posttoday

ถอดรหัสใจ เน็ตไอดอลชื่อ ‘มันแกว’

26 กรกฎาคม 2557

ดังเพียงชั่วข้ามคืน ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของ “มันแกว”

 

โดย...พงศ์ พริบไหว ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ดังเพียงชั่วข้ามคืน ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของ “มันแกว” หรือเน็ตไอดอลคนอื่นๆ ในวันนี้ได้อย่างดี

สาวน้อยวัย 23 ปีคนนี้เป็นที่รู้จักขึ้นมาภายในเวลาอันรวดเร็วจากการทำงานเป็นนักจัดรายการเกี่ยวกับเกมออนไลน์ รวมทั้งการแต่งตัวแนวคอสเพลย์ตามเกม สิ่งที่สะดุดตาสะดุดใจทำให้คนมากมายตามติดเป็นแฟนคลับ และทำให้ยอดไลค์ของเธอพุ่งกระฉูดก็คือการแต่งกายเซ็กซี่จนกลายเป็นที่มาของฉายา “นมคุณธรรม”

ในเวลาเดียวกันก็มีคนอีกจำนวนหนึ่งต่อต้านจนมีแอนตี้เพจสำหรับมันแกวโดยเฉพาะ ขณะที่บางคนตั้งคำถามเกี่ยวกับสิ่งที่เธอเป็นและทำ ทั้งยังมีหลายคนงงงวยสงสัยกับเส้นทางเดินของเซเลบบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก หรือปรากฏการณ์ “ดังด่วน” ที่มาพร้อมกับยุคดิจิทัล

ด้วยบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้อาจจะทำให้ผู้อ่านรู้จักเน็ตไอดอลแบบมันแกว (และคนอื่นๆ) รวมทั้งเห็นภาพปรากฏการณ์ดังเพียงชั่วข้ามคืนผ่านโลกออนไลน์ได้บางส่วน

มองเธอแว้บแรกไกลๆ มันแกวเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กเอามากๆ แต่เธอก็โดดเด่นด้วยสีผิวและรูปร่าง เธอขยับมานั่งใกล้ๆ กลิ่นน้ำหอมบางๆ ลอยเฉื่อยมาแตะจมูก เธอยิ้มหวานเห็นเขี้ยวเล็กๆ ก่อนบทสนทนาของเราจะเริ่มต้น

พูดจาตรงไปตรงมา คือสิ่งแรกที่รู้สึกว่านั่นเป็นตัวตนของสาวน้อยที่ชื่อมันแกว ฉะนั้นหากมีประโยคใดไม่สมควร อยากให้เข้าใจเสียว่า สาววัย 23 ปีคนนี้ต้องการสื่อให้เห็นภาพจริงๆ ของสตรียุคปัจจุบันแบบที่เธอเป็น อาจดูแรงและโผงผาง แต่ก็ซื่อตรงจริงใจ

“พี่มองหน้าหนูนะตอนคุยกัน ไม่ต้องมองนมมากหรอก (หัวเราะ)”

ถอดรหัสใจ เน็ตไอดอลชื่อ ‘มันแกว’

 

มันแกว เป็นชื่อเล่นของ รุ้งตะวัน ชัยหา เกิดที่ชุมพรก่อนจะไปเติบโตที่นครปฐมในครอบครัวฐานะปานกลาง แต่ก็ไม่ได้ร่ำรวย มันแกวบอกว่า เธอเป็นเด็ก “บ้านๆ” ชีวิตไม่มีอะไรพิเศษ แค่ชอบแต่งตัวมาตั้งแต่เล็ก จะทำอะไรพ่อแม่ไม่เคยห้าม ขอแค่คิดให้ดีๆ แล้วก็ยอมรับผลที่จะตามมา

