posttoday

ชาติชาย - วิชิต พยุหนาวีชัย พี่น้องนักการเงิน

13 ธันวาคม 2557

ไม่เห็นกันบ่อยนักที่พี่น้องจะต้องมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ อย่างครอบครัว “พยุหนาวีชัย”

ไม่เห็นกันบ่อยนักที่พี่น้องจะต้องมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ อย่างครอบครัว “พยุหนาวีชัย”ซึ่งพี่ชายและน้องชายต่างคนต่างเป็นผู้บริหารระดับสูงของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของประเทศ

“บู๊” ชาติชาย พยุหนาวีชัย ลูกคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 11 คน แต่เป็นพี่ชายคนโตของครอบครัว ทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยมานานกว่า 30 ปี ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการฝ่ายมาจนถึงรองกรรมการผู้จัดการ ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนที่ 16

“ไช้” วิชิต พยุหนาวีชัย ลูกคนที่ 6 แต่เป็นผู้ชายคนที่ 2 ของบ้านหลังนี้ ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัมมิท แคปปิตอล ลีสซิ่ง ในเครือซูมิโตโม เขาได้ผ่านงานด้านการเงินทุกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับลูกค้ารายย่อย ไม่ว่าจะเป็นประกัน อเมริกันเอ็กซ์เพรส เอชเอสบีซี หรือธนาคารกรุงศรีอยุธยา

ชาติชาย - วิชิต พยุหนาวีชัย พี่น้องนักการเงิน

 

น้องชายผมเป็นคนเก่ง

ชาติชาย เล่าว่า คุณวิชิตเป็นคนที่เก่งด้านมาร์เก็ตติ้งเหมือนกับผม ซึ่งเขาเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจประกันแนวใหม่ที่ อลิอันซ์ ในสมัยนั้น ที่นำประกันมาผนวกกับเอนเตอร์เทนเมนต์ จนขณะนี้กลายเป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย

“คุณวิชิตเขาจะเรียนเก่งมาก เก่งกว่าผมอีก โดยเฉพาะเรื่องภาษาเขาจะเรียนรู้ไว ตอนนี้พูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและจีน เราภูมิใจที่เขาทำอะไรได้ดีมากในหลายๆ ด้าน”

ชาติชาย บอกว่า ไม่แปลกใจกับความสำเร็จของวิชิต เพราะด้วยความเป็นคนเก่งและมีแนวคิดใหม่ๆ ทำให้ไม่ว่าวิชิตไปสังกัดองค์กรการเงินใด ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ได้เสมอ จนบางครั้งต้องกลายมาเป็นคู่แข่งกันโดยปริยาย

ชาติชาย - วิชิต พยุหนาวีชัย พี่น้องนักการเงิน

 

 โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่วิชิตดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายบุคคลธนกิจ ที่ธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ซึ่งดูแลเรื่องบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ซึ่งตรงกับสายงานที่ตัวเองดูแลอยู่ที่ธนาคารกสิกรไทย

 จากที่ดูอยู่ห่างๆ ก็เริ่มต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อวิชิตสามารถขยายฐานลูกค้าบัตรเครดิตจากไม่กี่แสนใบเพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว เพราะเขาคิดสิทธิประโยชน์และโปรโมชั่นที่ดึงดูด ซึ่งถือเป็นน้องใหม่มาแรงในตลาดตอนนั้น

 และเมื่อเอชเอสบีซีขายพอร์ตสินเชื่อให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา วิชิตก็ย้ายเข้ามาดูแลด้านลูกค้ารายย่อยในธนาคารแห่งนี้ด้วย และมีการรุกสินเชื่อบ้าน ซึ่งก็ชนกับพี่ชายตัวเองอีกครั้ง และวิชิตทำให้สินเชื่อบ้านกรุงศรีก้าวขึ้นสมรภูมิระดับพรีเมียร์ลีกกับแบงก์ยักษ์ได้

ทว่า ชาติชายไม่เคยโกรธเรื่องการแข่งขันแย่งลูกค้า เพราะถือเป็นเรื่องปกติมากในตลาด ที่แต่ละองค์กรก็ต้องนำเสนอสิ่งที่ตัวเองมี และลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้นที่จะสรรหาผลิตภัณฑ์ที่ให้ประโยชน์มากที่สุด

ชาติชาย - วิชิต พยุหนาวีชัย พี่น้องนักการเงิน

 

“การทำธุรกิจต้องมีการแข่งขันอยู่แล้ว ถึงพี่น้องไม่ได้แข่งกันเอง เราก็ต้องแข่งกับแบงก์อื่นอยู่ดี แต่หลังเลิกงานคู่แข่งต่างก็เป็นเพื่อนกัน เช่น คุณจอก ไทยพาณิชย์ (พิกุล ศรีมหันต์) หรือคุณอภิชาต กรุงไทย (อภิชาต เดชปรีชา)ก็สนิทกัน”

