นพ.เวสารัช เวสสโกวิท แพทย์ผิวหนังเตือนระวังแมงมุม ‘แม่ม่ายดำ’

กำลังเป็นข่าวดัง หลังมีข่าวแมงมุมพิษกัดชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บ ฉบับนี้แนะนำให้รู้จักกับ นพ.เวสารัช เวสสโกวิท แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง สถาบันโรคผิวหนัง และประธานฝ่านแพทย์และจริยธรรม สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมาแนะนำให้รู้จักกับแมงมุมแม่ม่ายดำ ที่มักจะปรากฏกายช่วงฤดูฝนเช่นนี้

คุณหมอเวสารัช บอกว่า ในช่วงนี้สัตว์และแมลงมีพิษมักหลบซ่อนอยู่ตามบ้านเรือน โดยที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ แมงมุมแม่ม่ายดำ (Black Widow Spider) โดยแมงมุมชนิดนี้เป็นแมงมุมขนาดเล็ก พบในหลายประเทศ แต่จะชุกชุมมากในทวีปอเมริกาใต้และทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปออสเตรเลีย ซึ่งชื่อแมงมุมชนิดนี้มาจากที่แมงมุมตัวเมียมักจะกินแมงมุมตัวผู้หลังจากผสมพันธุ์ ทั้งนี้จะมีความยาวครึ่งนิ้ว1นิ้ว มีสีดำ ตัวกลม บริเวณท้องจะมีลายเป็นรูปนาฬิกาทรายสีแดง ส่วนตัวผู้จะขนาดเล็กกว่าตัวเมีย 20 เท่า และมีสีน้ำตาล ไม่พบลักษณะนาฬิกาทราย

“แมงมุมแม่ม่ายดำชอบอยู่ในที่อับแสง แห้ง ไม่มีลม เช่น ตามรั้ว หรือในกองใบไม้ ชอบออกหากินกลางคืน ที่อันตราย มีเฉพาะแมงมุมตัวเมียเท่านั้นที่สามารถกัดมนุษย์ได้ พิษของแมงมุมแม่ม่ายดำจะออกฤทธิ์กับระบบประสาท มีความรุนแรงกว่าพิษงูส่วนใหญ่ โดยจะเริ่มแสดงอาการหลังถูกกัดประมาณ 20 นาที1 ชั่วโมง โดยบริเวณที่ถูกกัดจะมีอาการแดงเล็กน้อย แต่อาการหลังจากปวด จะตามมาด้วยตะคริวรุนแรงทั่วตัว ปวดท้อง อ่อนแรง มือสั่น ขณะเดียวกันก็ปวดกล้ามเนื้อใหญ่ๆ เช่น หลังหรือไหล่อย่างรุนแรง และยังอาจคลื่นไส้ อาเจียน มึนศีรษะ เป็นลม เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก มีความดันโลหิตสูงขึ้น” คุณหมอเวสารัช ระบุ

นอกจากนี้ อาการรุนแรงมักพบในเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ อาจปวดท้องคล้ายไส้ติ่งอักเสบ หรือการปวดจากนิ่วในถุงน้ำดีไปอุดตันทางเดินน้ำดี อาการปวดหน้าอกอาจคล้ายคลึงกับอาการหัวใจขาดเลือดได้ การรักษาหากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย อาจใช้การประคบน้ำอุ่นร่วมกับรับประทานยาแก้ปวด บริเวณผิวหนังที่ถูกกัดจะไม่มีเนื้อตาย หากมีอาการรุนแรงควรไปตรวจที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลใหญ่ๆ เนื่องจากส่วนใหญ่จะได้รับการฉีดยาแก้ปวดที่เป็นอนุพันธ์ของมอร์ฟีน

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านฤทธิ์ของพิษแมงมุมแม่ม่ายดำในประเทศไทย คุณหมอจึงเตือนให้ระมัดระวัง และทำความสะอาดที่นอนและบริเวณบ้านให้ดี ให้เกิดความมั่นใจว่าไม่มีแมงมุมแม่ม่ายดำในบริเวณดังกล่าว