษาใจตกน้ำ เป็นรูปน้ำกับหมาเก๋า (สุนัขตัวโปรด) อยู่บนเรือ แล้วก็ให้ข้อมูลเรื่องทำอย่างไงให้หายนอยด์ ทำเสร็จก็แชร์ผ่านหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวปรากฏว่ามีเพื่อนเอาไปแชร์ต่อเยอะ เราก็เลยทำออกมาอีกหลายอัน แต่ชิ้นที่พีกที่สุดคือชิ้นที่อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทยนำไปแชร์ต่อ เลยมีคนเห็นเยอะ

ขีดเขียนลายเส้นและน้องหมา

 

ตอนนั้นก็ดีใจลึกๆ นะว่าสิ่งที่ทำเกิดประโยชน์กับคนอื่น ทำแล้วก็มีความสุขแถมได้ทำในสิ่งที่รัก นั่นคือการวาดรูป โดยมีสัตว์เลี้ยงที่รักมาเป็นหนึ่งในตัวละครที่วาดทุกวันนี้ถึงจะทำงานควบคู่กันทั้งเป็นนักวางแผนกลยุทธ์ค่ายเพลง Frontage และเป็นนักวาดภาพประกอบอิสระก็ยังมีความสุข แน่นอนฉันวาดอนาคตว่าวันหนึ่งต้องออกมาเป็นศิลปินเต็มตัว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ฉันยังมีความสุขกับการได้ทำงานที่รักไปคู่กับงานประจำ

และสุดท้ายฉันค้นพบแล้วว่า ความสุขที่แท้จริง บางคนไม่ได้เกิดจากสิ่งตอบแทนที่เรียกว่าเงิน เพราะสิ่งที่ทำให้ฉันยิ้มได้จากหัวใจสุด คือ ตอนที่ไปวาดให้โรงพยาบาลเด็ก วาดโดยมีน้องๆ ที่เป็นผู้ป่วยด้วยโรคอ้วน โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร แล้วต้องอยู่โรงพยาบาลหลายเดือน เวลาวาดน้องๆจะนั่งอยู่รอบๆ คอยบอกเราวาดนู่นวาดนี่ก็สนุกไปอีกแบบ แต่ยิ่งชื่นใจเมื่อพยาบาลเล่าให้ฟังว่า น้องบางคนใช้กำแพงที่เราวาดเป็นสื่อกลางในการเล่านิทานกัน มันเป็นความรู้สึกที่ฟินสุดๆ

ขีดเขียนลายเส้นและน้องหมา