posttoday

แสงเงาในโลกแห่งเวลา : ชมศิลป์

24 กันยายน 2552

โดย...อัคร เกียรติอาจิณ

โดย...อัคร เกียรติอาจิณ

ได้ยินครั้งแรกก็ทำเอามึนไปพักใหญ่เหมือนกัน อะไรอ่ะ? “สุริยุ..ป๊ะหละ” แต่เมื่อไปเจอกับคนที่คิดคำนี้ “วิชญ์ พิมพ์กาญจนพงศ์” เราจึงร้องอ๋อที่แท้ก็คือ!?!

“มันเหมือนเป็นทั้งการย้อนถาม การเชิญชวน ซึ่งความหมายของมันก็ไม่ได้ซ่อนนัยอะไรเลยนะ ก็แค่ผมบอกว่าสิ่งที่คุณกำลังเห็นนี่ใช่ สุริยุ...ป๊ะหละ เท่านั้นจริงๆ” วิชญ์ เปรยให้ฟังถึงชื่อนิทรรศการศิลปะของเขา ก่อนจะพูดถึงผลงานที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

ห้องสี่เหลี่ยมภายในถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด สายตาของเราจดจ้องอยู่ที่โครงไม้ขนาดสูง เสียงของสามเหลี่ยม (คล้ายใบพัด) ที่ทำจากอะครีลิกค่อยๆ หมุนเลื่อนตำแหน่งไปตามมอเตอร์ แสงสว่างเริ่มปรากฏ แต่ไม่ช้ามันก็เข้าสู่ความมืดอีกครั้งนานกว่า 10 นาทีนั่นล่ะ เราถึงมองเห็นอะไรได้ถนัดถนี่

งานชุดนี้วิชญ์ตั้งใจทำขึ้นเพียงชิ้นเดียว โดยเขาต่อยอดมาจากงานชุดก่อน “ไมยราบ” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาการวูบไหวของต้นไมยราบ(จัดแสดงในเทศกาลบางกอก กล๊วย กล้วย/หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร) เขาอธิบายสั้นๆ ว่า เป็นงานที่ไม่มีสเตตเมนต์ หรือถ้อยคำพิเศษใดๆ ให้พูดถึงเป็นการเฉพาะ แต่มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแทรกไว้ให้ขบคิด

“ผมให้งานชิ้นนี้เหมือนการลองสีใช้ชนิดใหม่ ลองเปลี่ยนจากการปั้นดินมาเป็นการเชื่อมเหล็ก หรือลองเล่นกล้องวิดีโอความละเอียดสูง เพราะมันจะเป็นการเล่นกับเทคนิคและองค์ประกอบมากขึ้น จุดมุ่งหมายของผมคือพยายามจะทำให้มันอยู่ในแนวทางของการผสมระหว่างศิลปกรรมกับสถาปัตยกรรม มันถูกพัฒนามาจากมุมมองเชิงสถาปัตยกรรม โดยไม่เน้นเนื้อหาเชิงศิลปกรรมว่าคืออะไร แต่กำลังพูดถึงสิ่งที่กำลังเปลี่ยนไปในงานสถาปัตยกรรมมากกว่า”

อย่างที่วิชญ์บอกไว้นั่นล่ะว่า “สุริยุ...ป๊ะหละ”ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวการเกิดสุริยุปราคา หรือหากใครจะมองว่ามันใช่ เจ้าตัวก็ไม่ห้าม แต่สำหรับเขามันคือ “ปีศาจสีดำ” ที่อยู่ในรูปแบบ “Time Base Sculpture” อันมีเวลาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของงานประติมากรรม

