posttoday

บทเรียนชีวิตจากสนามกอล์ฟ

30 พฤศจิกายน 2557

ผมเล่นกอล์ฟอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ฝีมือก็ไม่ได้ถึงกับดีเด่นอะไร แค่พอสนุกๆ ไปวัดไปวากับเพื่อนๆ

ผมเล่นกอล์ฟอยู่บ้างเป็นครั้งคราว ฝีมือก็ไม่ได้ถึงกับดีเด่นอะไร แค่พอสนุกๆ ไปวัดไปวากับเพื่อนๆ หรือลูกค้าได้บ้าง จะว่าไปแล้วกอล์ฟนี่ก็แปลกนะครับ อย่างแรกเลยคือ มันเป็นกีฬาที่เราต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ก้มหน้าก้มตาตีลูกกอล์ฟลูกเล็กๆ ให้มันลงหลุมอยู่กว่าครึ่งค่อนวัน กลางสนามหญ้าโล่งพร้อมกับแดดร้อนๆ แต่คนก็ยังไปเล่นกอล์ฟกันมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น เล่นกอล์ฟแต่ละครั้งเสียเงินไม่ใช่น้อย แต่นักกอล์ฟกลับพากันพยายามตีลูกให้น้อยครั้งที่สุด ยิ่งน้อยยิ่งดี ... นั่นแปลว่า ค่าตีลูกแต่ละครั้งก็จะยิ่งแพงขึ้นน่ะสิ ... แต่สิ่งเหล่านี้มันไม่เป็นอุปสรรคของนักกอล์ฟเลย แสดงว่ามันต้องมีเสน่ห์อะไรบางอย่างแน่ๆ

เลยอยากจะลองมาเล่าให้ฟังถึงเสน่ห์ของเกมกอล์ฟในสายตาของผมที่น่าจะเชื่อมโยงมาใช้กับเกมชีวิตของพวกเราได้เหมือนกัน ผมว่าเสน่ห์แรกเลยที่นักกอล์ฟทุกคนต้องเคยเจอมาแล้วก็คือ การเผชิญหน้ากับอุปสรรคในสนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตีลูกไม่ให้ตกน้ำ ในสนามกอล์ฟมันมีน้ำเป็นอุปสรรคอยู่ อาจจะเป็นลำธาร หรือบ่อน้ำ หรือบางทีก็เป็นทะเลสาบเพื่อให้นักกอล์ฟได้ลุ้นกัน ว่าตีไปแล้วลูกกอล์ฟเราจะไปรอดปลอดภัย หรือจะพลาดไปตกน้ำ เวลาที่เรากำลังยืนจะตีลูกแล้วมีน้ำขวางหน้าเป็นอุปสรรคอยู่ คุณคิดว่านักกอล์ฟควรจะสนใจหรือเพ่งความคิดไปที่อะไร?

แต่ถ้าเป็นนักกอล์ฟผู้เชี่ยวชาญ เขารู้ดีว่าจะมีน้ำหรือไม่มีน้ำในสนามมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการตีของเขาเลย ถ้าเขาต้องการตีไปที่หลุมซึ่งอยู่ห่างไป 100 หลา ไม่ว่ามันจะมีน้ำขวางหน้าหรือไม่ เขารู้ว่าการตีลูกมันก็จะเป็นแบบเดียวกัน เพราะระยะทางที่ต้องตีลูกไปมันก็ยังคงเป็น 100 หลา อยู่เหมือนเดิม ใจเขาจะโฟกัสแน่วแน่อยู่ที่หลุมซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะตีลูกไป และไม่ปล่อยให้ใจเผลอไปวอกแวกกับน้ำที่ขวางอยู่ ทำให้เมื่อตีลูกไป ทั้งกาย (วงสวิงในการตีลูก) และใจ (เป้าหมายที่ใจกำลังโฟกัสอยู่) ก็จะพร้อมร่วมมือกันพาลูกไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้

หากเรานำบทเรียนนี้ของเกมกอล์ฟมาประยุกต์ใช้กับเกมชีวิตของเรา เราจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง? อย่างแรกเลย ผมว่าบ่อยครั้งมากที่เรามีทุกข์ในชีวิต เพราะเรามัวไปจดจ่อและกังวลใจกับสิ่งที่เราคิดว่ามันเป็นอุปสรรคในชีวิต ทั้งๆ ที่มันไม่ได้มีผลอะไรต่อชีวิตเราเลย เหมือนกับเรากำลังจะตีกอล์ฟไปที่หลุม แต่พอเห็นน้ำขวางหน้าก็ใจเสีย กังวลใจจนทำอะไรไม่ถูก บางคนถึงกับเครียดจนไม่กล้าทำอะไร เพราะกลัวว่าทำไปแล้วจะพลาดตกน้ำ ... แต่หากเราไม่มัวแต่ไปกังวลกับน้ำหรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา แต่เอาใจของเราไปจดจ่ออยู่ที่เป้าหมายที่เรามุ่งจะไปซะ เราจะรู้ว่าสิ่งที่เรากังวลใจอยู่มันอาจจะไม่ใช่ปัญหาของเราเลยก็ได้