หลังเรียนจบทางด้านการตลาด จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มันแกวมาทำงานเป็นนักจัดรายการเกี่ยวกับเกมออนไลน์ “พอทำงานก็เริ่มมีคนรู้จักเพราะแต่งตัวแนวคอสเพลย์ตามเกม ชุดก็จะเน้นโชว์ จากนั้นก็เริ่มมีคนเข้ามาดูเยอะขึ้น อย่างตอนนี้มีคนมากดติดตามเพจของแกว 2 แสนกว่าคนแล้วนะ พอคนเยอะขึ้นเรื่อยๆ มันจึงเป็นที่มาของฉายา ‘นมคุณธรรม’ คือมันเริ่มมาจากเวลาเล่นเกมออนไลน์ มันก็จะมีอยู่สองฝั่ง คือดีกับไม่ดี แกวก็จะเลือกเล่นอยู่ฝั่งดี พอเล่นก็จะสอนน้องๆ ว่าเล่นแบบไหนให้เก่ง เด็กๆ ก็เลยตั้งฉายาให้ว่า นมใหญ่ ใจดี มีคุณธรรม

“มันเป็นสโลแกนเกมไง แต่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ ก็ว่าอะไรวะมันคุณธรรมได้ไงนมนิ ก็เลยกลายเป็นกระแส มีนักวิชาการเอาไปตีประเด็นว่าทำไมนมแกวถึงสูงส่งกว่านมคนอื่น เขาก็พยายามเอาเรื่องของสังคมมาวัดค่าของแกว บอกว่าเอานมมาโชว์มาขายเรือนร่าง เพื่อฉวยโอกาสที่จะขายสินค้า คือทั้งที่จริงๆ แกวสร้างมาเพื่อให้คนได้เห็นไลฟ์สไตล์ ได้เห็นว่าเราใช้ชีวิตยังไง ตัวตนเราเป็นแบบไหน คิดอะไรก็โพสต์ไปตรงๆ”

ช่วงฟุตบอลโลกเพจของเธอยิ่งปั่นป่วนเมื่อมีคนเขาไปชมหลายหมื่นต่อคืนหลังจากที่เธอโพสต์ว่า หากทีมรักอย่างอาร์เจนตินายิงไม่ถึง 2 ลูก เธอจะถอดเสื้อ ปรากฏว่าเธอเอาจริง มันแกวถอดเสื้อบอลทีมรักออกเผยให้เห็นเสื้ออีกตัวที่สวมอยู่ข้างใน อาจจะผิดหวังแต่แฟนคลับก็ยังคงติดตามเธอต่อ จนกลายเป็นคำนิยามเหล่าสาวกมันแกวว่า “ทาสนม”

“คือทุกวันนี้นมมันดึงดูดคนจริงๆ ประเทศไทยเมื่อเห็นอะไรแรงๆ นิดๆ หน่อยก็จะวิ่งมาละ ไม่ว่าจะเข้ามาด่าเข้ามาดู คือมาแตกตื่นกันเรื่องนม จริงๆ มันกระแดะนะ มีคนโชว์นมเยอะแยะ ทำไมต้องมาตื่นตาตื่นใจกับนมแกวมากกว่าคนอื่น หรือเพราะคุณเห็นนมแกวมีสาระ เพราะแกวดันโพสต์ทัศนคติของแกวลงไปด้วย คุณเลยมาตื่นตาตื่นใจกับนมแกวมากกว่าเดิม

“แกวเป็นคนที่พูดตรง มองโลกแบบตรงๆ คิดยังไงเห็นยังไงก็พูดไปตามนั้น จริงอยู่แกวอาจไม่ใช่คนฉลาดเลยในการใช้ชีวิต แต่แกวมีทัศนคติที่ตรงไปตรงมา แกวไม่ปฏิเสธนะว่าที่แกวดังเป็นเพราะนม แต่ทัศนคติของแกวในการมองโลกก็มีส่วนทำให้คนเข้ามาตื่นเต้น ยกตัวอย่างนะ อย่างที่ช่วงหนึ่งมีคนพูดถึงมนุษย์ป้าเยอะมาก มีแต่คนเกลียดมนุษย์ป้า เห็นที่ไหนก็มองเหยียดหมด แต่แกวไม่ได้รู้สึกแบบนั้น

