posttoday

"วีรินท์ อนันตพัฒนาวงศ์"ชีวิตต้องสมดุล

25 พฤษภาคม 2553

ในเรื่องงานค่อนข้างจริงจัง เล่นเป็นเล่น ทำงานก็คือทำงาน ทุกคนในที่ทำงานจะรู้บุคลิกตรงนี้ เวลาที่น้องๆ ทำอะไรพลาดก็มีการดุบ้างเป็นธรรมดา

ในเรื่องงานค่อนข้างจริงจัง เล่นเป็นเล่น ทำงานก็คือทำงาน ทุกคนในที่ทำงานจะรู้บุคลิกตรงนี้ เวลาที่น้องๆ ทำอะไรพลาดก็มีการดุบ้างเป็นธรรมดา

โดย...วรธาร ทัดแก้ว

ผู้หญิงคนนี้หลายคนอาจไม่รู้จักเธอ หลายคนอาจได้ยินแต่เสียงของเธอทางคลื่นวิทยุแต่ไม่เคยเห็นหน้า ปัจจุบันเธอเป็นดีเจ ประจำอยู่ที่คลื่น 90 บาลานซ์เอฟเอ็ม พร้อมควบตำแหน่งโปรแกรมไดเรกเตอร์อีกด้วย อดีตเคยใช้ชีวิตคู่กับ นพ.พรเดชา สุขารมณ์ หรือ แจ๊ค สุขารมณ์ อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลเดชา จนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน เป็นหญิงชื่อ “น้องทาช่า” ในวัย 2 ขวบครึ่ง

วีรินท์ หรือ เชอรี่ เป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด จบปริญญาตรี เอกภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบแล้วได้ทำงานอยู่ในวงการวิทยุมาโดยตลอดเกือบ 20 ปี เริ่มจากการเป็นผู้อ่านข่าวต้นชั่วโมง ก้าวมาเป็นดีเจ ล่าสุดได้มานั่งตำแหน่งโปรแกรมไดเรกเตอร์|ของคลื่น 90 บาลานซ์เอฟเอ็ม

"วีรินท์ อนันตพัฒนาวงศ์"ชีวิตต้องสมดุล

“นอกเหนือจากการจัดรายการทางวิทยุที่ทำทุกวันอยู่แล้ว ก็ยังทำหน้าที่ดูแลทั้งหมดของคลื่น ตั้งแต่เรื่องเพลง เช่น จะเอาเพลงไหนเข้า เพลงไหนออก เพลงไหนจะเล่นหรือเปิดในสัดส่วนเท่าไร จะมีการประชุมเพลงทุกวัน ที่สำคัญในเรื่องการขายและการตลาด”

เชอรี่ เล่านโยบายของคลื่น 90 บาลานซ์ ว่า บริษัทต้องการทำคลื่นให้บาลานซ์ โดยที่คนฟังนอกจากได้รับความบันเทิงในเรื่องเพลงเป็นหลักแล้ว จะต้องได้รับสาระในรูปของข่าวสารไปด้วย เพื่อเติมความสมดุลให้คนฟัง ฉะนั้นจึงถือได้ว่าคลื่น 90 บาลานซ์จึงเป็นคลื่นวิทยุที่ชื่อว่านิวส์ แอนด์ มิวสิก กล่าวคือเป็นวิทยุเพลงคลื่นแรกที่มีทั้งข่าวและเพลง

“อย่างไรก็ตาม แม้คลื่นจะมีสัดส่วนของเพลงมาก แต่เราก็ไม่ได้เน้นที่เปิดเพลงหรือเน้นบันเทิงทั้งหมด แต่เราจะอัพเดตข่าวให้คนได้ฟังตลอด นอกเหนือจากข่าวต้นชั่วโมงที่มีอยู่แล้ว โดยดีเจแต่ละช่วงที่เข้ามาจัดจะมีการเล่าข่าวสบายๆ ไม่ได้เน้นลงลึกมากนัก จะอัพเดตว่าวันนี้มีข่าวอะไรบ้างที่คนฟังต้องรู้ หรือข่าวอะไรบ้างที่กระทบกับวิถีชีวิตประจำวันของคนทั่วไปให้ฟังก่อนที่จะเปิดเพลงสลับกันไป จึงถือได้ว่าคลื่น 90 บาลานซ์เอฟเอ็ม ถือเป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ชอบทั้งข่าวและเพลง” ดีเจวีรินท์ กล่าว

