posttoday

ใช้ ‘ตู้เย็น’ เป็น ‘ตู้ยา’

27 พฤษภาคม 2557

ฟังไม่ผิดหรอก ก็ “ตู้เย็น” ที่เก็บผัก แช่เนื้อ ซ่อนขนม (ใครบางคน) นี่ล่ะ จะถูกใช้เป็น “ตู้ยา” ประจำบ้านตามคอนเซปต์ “แค่เปิดตู้เย็น ก็จะเห็นตู้ยา”

โดย...โจนาธาน / ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ฟังไม่ผิดหรอก ก็ “ตู้เย็น” ที่เก็บผัก แช่เนื้อ ซ่อนขนม (ใครบางคน) นี่ล่ะ จะถูกใช้เป็น “ตู้ยา” ประจำบ้านตามคอนเซปต์ “แค่เปิดตู้เย็น ก็จะเห็นตู้ยา”

ตราบใดที่คุณยังไม่ได้เปิดตู้เย็นด้วยตัวเอง ก็อย่าเพิ่งเชื่อเราว่ามันจะมีตู้ยาปรากฏอยู่จริง

สำหรับชายผู้นี้ “นพ.กฤษดา ศิรามพุช” หรือ “หมอต้น” ยืนยัน นั่งยัน นอนยัน เขาเจอแล้วตู้ยา จากการเปิดตู้เย็นที่บ้าน

แนวคิดที่ว่า มันคือการดูแลตัวเองด้วยศาสตร์อายุรวัฒน์ ปรับสมดุลการกิน การใช้ชีวิต พึ่งยาให้น้อยที่สุด แล้วหันมาใช้ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ต่างๆ ที่คุ้นเคยกันดี เป็นโอสถรักษาความป่วยไข้

เก๋มั้ยเล่า เปิดตู้เย็นปุ๊บ ก็จะเจอตู้ยาปั๊บ

@ใครเป็นใคร วัดได้จากตู้เย็น

หนังสือที่อ่านบ่งบอกถึงนิสัยของคนนั้นๆ ได้ไม่มากก็น้อย ปราชญ์โบราณว่าไว้ สมัยนี้ไปเยี่ยมบ้านเพื่อนก็ให้ตรงรี่ไปหาตู้เย็น เปิดออกดูจะรู้ว่าเขาหรือเธอเป็นยังไงจากของที่ใส่ในตู้เย็น

จะอะไร ยังไง ใส่ของแพงถูก ล้นทะลักด้วยของน่าหม่ำจนยัดไม่ไหว หรือที่เลวร้าย บางรายแทบจะเป็นตู้เย็นว่างเปล่า ปราศจากสิ่งมีชีวิต เหล่านี้ล้วนส่อถึงตัวตนผู้เป็นเจ้าของ

ตู้เย็นคือหนึ่งไลฟ์สไตล์ที่อยู่ใกล้ตัว บอกถึงเจ้าของ สื่อถึงความเป็นอยู่ คุณกินอะไรก็ดูได้จากของที่อยู่ในตู้เย็น กระทั่งคุณไม่กินอะไรเปิดตู้เย็นดูก็รู้ทันที

หมอต้น แนะนำว่า ควรจะเพิ่มมูลค่าตู้เย็นให้มากกว่าแค่เป็นที่เก็บของกิน ที่สำคัญ จัดระเบียบตู้เย็นให้เข้าที่เข้าทางหน่อยก็ดี ใครไม่เคยทำ จงลองลงมือทำ ตู้เย็นจะให้ประโยชน์มหาศาลยามที่คุณป่วยไข้

“ถ้าคุณมีชีวิตที่ต้องทำงานเช้ากลับดึก ก็ควรเน้นกินง่ายอยู่ง่ายๆ ครับ อาหารสำเร็จรูปก็ได้นะ เช่น ปลากระป๋อง หรืออาหารแช่แข็งที่ยังคงคุณค่าทางอาหาร ไม่มีเวลาไปซื้อผักและผลไม้สด เดี๋ยวนี้มีเบอร์รีที่แช่แข็งก็ใช้ได้ หรือไม่สามารถหาข้าวกล้องได้ ก็แทนด้วยขนมปังโฮลวีต แต่ถ้ามีเวลาไปจ่ายตลาด จัดเต็มเลยครับ ของสดควรมีติดไว้ในตู้เย็น เพราะคุณค่าของของสดนั้นมีเยอะอยู่แล้วละครับ”