“เมสเซจที่จะบอกไม่ได้มีความหมายอะไรกับสุริยุปราคาเลยครับ มันเป็นแค่การยืมคำมาถามมากกว่า สุริยุ...ป๊ะหละ คำว่าป๊ะหละคือการผลักมันออกไปจากความเป็นจริง เจตนาของผมอยากให้มันคลุมเครือกำกวม โดยจะผลักคนดูด้วยคำว่าป๊ะหละ และที่ผมทำชิ้นเดียวเพราะพื้นที่แกลเลอรีมันทำได้เท่านี้ ถ้ามี 2 ชิ้น ตั้งไว้ใกล้ๆ กัน พร้อมๆ กัน ผมว่ามันน่าจะเหมือนดาวประหลาด 2 ดวง ยืนในมุมต่างกัน อาจจะเห็นแสงเงาต่างกันเล็กๆ แต่โดยรวมคงมองมันเป็นปีศาจสีดำเหมือนกันแน่นอน”

แรงบันดาลใจที่ทำให้วิชญ์สร้างงานชิ้นนี้ มันเริ่มจากการที่เขาไม่อยากนั่งคลิกเมาท์คอมพิวเตอร์ข้ามวันข้ามคืนอีกงานตัดต่อดีๆ หรือไม่ก็แอนิเมชันเจ๋งๆ สักเรื่อง แต่ต้องแลกกับความเมื่อยล้า อาจไม่ใช่สิ่งที่วิชญ์ปรารถนามากนัก

“การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ การคลิกเมาท์ทุกวัน เมื่อยแขนมากๆ และพออยู่กับมันบ่อยๆ ก็รู้สึกว่าเบื่อล่ะ ผมก็เลยต้องหาอะไรสนุกๆ ทำ โดยอาศัยความรู้ที่ตัวเองมีนี่ล่ะต่อยอด จนมาสรุปที่งานชิ้นนี้ มันจะเล่นกับแสงและเงาที่ตกกระทบกับที่ว่าง ซึ่งผมให้ความสำคัญเท่าๆ ตัวชิ้นงาน”

“สุริยุ...ป๊ะหละ” ประกอบไปด้วยวัสดุสามเหลี่ยมอะครีลิก โครงไม้ที่เรียงต่อกันเป็นชั้น และมอเตอร์ที่ควบคุมการทำงานของสามเหลี่ยม (โปรแกรมนี้ได้ กิตติชาติ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เพื่อนของวิชญ์ช่วยออกแบบ) เพื่อให้เกิดแสงและเงา โดยมีระยะเวลากำหนดไว้ทั้งสิ้น 24 นาที

มอเตอร์เริ่มทำงาน สามเหลี่ยมถูกเลื่อนไปในตำแหน่งช้าๆ และผลัดเปลี่ยนเร็วขึ้น การเหลื่อมกันของสามเหลี่ยมนำมาซึ่งแสงสว่าง จากมืดสนิทกลับกลายเป็นสว่าง ระหว่างนั้นเงาอันเกิดจากกระบวนการทำงานจะปรากฏเป็นภาพกระทบผนัง สร้างความแปลกตาตื่นใจไม่น้อย จนเมื่อถึงนาทีสุดท้ายความสว่างจ้าจะถูกแทนที่

“ที่ต้องใช้สามเหลี่ยมเพราะผมคุ้นเคยกับมันดี เวลาจะขึ้นโมเดลก็ต้องทำเป็นสามเหลี่ยมก่อนเสมอ เพราะมันบอกจุดได้แม่นยำ ถ้าเป็นสี่เหลี่ยมมันจะมีความบิดเบี้ยวเยอะ ข้อดีของสามเหลี่ยมคือมันจะหลบกันเอง การเคลื่อนไหวผมจะใช้หลักการคล้ายๆ กับจังหวะและห้องดนตรี แล้วมันก็สวยและมีความน่ากลัวในตัวด้วยนะ ยิ่งตอนมืดเงาของมันเหมือนปีศาจมากเลยครับ”

นิทรรศการ “สุริยุ...ป๊ะหละ” จะจัดแสดงไปจนถึงวันที่ 25 ต.ค.นี้ ณ 100 ต้นสนแกลเลอรี (ซอยต้นสน) สอบถามรายละเอียด โทร. 026841527 www.100tonsongallery.com