ถ้าเราทำงานเป็นพนักงานบริษัท แล้วบังเอิญบริษัทเรามีการประกาศเปลี่ยนแปลงตัวผู้จัดการใหญ่ของบริษัท คนที่ยังไม่โปรพอก็อาจจะเผลอไปมัวแต่กังวลใจว่าผู้จัดการใหญ่คนใหม่จะเป็นยังไง จะดีหรือแย่กว่าคนเดิม แล้วมันจะมีผลกระทบอะไรกับงานการที่เราทำอยู่ เราจะก้าวหน้ามั้ย มัวแต่เมาท์หรือกังวลจนลืมไปว่าสิ่งที่ควรสนใจตอนนี้คือการทำงานให้ได้ตามเป้าหมายต่างหาก จนท้ายที่สุดก็เลยแป้ก ไม่ได้ก้าวหน้าจริงๆ เหมือนนักกอล์ฟที่มัวแต่กังวลกับน้ำจนตีลูกไปตกน้ำจนได้ในที่สุด

แต่คนที่เป็นมืออาชีพจริงๆ ก็จะรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มันยังไม่ใช่ปัญหาของเขา และจะไม่ปล่อยให้ใจตัวเองวอกแวกไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะยังคงโฟกัสอยู่ที่การทำงานให้สำเร็จต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และในท้ายที่สุดด้วยโฟกัสนี้ก็ทำให้เขาสามารถประสบความสำเร็จ และก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้จริงๆ

ผมว่าเสน่ห์ของกอล์ฟอีกเรื่องคือ การฝึกที่จะตัดใจให้ได้ครับ คือกอล์ฟเนี่ยมันจะมีหลุมให้เราเล่นทั้งหมด 18 หลุม และเราก็จะเล่นกันทีละหลุม จบหลุมนึงก็คิดคะแนนของหลุมนั้น แล้วพอไปหลุมใหม่ก็มาเริ่มเล่นกันใหม่ นับคะแนนของหลุมนั้นใหม่ พอครบ 18 หลุม ก็ค่อยมารวมว่านักกอล์ฟแต่ละคนได้คะแนนรวม 18 หลุม เท่าไรกันบ้าง ... ทีนี้เรื่องของเรื่องก็คือ บางทีเราก็เล่นของเรามาได้เรื่อยๆ จนไปหลุมนึงที่มันเกิดจังหวะไม่ดี เล่นแย่จนคะแนนหลุมนั้นออกมาเละเทะเลย นักกอล์ฟมือใหม่ก็จะหัวเสียหงุดหงิดกับคะแนนแย่ๆ นั้น แล้วยังปล่อยให้ความหงุดหงิดและอารมณ์เสียๆ มันติดตัวมาจนถึงหลุมต่อมาด้วย จนมันพาลทำให้เราเล่นหลุมต่อมาเละเทะไปอีก ดีไม่ดี จะพาให้ออกทะเลตีแย่ไปหมดตลอดทุกหลุมที่เหลือไปเลยก็มีให้เห็นในสนามอยู่บ่อยๆ

แต่ถ้าเป็นนักกอล์ฟผู้ชำนาญเกม เขาก็จะรู้ว่ากอล์ฟมันเล่นกันเป็นหลุมๆ ถ้าหลุมนี้เล่นเสียไปแล้วก็ให้มันจบอยู่ที่หลุมนั้น ไม่เอามาเป็นอารมณ์ สงบสติอารมณ์ให้ได้ เพื่อให้พร้อมที่จะเริ่มต้นเล่นหลุมต่อไปด้วยอารมณ์ที่สงบและผ่อนคลาย ไม่ปล่อยให้ความหงุดหงิดจากการเล่นเสียในหลุมที่แล้วมากวนใจเขาได้ ... ยิ่งเขาควบคุมอารมณ์และตัดใจจากหลุมที่เสียไปแล้วได้เร็วเท่าไร ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการเล่นหลุม ต่อไปของเขาได้มากขึ้นเท่านั้น

และมันก็เป็นเช่นเดียวกันกับเกมของชีวิต ที่บางครั้งบางจังหวะของชีวิตเราก็อาจจะเจอปัญหา เจอความผิดหวัง เจอความล้มเหลว ไม่มีใครอยากเจอเรื่องเหล่านี้ แต่บางทีมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมว่าสิ่งสำคัญที่สุดที่เราต้องบอกตัวเองก็คือหลุมนั้นมันจบไปแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรมันไม่ได้แล้ว หน้าที่ของเราตอนนี้คือ ตัดใจ ควบคุมอารมณ์และกำหนดสติของเราใหม่ เพื่อให้เรา พร้อมที่จะเดินหน้าเล่นหลุมต่อไปของชีวิตเรามากกว่า ถ้าเรายังมัวแต่ไปตีอกชกหัว เป็นอารมณ์ไปกับเรื่องราวในอดีต มันก็คงจะพาให้ชีวิตที่เหลือของเราจมไปกับความทุกข์ ความเศร้า ความเซ็ง ความท้อ ความโกรธ ความหงุดหงิด และอื่นๆ อีกมากมายจนชีวิตเราแย่ไปเลยนะครับ

วันนี้ขอให้ทุกคนได้พบกับความสนุกและเป็นผู้กำชัยชนะกับเกมชีวิตของเรากันทุกๆ คนเลยนะครับ