เต็มที่เสมอในเรื่องงาน

หลักในการทำงานของเชอรี่ เธอบอกว่า ในเรื่องงานค่อนข้างจริงจัง เล่นเป็นเล่น ทำงานก็คือทำงาน ทุกคนในที่ทำงานจะรู้บุคลิกตรงนี้ เวลาที่น้องๆ ทำอะไรพลาดก็มีการดุบ้างเป็นธรรมดา แต่ด้วยเหตุด้วยผลและจบตรงนั้น หลังจากนั้นไม่มีอะไรติดค้างคาใจ เวลาไปรับประทานข้าวก็ไปด้วยกัน

“ทุกคนจะรู้สไตล์การทำงานของรี่ ว่าเป็นแบบนี้ คือเรื่องงานทุกคนต้องรับผิดชอบและทำกันเต็มที่ ในขณะเดียวกันถ้าน้องๆ คนไหนมีเรื่องเครียดหรือมีปัญหาส่วนตัวอะไรก็มาคุยกันนอกรอบได้ ไม่มีปัญหาพร้อมยินดีเป็นที่ปรึกษาให้ข้อคิดเห็นและความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้”

เชอรี่ ได้เล่าชีวิตหลังเลิกร้างกับหมอพรเดชาอดีตสามี ว่า ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวและคุณพ่อของเธอ โดยยังไม่คิดที่จะมีคนใหม่ เพราะมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อลูกและเลี้ยงคุณพ่อให้มีความสุขเท่าที่จะทำได้ โดยเธอย้ำหนักแน่นว่าตอนนี้

ลูกคือแก้วตาดวงใจ ทำงานหนักทุกวันก็เพื่อลูก ทุกคืนจะนอนกับลูกตลอด ตอนเช้าก็ไปส่งที่โรงเรียน ตอนเลิกให้คุณตาไปรับลูกแทนเพราะยังไม่เลิกงาน

ดำเนินชีวิตด้วยหลักสมดุล

ดีเจวีรินท์ กล่าวว่า งานถือเป็นแกนหลักของทุกคน แต่ก่อนเคยทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เพราะตอนนั้นมองตัวเอง เรี่ยวแรงยังดี ทำงานไหว ทำให้ไม่ได้ดูแลตัวเอง ทั้งจัดรายการ ไปอัดเสียง รับงานพิธีกร และงานอื่นๆ แทบจะทุกอย่างด้วยคิดจะเก็บเงินอย่างเดียว จนตอนหลังมีความรู้สึกว่าสุขภาพแย่ และเมื่อแม่มาเสียชีวิต (10 กว่าปีแล้ว) ก็ฉุกคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาให้เวลากับแม่และคนในครอบครัวน้อยจึงคิดเปลี่ยนแปลงตัวเองยึดทางสายกลางด้วยการทำชีวิตให้บาลานซ์กับงาน

ดีเจเชอรี่ กล่าวว่า ตอนนี้แม้ทำงานหนักแค่ไหนก็พยายามจะแบ่งเวลาให้ครอบครัวตลอด ถึงวันหยุดก็จะหาโอกาสพาครอบครัว พาลูก คุณพ่อ พี่ น้องไปเที่ยว หรือไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ทำให้ชีวิตในตอนนี้มีความสุขมาก ส่วนเรื่องอารมณ์แต่ก่อนค่อนข้างร้อน ขับรถเร็วด้วย มีครั้งหนึ่งเกือบคว่ำตกสะพาน สลบต้องเข้าโรงพยาบาลอยู่ 2 อาทิตย์ ตอนหลังถึงจะรีบแค่ไหนก็ไม่ได้ขับเร็ว

“แต่ก่อนเป็นคนเอาแต่ใจ พอมีลูกก็ทำให้ใจเย็นและนิ่งขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทั้งนี้อาจเป็นเพราะรี่มีครบทุกอย่าง ลูกก็มีแล้ว ทุกวันนี้เห็นหน้าลูกก็ทำให้รี่มีความสุขแล้ว และที่ทำงานหนักทุกวันนี้ก็มิได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อลูก” เธอเล่าด้วยน้ำเสียงมีความสุข