“แกวรู้สึกว่าเมื่อเราเข้าไปเจอป้ายืนพิงเสาอยู่คนเดียวที่บนรถไฟฟ้าจนเราไม่มีที่จะจับ แต่แกวกลับไม่โกรธป้านะ แต่วัยรุ่นสองคนเนี้ยนั่งด่าป้าเลย เราคิดว่าทำไมไม่มองมุมกลับว่าป้าเขาอาจจะขาไม่ดี เขาอาจไม่รู้ว่าเขาทำผิด แทนที่จะไปต่อว่า เราควรลุกให้ป้านั่งไหม หรือไม่ก็เดินไปบอกกล่าวเหมือนเขาเป็นญาติเรา แกวรู้สึกว่าทำถูกแล้วหรือที่เราไปตราหน้าคนอื่น”

หากเทียบกันกับเน็ตไอดอลคนอื่นๆ แกวดูจะสวยน้อยกว่ามาตรฐาน ซึ่งตัวเธอเองก็ยอมรับว่าเป็นเน็ตไอดอลที่หน้าตาบ้านๆ ที่สุดเท่าที่เคยมีมา แถมหน้าอกก็ไม่ได้ใหญ่มากมายจนสามารถเป็นกระแสได้ขนาดนี้ แต่ด้วยการมองโลกแบบจับประเด็นแล้วนำมาตั้งคำถาม ชี้ให้เห็นถึงการมองปัญหา ทำให้ไม่นานมานี้มันแกวได้รับความสนใจจนเกิดปะทะมุมมองความคิดกับ อั้ม เนโกะ ว่ากันว่าคู่นี้เป็นมวยถูกคู่ และสุดท้ายประเด็นไม่ได้จบที่ใครเป็นผู้ชนะ แต่จบตรงใครมองโลกเป็นเช่นไร

“คือแกวจะเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้มานานแล้ว แกวไม่เคยกลัวอะไร เราคิดแบบไหนก็พูดไปแบบนั้น คิดว่าสังคมที่มันใส่หน้ากาก สังคมที่พูดดีกันแต่แบบที่แทงกันข้างหลังคือสังคมที่น่ารังเกียจมาก แกวเลยไม่คิดทำตัวแบบนั้น เราเลยรู้สึกไม่สนับสนุนสังคมแบบนั้น เลยเลือกที่จะทำตัวตรงไปตรงมา ก็รู้นะว่ามันมีหลายคนที่ไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ มันก็สิทธิของเขา อย่างการโชว์นมแกวก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นเรื่องเลวหรือเรื่องดี แต่มันเป็นการมองของแต่ละคนมากกว่า

“แกวมักเป็นคนมองโลกในแง่บวกในทุกเรื่อง ทุกอย่างมาจากการใช้ชีวิตกับสิ่งที่เจอ เรามองตรงข้ามกับคนอื่นมองว่าเรื่องเลวร้ายเป็นเรื่องดีตลอดเวลา อย่างเมื่อที่ผ่านมาแกวโดนกรีดกระเป๋าที่อนุสาวรีย์ แกวก็มองว่าเออ... ดีเว้ยมันไม่เอามีดมาแทงเรา ถึงเงินจะหายหมดเราก็ออกไปทำงานได้นิ คือแกวมองในมุมที่ว่าจะร้ายแรงยังไงก็ตาม แต่ดีแค่ไหนที่เรายังมีชีวิตอยู่”

อะไรที่ทำให้มันแกวเริ่มต้นโชว์หน้าอก “คือมันเป็นความภาคภูมิใจส่วนตัวนะ แกวโชว์เพราะมันคือความสุข มันเป็นสิทธิของเราที่จะทำตัว แต่ขอให้อยู่ใต้กรอบกฎหมายที่ไม่เบียดเบียนคนอื่น แต่แกวให้ดูเท่านี้ก็ดูเท่านี้นะ อย่ามาแหวกดูก็แล้วกัน สังคมไม่ควรมาสั่งว่าแกวต้องแต่งตัวเรียบร้อย อยู่กับบ้านทำตัวดีๆ คือพ่อแม่จะสอนแกวเสมอให้เรายอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ ก่อนจะทำก็คิดแต่ถ้าทำไปแล้วอย่าไปเสียใจกับมันให้ยอมรับความจริง อย่างที่โชว์อยู่เราก็คิดว่ามันเป็นงานอีกอย่างที่เลี้ยงตัวเอง”

