posttoday

มารู้จักกับ Sunk Cost ของชีวิต

26 ตุลาคม 2557

คุณรู้จักคำว่า Sunk Cost มั้ยครับ ผมได้ยินคำนี้ครั้งแรกตอนเรียนบัญชีในมหาวิทยาลัย

คุณรู้จักคำว่า Sunk Cost มั้ยครับ ผมได้ยินคำนี้ครั้งแรกตอนเรียนบัญชีในมหาวิทยาลัย เขาบอกว่า Sunk Cost หมายถึงเงินที่เราลงไปแล้ว หรือเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นไปแล้ว เช่น เงินลงทุนในเครื่องจักรผลิตสินค้า หรือเงินลงทุนวิจัยและพัฒนาสินค้าตัวใหม่ ซึ่งเงินก้อนนี้เราได้จ่ายออกจากกระเป๋าไปแล้ว ไปแล้วไปลับไม่กลับมา

ในเชิงบริหาร เขาบอกว่าเจ้า Sunk Cost นี่คืออดีต ถ้าจะเดินหน้าสู่อนาคตก็อย่าเอา Sunk Cost มากังวลใจให้มากนัก เช่น ถ้าเราลงทุนกับเครื่องจักรผลิตสินค้าแล้วต่อมาสินค้านั้นมันหมดยุคหมดสมัยไม่มีใครซื้อกันแล้ว ก็ให้ตัดใจเลิกผลิตสินค้าตกรุ่นนั้นซะ อย่ามัวเสียดายเงินที่ลงไปแล้ว เดี๋ยวจะเข้าข่าย “เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” ไปซะเปล่าๆ

มาคิดๆ ดู ในชีวิตของเราก็มีหลายเรื่องที่เป็น Sunk Cost ไปแล้วเหมือนกัน และชีวิตของหลายๆ คนที่ไม่ก้าวไปไหน ก็เป็นเพราะตัดใจไม่ได้ มัวแต่เสียดาย Sunk Cost ของเรานั่นแหละ

คนบางคนซื้อรถยุโรปมาแพงๆ ใช้มา 5-6 ปี ก็คิดจะขายทิ้งเพราะรถเริ่มจุกจิก ค่าใช้จ่ายในการดูแลก็สูง แต่พอเห็นราคาขายต่อที่หล่นฮวบ ก็เกิดเสียดายเงินก้อนที่หายไปตอนจ่ายตอนแรก เลยกัดฟันยอมใช้รถคันนี้ต่อไป พร้อมกับต้องทนจ่ายค่าซ่อมแซมดูแลรักษามันไปเรื่อยๆ อีกด้วย เฮ้อ น่ากลุ้มมั้ยครับกับ Sunk Cost ตัวนี้

คนบางคนก็ตัดใจไม่ลงที่จะละทิ้งหรือบริจาคเสื้อผ้าข้าวของที่ไม่ได้ใช้แล้ว เก็บไว้จนรกเต็มบ้านเพียงเพราะเสียดาย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ใช้ แล้วก็คอยบอกตัวเองว่าเดี๋ยวคงได้ใช้

คนบางคนยึดติดกับงานที่ทำ ทำมาตั้งหลายปีก็ยังไม่รุ่งสักทีแต่ก็ยังทู่ซี้ตะบี้ตะบันไม่ยอมเลิก และที่ไม่ยอมเลิกเนี่ย ก็เพียงเพราะว่างานนี้มันดูเท่ห์ดูดี รวมทั้งเสียดายเวลาที่อุตส่าห์ทุ่มทำมาตั้งเยอะแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวเองก็รู้อยู่เต็มอกว่า งานนี้มันไม่ใช่ความถนัดของเรา หรืออาจจะไม่ใช่สิ่งที่เรามีความสุขที่จะทำเอาซะเลยก็ได้

