posttoday

จะพิสูจน์ตัวเอง ไปอีกนานแค่ไหน...

04 มกราคม 2558

เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อป๋อง เคยรักและชอบการวาดรูปมากสมัยเรียนหนังสือจนโตขึ้นมาก็ยังวาดรูป

เพื่อนผมคนหนึ่งชื่อป๋อง เคยรักและชอบการวาดรูปมากสมัยเรียนหนังสือจนโตขึ้นมาก็ยังวาดรูป และมีผลงานที่คนชื่นชอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วป๋องน่าจะมีความสุข แต่ทุกทีที่เจอกันพักหลังๆ ป๋องกลับดูเครียดๆ ไม่มีความสุขกับการวาดรูปเหมือนเมื่อก่อน พอมีชื่อเสียงก็เริ่มรู้สึกกดดัน เพราะกลัวว่าผลงานจะไม่ดีเหมือนที่ผ่านๆ มาให้สมกับคำร่ำลือชื่นชมของผู้คนที่เฝ้ารอดูผลงานของเขา เขาตกอยู่ในภาวะของการต้องวาดรูปเพียงเพื่อพิสูจน์กับตัวเองและคนรอบข้างว่า “ฉันยังวาดรูปได้ดีอยู่ ฉันพลาดไม่ได้”

เรื่องราวของป๋องทำให้ผมตระหนักว่าส่วนหนึ่งของความเหนื่อย ความเครียด และความทุกข์ของหลายๆ คน ในปัจจุบันนี้มันมีต้นตอมาจากการพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองนี่ล่ะครับ (โดยที่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้ตัวซะด้วยซ้ำ)ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์ตัวเองกับคนรอบข้าง หรือแม้แต่พิสูจน์กับตัวเราเอง

ความปรารถนาที่จะรู้สึกว่า “ฉันก็โอเคนะฉันทำได้นะ ฉันก็มีดีนะ ฉันเจ๋งพอนะ” เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่อยู่ในตัวพวกเราทุกคน จริงๆ แล้วเราไม่ได้คิดหรือแม้แต่จะวางแผนด้วยเหตุผลหรือสติปัญญาเลยนะว่ามันจำเป็นมั้ย หรือฉันควรจะต้องมีความรู้สึกนี้ไหม ความต้องการนี้ถูกโปรแกรมใส่ตัวเรามาตั้งแต่ตอนที่เราเกิดแล้วล่ะ

หากเราทำอะไรได้ดีแล้วเรารู้สึกฟินไปกับมัน ...เป็นไปได้มั้ยที่อาจจะเป็นเพราะเราได้เห็นผลงานเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่า “ฉันทำได้” แล้วทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง เวลามีคนชม แล้วเราสุขใจยิ้มแก้มปริ ...เป็นไปได้มั้ยที่อาจจะเป็นเพราะเราได้หลักฐานพิสูจน์ว่า “ฉันก็โอเคนะ”

เวลาเราทำอะไรแล้วเครียด กลัวทำผิดพลาด หรือกลัวมันจะไม่สำเร็จ จนมากดดันกับตัวเอง ...เป็นไปได้มั้ยที่มันมาจากความต้องการลึกๆ ที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า “ฉันทำได้ ฉันอยากรู้สึกว่าฉันโอเค และฉันไม่อยากรู้สึก Fail”

บางคนอาจจะรู้สึกแพ้ไม่ได้ ไม่อยากผิด ไม่อยากถูกคนตำหนิจนทำให้ต้องคอยแก้ตัวหรือเถียงคนอื่นอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ความสัมพันธ์กับผู้คนไม่ดีอย่างที่ใจต้องการ แล้วก็มานั่งเครียดไม่รู้จะทำไงดี นั่นไม่ใช่เพราะเราอยากจะพิสูจน์ว่า “ฉันทำถูกแล้วนะ” หรอกเหรอ

บางคนที่พยายามไต่เต้าในหน้าที่การงาน มียศถาบรรดาศักดิ์ หรือมีข้าวของทรัพย์สมบัติต่างๆ เป็นไปได้ที่ความพยายามเหล่านั้นมัน อาจจะมาจากความต้องการพิสูจน์ตัวเองทั้งกับตัวเองและคนรอบข้างว่า “ฉันเจ๋ง ฉันน่าภูมิใจ”

