posttoday

พ่อ-ลูก…นักประกัน ครอบครัว 'ฟูศรีบุญ'

24 มกราคม 2558

บริษัท นำสินประกันภัย เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังวางรากฐานสำคัญ เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ของตระกูลให้ขึ้นมารับช่วงต่อ

บริษัท นำสินประกันภัย เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังวางรากฐานสำคัญ เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ของตระกูลให้ขึ้นมารับช่วงต่อเป็นผู้บริหารรุ่นที่ 3 ของธุรกิจครอบครัวในอนาคต

 อาชว์ ฟูศรีบุญ จึงถูกวางตัวให้เป็นหนึ่งในทายาทที่จะมารับไม้ต่อในครั้งนี้ โดยมีคุณพ่อสมบุญ ฟูศรีบุญ กรรมการผู้อำนวยการบริษัท เป็นผู้ฝึกวิทยายุทธ์ให้

ปัจจุบัน อาชว์ รับตำแหน่งหัวหน้าแผนกตรวจสอบและพัฒนาสาขา ฝ่ายกิจการสาขาบริษัท นำสินประกันภัย กล่าวว่า คุณพ่อสอนให้คิดเองมาตั้งแต่เด็กๆ ให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ เวลาเข้ามาทำงานที่บริษัท นำสินประกันภัย ก็สอนให้ต้องขยันมากกว่าคนอื่น

พ่อเป็นแบบอย่างที่ดี

อาชว์ : คุณพ่อก็เป็นตัวอย่างที่ดี อย่างสมัยเด็กๆ จะเห็นคุณพ่อนำงานกลับมาทำที่บ้าน และทำงานดึกๆ ตลอดถึงจะได้นอน

แม้แต่ถึงทุกวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนี้อยู่ ซึ่งถ้าเปรียบเป็นมวยก็คือ คุณพ่อยังต้องซ้อมชกทุกวัน เพื่อให้มีมาตรฐานสูงไว้ก่อน

เมื่อผมจบปริญญาโท คุณพ่อก็ให้ไปทำงานที่อื่นก่อน เพื่อจะได้เรียนรู้ระบบงานจากที่อื่นให้ได้กว้างขวางขึ้นประมาณ 1 ปี ผมถึงได้มาทำงานที่นำสินประกันภัย ซึ่งก็เริ่มต้นจากพนักงานระดับล่างเหมือนกับคนอื่น เพราะคุณพ่อต้องการให้ไปสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานทุกระดับ ให้รู้จักว่างานแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไรบ้าง

คุณพ่อเองเป็นคนละเอียดและมีความมั่นใจในการทำงานมาก ท่านจะศึกษาข้อมูลและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกันทั้งหมดอยู่ตลอด ทำให้เวลาทำงานไม่ค่อยผิดพลาด สิ่งไหนทำได้ สิ่งไหนทำไม่ได้ ทำแล้วเสี่ยงที่จะผิดกฎหมายท่านก็จะไม่ทำ

“ผมประทับใจคุณพ่อ ที่ท่านเป็นคนขยันมาก และให้เกียรติคนอื่น ให้เกียรติพนักงาน ไม่ว่าจะอยู่ระดับไหน รู้จักเลือกใช้คำพูด เลือกใช้จังหวะที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับจิตใจผู้อื่น” อาชว์ กล่าว

ขณะที่ความสนิทของผมกับคุณพ่อ คงเป็นอารมณ์แบบเถ้าแก่ เถ้าแก่ ที่นานๆ จะนั่งคุยจริงจังกันที แต่ทุกครั้งที่ได้คุยกันก็จะมีสาระ ซึ่งผมก็เห็นคุณพ่อทำงานหนักมากมาตั้งแต่เด็ก จึงเข้าใจตัวท่านดีว่า ท่านทำเพื่อครอบครัว ทำเพื่อบริษัท ที่สำคัญรับรู้มาตลอดว่าท่านรักลูกๆ มาก และผมก็รักท่านมากเช่นกัน

ภูมิใจลูกที่สุด

สมบุญ : ครอบครัวมีลูกอยู่ด้วยกัน 2 คน คือ อาชว์ และลูกสาวที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ

ขณะที่ลูกชายก็จบปริญญาโทด้านการตลาดมาก่อน จึงให้ไปทำงานที่อื่นมาก่อนประมาณ 1 ปีแล้วถึงได้ดึงให้มาช่วยงานที่นำสินประกันภัยได้ 3 ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันก็อายุ 28 ปีแล้ว ส่วนตัวเขาก็อายุ 58 ปี

ลูกชายผม ตอนเด็กๆ เป็นคนเรียบร้อยมาก ปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนทุกอย่าง อย่างเวลาเรียน รด. (รักษาดินแดน) ห้ามไว้ผมยาวเกิน 1 เซนติเมตร ก็ทำตามนั้นตลอด ไม่มีปัญหาอะไรซึ่งเขาเองก็มีความรับผิดชอบดี

เมื่อโตพอที่จะเดินทางไปโรงเรียนได้ด้วยตัวเองแล้ว ก็ขอที่จะไปเอง ขอนั่งรถเมล์ไปเรียนหนังสือเองตั้งแต่ ม.2 จนจบปริญญาตรี ซึ่งตอนแรกเราเป็นพ่อแม่ก็เป็นห่วง แต่เมื่อเขาบอกเองว่า เขาโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องไปรับไปส่งเขาแล้ว เราก็ปล่อยให้เขามีอิสระ ตามความคิดของตัวเอง

การทำงานของลูกชายที่นำสินประกันภัย จึงให้เริ่มต้นจากการเป็นพนักงานระดับล่างก่อน เพื่อเรียนรู้งานด้านประกันวินาศภัย จนขยับขึ้นมาเป็นหัวหน้าแผนกตรวจสอบและพัฒนาสาขา ฝ่ายกิจการสาขาของบริษัทในปัจจุบัน

สมบุญ กล่าวว่า ลูกชายเป็นคนมุ่งมั่น เวลาตั้งใจทำอะไรแล้ว จะทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด แม้จะได้รับมอบงานในเวลากระชั้นชิดก็ตาม ซึ่งก็เป็นแนวคิดของครอบครัวที่สอนลูกๆ หลานๆ ในการทำงานมาตลอดว่า ควรทำงานให้เสร็จก่อนกำหนด จะได้มีเวลาตรวจทานหรือไม่ก็ให้ผู้อื่นที่มีความรู้ช่วยตรวจดูได้ หากผิดพลาดอะไรจะได้แก้ไขทัน

นอกจากนี้ ยังสอนลูกว่าให้ตั้งใจทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เรื่องรายได้ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด การจะเป็นผู้บริหารต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้พนักงานคนอื่นด้วย

ลูกชายเป็นเด็กรุ่นใหม่ การทำงานด้วยความรอบคอบก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะธุรกิจประกันภัยที่มีกฎระเบียบต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจอยู่มาก และเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานซึ่งถ้าไม่รู้กฎหมาย แล้วทำผิดขึ้นมา ถึงแม้ไม่ได้เจตนาทำก็อาจมีปัญหาได้

ชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญของธุรกิจประกันภัย รวมถึงเรื่องการมีมารยาทและจรรยาบรรณก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องมีควบคู่ไปด้วยการทำธุรกิจ

ขณะเดียวกัน การทำธุรกิจก็ต้องมีน้ำใจด้วย ไม่ใช่ยึดเอาแต่กติกาอย่างเดียว เช่น ลูกค้าถูกรถขับชนแล้วหนี้ จำทะเบียนรถไม่ได้ ซึ่งหากตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ลูกค้าต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกให้กับบริษัท บริษัทก็อาจยกเว้นให้ได้ เพราะถือว่าลูกค้าไม่ได้ตั้งใจและเป็นความผิดครั้งแรก เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้า

ตัวเขาเองก็บอกว่า ชอบงานประกันมาก เพราะเป็นอาชีพที่มีความรู้เยอะ ได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้ได้ความรู้ใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาและพี่ๆ น้องๆ ก็ต้องช่วยกันดูแลธุรกิจของครอบครัวต่อไป

สิ่งที่ผมหวังและภูมิใจที่สุด คือ ได้เห็นลูกเรียนหนังสือจนจบและเป็นคนดีของสังคม ซึ่งตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง อย่างน้อยแม้ครอบครัวเราอาจจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ถ้าลูกๆ รู้จักใช้สติปัญญา ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมา บวกกับคุณธรรมที่มีอยู่ใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่มีความสุข ใช้ชีวิตเรียบง่าย แค่นี้ก็พอแล้ว