คนบางคนก็อยากมีชีวิตใหม่ อยากออกจากงานประจำเพื่อไปทำสิ่งที่ใจรัก แต่เสียดาย Sunk Cost ที่มาในรูปแบบของต้นทุนปริญญาที่มีอยู่หรือประสบการณ์จากงานเดิม หรือแม้แต่ชื่อเสียงความเป็นที่รู้จักในงานเดิมๆ ที่ทำอยู่ ...ก็เลยยอมที่จะอดทนใช้ชีวิตทำงานเดิมๆ ต่อไป แล้วปล่อยให้ความฝันของการได้ทำในสิ่งที่ใจรักเป็นเพียงฝันลอยๆ ต่อไป

คนบางคนมีคนรักที่คบกันมานาน แรกๆ ก็หวานชื่นทุกอย่างดูสวยงามแต่พอเวลาผ่านไปต่างคนก็ต่างเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น จนทำให้เห็นความแตกต่างและเริ่มรู้ว่าเราอาจจะไม่เหมาะสมต่อกันและกัน แต่เพราะเสียดายเวลาที่คบกันมา

อาจเพราะมีต้นทุนทางสังคมที่กลัวจะเสียหน้าหากเลิกรากันไป ก็เลยพยายามที่จะยื้อกันต่อไป แต่มันกลับเป็นการทนอยู่ด้วยกันมากกว่าที่จะอยู่กันด้วยความรัก

คนบางคนอาจเคยทำอะไรบางอย่างในอดีตที่สำเร็จและภูมิใจมากๆ ก็อาจจะเจอ Sunk Cost ได้เหมือนกัน เช่น เคยเป็นแชมป์คณิตศาสตร์หรือเป็นผู้นำนักเรียนดีเด่นตอนสมัยเรียนหนังสือ หรืออาจจะเคยเป็นนักกีฬาเหรียญทอง หรืออาจเคยได้รางวัลนักธุรกิจหน้าใหม่แห่งยุค แล้วก็เลยยึดติดกับความเป็นแชมป์หรือความสำเร็จเหล่านั้น จนตัวเองไม่มีความสุข เพราะไม่สามารถยอมรับกับความไม่เป็นแชมป์หรือความไม่โดดเด่น หรือความเป็นคนธรรมดาของตนในปัจจุบันได้ (ทั้งๆ ที่สิ่งเหล่านั้นมันก็เป็นเพียงหัวโขนที่เราเคยได้มาในอดีตเท่านั้นเอง)

คนเรามี Sunk Cost อยู่มากมายหลายเรื่องครับ สิ่งสำคัญที่เราต้องคอยสำรวจอยู่เสมอคือ หากเราจะเดินไปข้างหน้าสู่เป้าหมาย หรือความสำเร็จที่เราต้องการ หากเราต้องการได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการแต่ปัจจุบันนี้มันยังไม่ได้ นั่นอาจเป็นเพราะ เรามัวแต่ยึดติดหรือเสียดาย Sunk Cost เหล่านี้อยู่บ้างหรือเปล่า

จงเรียนรู้ที่จะตัดใจครับ ...ผมรู้ว่ามันท้าทายพอสมควรที่จะต้องตัดใจจากอะไรบางอย่าง ทั้งเสียดาย หรือทั้งอาจจะกลัวที่ต้องเริ่มต้นใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตมันก็ได้เกิดไปแล้ว ผ่านไปแล้ว จบไปแล้ว เราเรียกอะไรกลับคืนมาไม่ได้แล้ว ...เราไปมัวเสียดายมันก็ไม่ได้ช่วยให้อนาคตของเราดีขึ้นหรอกครับ

ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นสู่บทใหม่ของชีวิต สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือการกำหนดว่าบทใหม่ของชีวิตเรานี้จะเป็นยังไง แล้วเราอยากจะให้บทนี้ จบลงอย่างสวยงามแค่ไหนมากกว่าไม่ใช่เหรอครับ บทใหม่ของชีวิตเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราในวันนี้ครับว่าเราจะทำอะไร วันนี้เราจะลงทุนกับอะไร...

เวลาคือสิ่งที่มีค่า อย่าปล่อยให้มันผ่านไปเพียงเพราะความเสียดายสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วในอดีต จงเลือกใช้เวลาของเราในวันนี้อย่างมีสติและมีประโยชน์เพื่ออนาคตของเรากันเถอะครับ