@ตู้ยาที่มาจากตู้เย็น

เริ่มจากสิ่งที่ชอบ หมอต้นย้ำอย่างนั้น แล้วก็เอาสะดวกตัวเองเข้าว่า อย่าทำอะไรเหลือบ่ากว่าแรง ต้องดั้นด้นไปจ่ายตลาด ซื้อของมาเก็บก็ใช่เรื่อง ใกล้ๆ ร้านค้าหน้าบ้าน อุดหนุนกัน ซื้อของที่ตัวเองชอบกินกลับไปใส่ในตู้เย็น และที่ลืมไม่ได้ ต้องทำตู้เย็นให้เป็นเรื่องสนุกที่พร้อมจะลุกขึ้นมาลั้นลากับมันได้ทุกเวลา

บางคนชอบไข่ บางคนชอบโยเกิร์ต ชอบผักสด ชอบผลไม้ ช็อกโกแลต หรือจะเป็นของสำเร็จรูป ของแห้ง บางอย่างก็มีคุณค่าล้นจนน่าใจหาย ซื้อติดไว้ในตู้เย็นไม่เสียหลาย มีแต่ได้กับได้

“อย่าคิดว่าตู้เย็นเป็นของตายครับ ถ้าปรับดีๆ จัดดีๆ มันก็จะกลายเป็นของมีประโยชน์มากๆ ค่อยๆ ทำครับ มันอาจจะเคอะเขินในช่วงแรกๆ พอพูดถึงตู้เย็น มันต้องมีของเยอะๆ เก็บยังไง ลำบากจัง ทั้งๆ ที่ความจริงไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ยึดตามศาสตร์อายุรวัฒน์ คือง่ายๆ สะดวกตัวเอง ตามที่ตัวเองกิน ควรเริ่มจากสิ่งที่ชอบ ใครชอบอะไรก็เริ่มจากตรงนั้นก่อน เป็นก้าวแรก แล้วมันจะมีก้าวต่อไป”

หัวใจของการทำตู้เย็นเป็นตู้ยาอาจไม่ใช่อยู่ที่จำนวน หรือปริมาณของที่มีในตู้เย็น แต่มันคือการหยิบฉวยของที่มี ณ เวลานั้น มาต่อยอดก่อประโยชน์สูงสุด ให้อาหารที่กินเป็นยารักษาโรค ง่ายๆ แต่เข้าถึงจุด

“ต้องดูตัวเองด้วยครับว่ามีต้นทุนสุขภาพยังไง คนที่มีโรคประจำตัวต้องกินยาช่วยครับ แต่ก็ไม่เสียหายอะไร ถ้าจะหันมาดูแลสุขภาพเพิ่มเติมด้วยอาหาร เช่น คนที่มีความดันสูง ไขมันสูง ก็ต้องกินปลาให้เยอะ น้ำมันปลาจากกะปิ กระเทียมก็ช่วยได้ กล้วยน้ำว้ามีโพแทสเซียมสูงก็ช่วยได้ หรือคนที่สนใจเรื่องผิวพรรณก็ควรกินมะเขือเทศ คุณผู้ชายที่กังวลเรื่องผมก็ต้องมีถั่วติดตู้เย็น รวมไปถึงคนที่มีปัญหาลำไส้ ท้องผูกบ่อยก็ให้กินโยเกิร์ต”

@อย่า!!! ทำตู้เย็นเป็นตู้ยา (พิษ)

ไม่ยากถ้าคิดจะทำ ทำตู้เย็นเป็นตู้ยา แต่โปรดระวังสักนิดและศึกษาให้ถ่องแท้ เพราะบางทีตู้เย็นที่หวังจะเป็นตู้ยาก็อาจคร่าชีวิตคุณได้ ในฐานะตู้ยาพิษ

ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งตระหนก ไม่ใช่ทุกสิ่งอย่างที่จะกลายเป็นยาพิษ บางอย่างก็แค่คุณประโยชน์ด้อยลง สารอาหารถูกทำลายไป เพราะโดนความเย็นเล่นงาน ฉะนั้นจึงต้องรู้ว่าอะไรควรใส่ และไม่ควรใส่ในตู้เย็น

“ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยนะครับ แตงโมที่ยังไม่ผ่าเป็นชิ้นไปแช่เย็นทั้งลูก มีการศึกษาพบว่าคุณค่าอาหารลดลง เนื้ออาจจะเสียรส วิตามินหายไปจากความเย็น มะเขือเทศจริงๆ เก็บนอกตู้เย็นได้ แต่พอเก็บในตู้เย็นพระเอกไลโคปีนก็อาจจะเปลี่ยนไป หัวหอม กระเทียม เก็บใส่ตู้เย็นจะยิ่งแย่ เพราะความชื้นทำให้เกิดเชื้อรา ประโยชน์เรื่องลดไขมันก็น้อยลง หรือช็อกโกแลตดำต้องเก็บให้ถูกช่อง ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นตัวดูดกลิ่นในตู้เย็นเหมือนถ่านไงครับ มันคือฟองน้ำซับกลิ่นดีๆ นี่เอง เวลาเอาช็อกโกแลตมากินคุณก็จะได้ช็อกโกแลตกลิ่นปลาทู กลิ่นไข่เจียว น้ำผึ้งก็เก็บในอุณหภูมิห้องได้ น้ำผึ้งแท้จะไม่เสีย อีกอย่างที่ต้องเก็บให้ถูกช่องคือ ไข่ ถ้าเก็บไม่ถูกช่อง นอกจากมันจะไม่เป็นยาแล้ว ยังจะกลายเป็นพิษด้วย เพราะไข่มีเชื้อตัวหนึ่งที่ทำให้ไส้เน่า หรือเชื้อซัลมูเนลลาที่มากับเปลือกไข่ปนเปื้อน หรือของสดจำพวกเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรนำมาแช่ร่วมกับน้ำแข็ง เพราะมันจะมีเชื้อโรคอันตรายที่มาสู่คนกินได้”

@อาหาร (สามัญประจำบ้าน) ที่ควรมีติดตู้เย็น

ถามหายาดีที่ได้จากอาหาร หมอต้น ระบุว่า มีเยอะแยะในโลกนี้ แต่ถ้าจะเอาง่าย สะดวก อร่อย แถมอุดมไปด้วยคุณสมบัติทางยา และหาซื้อได้ราคาย่อมเยา ก็ต้องยกให้ “ถั่วลิสง” ซูเปอร์ถั่วที่คนไทยรู้จักกันดี หรือจะเป็น “ดาร์กช็อกโกแลต” หรือ “ช็อกโกแลตดำ” มีการศึกษาพบว่าช่วยป้องกันลิ่มเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้คล่อง

“ฝรั่งก็อาจจะบอกว่าพวกนัทต่างๆ แต่คนไทยผมว่าถั่วลิสงนี่ละเหมาะที่สุด เป็นของกินเล่นที่มีประโยชน์มากๆ มีวิตามินอี ช่วยผิวพรรณ ช่วยเรื่องสมอง มีโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าโปรตีนชนิดอื่นๆ แต่ต้องกินในปริมาณที่ไม่เยอะเกินไป”

นอกจากนี้ ยังรวมถึง “ขิง” “กระเทียม” “หัวหอม” “ชาเขียว” “ทูน่า” “โยเกิร์ต” ช่วยระบบย่อย มีเชื้อพระเอกโปรไบโอติก “มะเขือเทศ” เพิ่มพลังทางเพศ ช่วยเรื่องผิวพรรณ “ไข่” ต้องมีติดไว้ในตู้เย็น “นมถั่วเหลือง” “น้ำผึ้ง” “กล้วยน้ำว้า” แป้งกล้วยห่ามช่วยกรดไหลย้อน

“คนสมัยก่อนอาจกินข้าวหมาก หรือมะขามเปียก เพื่อให้ท้องไม่ผูก แต่จะให้คนยุคใหม่กินแบนนั้นก็คงไม่ใช่ ก็ต้องเลือกของกินที่ทันสมัยและเข้ากับยุค ผมว่าสุดท้ายแล้วก็ควรเลือกของกินให้เหมาะกับตัวเอง และต้องเหมาะกับโรคที่เป็นด้วย ก็จะได้ประโยชน์ทางยาจากของที่กินเข้าไปแบบเต็มๆ

ของกินบางอย่างก็ไม่ถูกปากกับบางคน ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะในอาหารมันมีทางเลือกอีกมากมาย เช่น คนที่อยากได้ไลโคปีนแต่ไม่ชอบมะเขือเทศ ก็มีตัวเลือกใหม่เป็นแตงโม ซึ่งก็มีสารไลโคปีนเหมือนกัน จะกินฝรั่งขี้นก ไส้แดงๆ ก็มีไลโคปีนเยอะ หรือเกลียดมะเขือเทศเป็นผลสดสุดๆ แต่ยอมกินซอสมะเขือเทศ ก็จะได้ไลโคปีนมากพอๆ กับกินผลสดเลยละครับ”