ต้นเหตุของการข่มขืนอาจจะมาจากการแต่งตัวแบบมันแกว? “อย่าใช้คำว่าต้นเหตุ ต้องใช้คำว่าเป็นสาเหตุรวม คือการแต่งตัวแบบนี้อาจเป็นเรื่องกระตุ้น แต่ถ้าถามว่าเป็นสาเหตุไหม ไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง สาเหตุที่แท้จริงคือการขาดสำนึกชั่วดีของคนที่ทำมากกว่า คือผู้ชายเขาก็มีความอยากเงี่ยนกันทุกคนแหละพี่ อยู่ที่ว่าสุดท้ายจะจบยังไง แต่คนที่เลือกจะไปข่มขืนคนอื่นคือไม่มีจิตสำนึก เรื่องข่มขืนแล้วฆ่านี่ไม่ควรมีการผ่อนโทษเลย

“อย่างคดีข่มขืนที่เพิ่งผ่านมา ไม่เกี่ยวกับว่าน้องเขาจะแต่งตัวยังไงเลย หากเราตกเป็นสเปกของคนชั่วยังไงเราก็ไม่รอด อย่ามาสอนผู้หญิงเลยว่าต้องแต่งตัวยังไง จงไปสอนผู้ชายว่าให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้รู้จักจิตสำนึกของความเป็นคน ผู้ชายมีอารมณ์ทางเพศทุกคนแหละ อยู่ที่เขาจะเลวหรือเปล่า จะไปทำร้ายใครหรือเปล่า”

หลังพูดจบแกวทำหน้าจริงจังแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ด้วยใบหน้าไร้รอยยิ้มและมีแววครุ่นคิด เธอบอกว่าเคยเกือบโดนข่มขืนบนรถแท็กซี่ “แต่เพราะสติหนูเลยรอดมาได้” 23 ปีของชีวิต มันแกวผ่านเรื่องราวและประสบการณ์มากมาย

เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นแบบอย่างให้ใคร แต่ถ้าหากมีผู้หญิงสักคนจะทำตามเธอก็ต้องคิดให้ดี ต้องยอมรับกระแสด้านลบที่ตามมาให้ได้ ทั้งยังต้องดูแลตัวเองให้มากกว่าผู้หญิงคนอื่นเป็นเท่าตัว

“ถึงวันนี้แกวรู้สึกว่าเรายอมรับในทุกความเป็นจริงที่เราเจอได้ เรารู้สึกภูมิใจที่ตัวเองเข้มแข็งได้ อะไรที่เราทำแล้วมีความสุขควรทำต่อไป แกวบอกเลยว่าสิ่งที่แกวทำมันไม่ได้ตามใจตัวเองเกินไป คืออย่างแกวมีอะไรต้องรับผิดชอบ ก็เรียงลำดับมันให้เป็นว่าตอนนี้สิ่งสำคัญในชีวิตเราคืออะไร และเราต้องทำอะไรก่อน อย่างตอนนี้สิ่งสำคัญของแกวคือการทำงานหาเงินให้ที่บ้าน แกวก็ต้องทำให้ดีที่สุด”

ผมทิ้งคำถามสุดท้ายเพราะหน้ากระดาษอันจำกัด หลังจากที่โด่งดังอะไรในชีวิตเปลี่ยนไปบ้าง

“สิ่งแรกเลยที่เจอคือสังคมตราหน้าว่าเราเป็นคนไม่ดี โดยตัดสินจากการแต่งตัว เราก็ว่าดีนะ ไม่เป็นไร เพราะมันเหมือนเบิกทางให้สังคมได้สัมผัสผู้หญิงในแบบนี้ไง คือตัวเราเองแยกออกระหว่างเซ็กซี่กับอนาจาร คือเราอยากให้สังคมเปิดกว้างในเรื่องการแต่งตัว คือใครๆ ต่างบอกว่าเราสิทธิเท่าเทียมกัน แต่คุณกลับมองไม่เท่าเทียม ห้ามโชว์นม ห้ามใส่สั้น คืออยากให้มองข้างในไม่ใช่มองแค่ซอกนม”