ชาติชาย ยังเล่าถึงวัยเด็กว่า แม้ว่าอายุจะห่างกัน 6-8 ปีแต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน จึงสนิทกับวิชิตมากพอสมควร ซึ่งวัยเด็กก็มีทะเลาะกันบ้างตามประสาเด็กแต่เราก็รักกัน

ไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอิทธิพลที่ทำให้ลูกชาย 2 คนของครอบครัว คิดอะไรคล้ายกันหลายอย่าง ไม่ใช่แค่ความถนัดด้านการเงินการตลาดเท่านั้น แต่ในเรื่องวางอนาคตการลงทุนก็เลือกที่จะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน จนปัจจุบันครอบครัวมีโรงแรม 6 แห่ง และอพาร์ตเมนต์ให้เช่าอีก 3-4 แห่ง

นอกจากนี้ ทั้งสองคนยังรักคุณแม่มาก ทุกวันจะไหว้พระขอพรให้คุณแม่สุขภาพแข็งแรง และถ้ามีเวลาก็จะกลับไปเยี่ยมท่าน ไปกราบเท้าท่าน

ชาติชาย ยังฝากถึงวิชิตว่า ขอให้ประสบความสำเร็จทุกด้านที่ก้าวต่อไปในกิจการขนาดใหญ่ รวมทั้งมีความสุขกับการใช้ชีวิตในสิ่งที่ชอบ อย่างท่องเที่ยวแหล่งธรรมชาติ

 “ตอนนี้ไม่ค่อยเป็นห่วงอะไรเขามากเท่าไหร่ เพราะเรามาถึงจุดที่ทุกคนในครอบครัวประสบความสำเร็จ คุณวิชิตก็ก้าวขึ้นมาเป็นซีอีโอ ทั้งที่นามสกุลก็ไม่ได้ดังอะไร รู้สึกภูมิใจที่รุ่นเราได้สร้างความเจริญแก่วงศ์ตระกูล และวางรากฐานแก่คนยุคต่อไปคือ รุ่นหลานที่ตอนนี้มีถึง 30 คน”

เขาเป็นเหมือนพ่อคนที่ 2

ด้าน วิชิต บอกว่า ตัวผมนั้นเกิดเมื่อปี  2509 ส่วนพี่บู๊เกิดปี 2503  ด้วยความที่พี่บู๊เป็นพี่ชายคนโต จึงเปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 ของครอบครัว เขาพูดหรือแนะนำอะไรก็ต้องฟังเขา อย่างตัวผมเองช่วงที่กำลังจะเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยก็ปรึกษากับเขาว่า ควรจะเรียนอะไรต่อดี ซึ่งเขาก็แนะนำให้เรียนต่อด้านการตลาด เพราะสามารถนำไปประยุกต์เข้ากับได้หลากหลายอาชีพ และผมก็เชื่อเขาจึงไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญหรือเอแบค จนจบปริญญาตรี

วิชิต กล่าวว่า พี่บู๊ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของเขา อย่างตอนที่พี่บู๊เริ่มงานที่ธนาคารกสิกรไทยใหม่ๆ เขาบอกว่า เขาได้เงินเดือน 3,750 บาท ซึ่งทำให้เขาภูมิใจและมีความมุ่งมั่นมาก ผมเองจึงอยากเป็นเหมือนกับเขาบ้าง เพียงแต่ผมอยากไปเรียนรู้งานกับบริษัทต่างชาติมากกว่า และส่วนใหญ่ก็เป็นสถาบันการเงินต่างชาติ จึงทำให้เส้นทางเดินในการทำงานของเราทั้งคู่คล้ายๆ กัน

“ตัวพี่บู๊เองเป็นคนเข้าสังคมเก่ง และดูเหมือนจะเป็นคนกลุ่มแรกๆ ในแวดวงธนาคารที่ไปหัดเล่นกอล์ฟในสมัยนั้นเพราะเขามองว่าการฝึกเล่นกอล์ฟให้เป็นจะมีส่วนวิชิต กล่าวว่า พี่บู๊เป็นคนเข้มงวดกับน้องๆ เขาเป็นผู้นำมาตั้งแต่เด็กๆ ภูมิใจในความเป็นผู้นำของเขา แม้แต่แม่ก็ยังต้องฟังความคิดเห็นเขา

ตอนที่รู้ว่าเขาได้รับการคัดเลือกเป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนใหม่ ก็โทรศัพท์ไปแสดงความยินดีกับเขา ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจกับพี่ชายคนนี้มากยิ่งขึ้น ที่เขามุ่งมั่นทำงานมาจนประสบความสำเร็จถึงจุดนี้ และขอให้เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานต่อไปในอนาคต และถือเป็นก้าวแรกของเขาที่ก้าวพ้นออกมาจากธนาคารกสิกรไทย