หากเรายังคงพยายามดิ้นรนทำอะไรต่างๆ ในชีวิตเพียงเพื่อที่จะหาข้อพิสูจน์ว่า “ฉันโอเคแล้ว” มันคงเป็นการยากนะที่เราจะมีชีวิตที่มีความสุข ถ้าไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองได้ก็คงจะดี แต่คำถามที่อาจจะยังคาใจเราอยู่ก็คือ “แล้วต้องทำไงเราถึงจะรู้ว่าเราโอเคแล้ว”

ผมว่าคนเราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับใครหรอกครับ ใครจะยอมรับเราหรือไม่มันยังไม่สำคัญเท่ากับเราต้องยอมรับตัวเราเองให้ได้ เป็นคนแรกเสียก่อน

หากคุณขับรถสปอร์ตที่คุณรู้อยู่ 100% ว่ารถคุณวิ่งเร็วกว่ารถอีกคันที่พยายามมาเร่งเครื่องท้าทายคุณอยู่ที่สี่แยกไฟแดง จำเป็นมั้ยที่คุณต้องซิ่งแข่งกับเขาเพื่อพิสูจน์ว่ารถคุณแรงกว่า คุณจะสามารถนั่งยิ้มในรถได้อย่างสบายใจแล้วรู้สึกสงสารคนขับในรถอีกคันที่ยังใช้ชีวิตเพื่อพิสูจน์ตัวเองอยู่ หัวใจที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องรู้และมั่นใจว่าคุณมีเครื่องที่แรง แล้วคุณจะไม่ต้องคอยพิสูจน์ตัวเองอีกต่อไป

ถ้ายังต้องการพิสูจน์ตัวเอง ...เป็นไปได้มั้ยว่ามันเป็นเพราะคุณยังไม่ยอมรับในความเป็นตัวของคุณเอง ยังไม่ยอมรับในความพิเศษในแบบของคุณที่อาจจะไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร?

ผมเชื่อว่าเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับความเป็นเพชรในแบบของเราเอง หากไม่พยายามเอาเพชรในตัวเราไปเปรียบเทียบกับเพชรเม็ดอื่น ไม่ต้องพยายามที่จะเจียระไนเพชรของเราให้เหมือนเพชรของคนอื่น มองหาความเป็นเพชรในตัวเรา เชื่อและยอมรับในความเป็นเพชรของเรา และใช้ความเป็นเพชรของเราในการตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตของเรา ใช้ความเป็นเพชรของเราเป็นแก่นในการดำเนินชีวิต ในที่สุดจะมีความสุขกับความเป็นเพชรของเราได้อย่างแท้จริง

การมีชีวิตของเรามันควรจะดำเนินไปเพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่เราหลงรัก ทำในสิ่งที่เรารู้อยู่ 100% ว่ามันคือสิ่งที่ทำได้ดีแน่ๆ และมีความสุขที่จะทำมันทุกๆ วัน ค้นหาดูดีๆ ในตัวคุณแล้วคุณจะเจอความสามารถพิเศษหรือคุณสมบัติพิเศษในตัวคุณที่เป็นตัวแทนของความเป็นเพชรในตัวคุณ แล้วหาวิธีใช้มันซะ อย่าปล่อยให้แม่แบบของโลกภายนอกมาเป็นตัวกำหนดว่าคุณควรจะมีความสามารถอะไร คุณควรจะทำอะไร หรือคุณควรจะมีชีวิตอย่างไร

ผมคุยเรื่องนี้ให้ป๋องฟังเมื่อได้พบกันในช่วงหลังๆ และมันทำให้ป๋องเริ่มตาสว่าง กลับมามีสติอีกครั้งว่าเขาควรจะวาดรูปเพียงเพราะเขามีความสุขกับการวาดรูป หากการวาดรูปของป๋องมันไม่ได้ทำร้ายอะไรใครหรือผิดต่อศีลธรรมจรรยา แม้จะมีคนไม่ชอบรูปที่เขาวาดบ้าง มันก็คงไม่เป็นไรหรอก สุดท้ายป๋องก็ได้กลับไปมีความสุขกับชีวิตของเขาอีกครั้ง เพราะตอนนี้เขาเลิกที่จะพิสูจน์ตัวเองแล้ว คุณล่ะ พร้อมที่จะเลิกพิสูจน์ตัวเองแล้วเริ่มมีความสุขกับชีวิตที่มีความหมายอย่างแท้จริงแล้วรึยัง