posttoday

แบบนี้สิ แจ็คเกอรีน ทีวีพูล

24 พฤษภาคม 2557

ถ้าผมบอกคุณว่า “แจ็คเกอรีน ทีวีพูล” เป็นนักข่าวบันเทิงที่ดังที่สุดในยุคสมัยนี้ คุณจะเชื่อผมไหม?

โดย...ตุลย์ จตุรภัทรหยก อภิชชญา ภาพ วีรวงศ์ วงศ์ปรีดี

ถ้าผมบอกคุณว่า “แจ็คเกอรีน ทีวีพูล” เป็นนักข่าวบันเทิงที่ดังที่สุดในยุคสมัยนี้ คุณจะเชื่อผมไหม?

เอาเป็นว่า จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่งานอีเวนต์ต่างๆ ถึงกับระบุตัวว่าต้องมีนักข่าวคนนี้มาทำข่าวในงาน อีกทั้งยังมีข่าวลือโคมลอยว่าต้นสังกัดของเธอถึงขั้นจับเธอเซ็นสัญญาห้ามลาออก แถมเธอยังมีสารพัดข่าวไม่แพ้ดาราดัง ไม่ว่าจะเป็นแต่งตัวโป๊ออกหน้าจอ จนโดนช่องทำแถบเซ็นเซอร์ พูดจาสองแง่สามง่ามเวลาจัดรายการ เป็นนักข่าวบันเทิงมาเฟียที่ใครๆ ต่างต้องซูฮก รวมทั้งมีข่าวกุ๊กกิ๊กหลังไมค์กับนักร้องชื่อดัง กัน เดอะสตาร์

เส้นทางก่อนดัง

แจ็คเกอรีน ทีวีพูล มีชื่อตามบัตรประชาชนว่า นายจักริน อดิเรก เป็นคน จ.สุรินทร์ สมัยเด็กเป็นเด็กเรียนใส่แว่น แถมเรียนได้ที่หนึ่งมาตลอด จวบจนสอบเอนทรานซ์ติดที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาฯ เรียนจบออกมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1

“การเรียนให้ได้เกียรตินิยมถือเป็นเป้าหมายสำคัญค่ะ ความที่ว่าอยากเรียนให้ดีที่สุดเพื่อให้แม่ภูมิใจ แม่เลี้ยงเรามาด้วยตัวคนเดียว เพราะเลิกกับพ่อ เขากลัวเราเป็นเด็กมีปัญหา เลยปลูกฝังให้เรียนอย่างเดียว”

ก่อนมาสมัครงานที่ทีวีพูล แจ็คเกอรีนเผยว่า เพื่อนๆ ชอบแซวว่าเธอบ้าดารา เพราะแอบเห็นว่าเธอชอบอ่านข่าวบันเทิง “รู้ข่าวบันเทิงหมดเลยนะ เพราะเราชอบอ่านไง จนเราได้มาทำงานที่ทีวีพูล มันยิ่งซึมลึกค่ะ ลึกถึงขนาดที่ว่าเป็นติ่งข่าวซุบซิบดาราเข้าเส้นเลือดเลยก็ว่าได้”

แจ็คเกอรีนเผยอีกว่า ก่อนที่เธอจะเข้ามาทำงานที่นี่ ทีวีพูลยังไม่ได้ปรับลุคหน้าปกเหมือนในสมัยนี้ เป็นโอกาสดีที่เมื่อเธอเข้ามา เธอก็ได้โอกาสจาก ติ๋มพรรทิภา สกุลชัย ให้ช่วยกันปรับลุคนิตยสารทีวีพูลให้มีความทันสมัย “หน้าปกเป็นแฟชั่นที่ต้องเอานางเอกเบอร์หนึ่งมาถ่ายปกเท่านั้น และคำโปรยหน้าปกต้องมีภาษาอังกฤษ ซึ่งก็เป็นคนช่วยคิดมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ค่ะ”

ยุคสมัยนี้ งานอีเวนต์มีทุกหัวระแหง มีงานอีเวนต์ที่ไหน ต้องมีดาราดังที่เป็นข่าวที่นั่น ทำให้นักข่าวบันเทิงทำงานง่ายขึ้น แจ็คเกอรีนเผยว่า แตกต่างจากสมัยที่เธอเพิ่งเข้ามาทำเยอะมากถึงมากที่สุด

“อยากจะบอกว่านักข่าวที่เห็นสวยๆ เดินไปเดินมา คือสบายมาก ทุกวันนี้บอกน้องนักข่าวที่มาทำงานว่าที่เธออยู่เธอทำคือสบายมากเลยนะ สมัยก่อนคอมพิวเตอร์ก็ไม่มี ลำบาก นั่งรถเมล์ไปทำข่าวกระเตงไปกับตากล้องทั้งวัน แถมยังต้องไปตามกองถ่าย เพราะไม่มีงานอีเวนต์ แถมเรายังเป็นเจ้าแรกที่ทำข่าวซุบซิบเรื่องส่วนตัวของดารา ตอนแรกที่ทำก็โดนด่าเยอะมาก เหนื่อยมาก่อน เจ็บก่อน (หัวเราะ)”

แจ็คเกอรีนบอกเล่าว่า เธอเคยไปตามดาราคนหนึ่งถึงกลางคันนา ร้อนก็ร้อน ไปนั่งรอเขาทั้งวัน สุดท้ายเขาก็บอกว่าไม่ให้สัมภาษณ์ บางครั้งก็เจอดาราเหวี่ยง วีน เคล็ดลับการทำให้เธอเข้มแข็งและฝ่าฟันความเหนื่อยหนักของการทำงานมาได้ แจ็คเกอรีนเผยว่า เราต้องเป็นคนดี และไม่คิดมาก

“พูดง่ายๆ คือต้องคิดบวก เรารู้ว่าอาจจะมีคนไม่ชอบเรา หมั่นไส้เรา ยิ่งเรากลายมาเป็นนักข่าวกะเทยที่ออกหน้าจอทีวี ก็โดนด่าสารพัด ไม่สวย หน้าเหมือนม้า ทำไมต้องเปิดหน้า แล้วยังกล้ามาถามเรื่องผัวเมียอีก โดนด่าเยอะมาก หลังๆ มีโซเชียลมีเดียยิ่งหนัก นอยด์หนัก นอยด์ไปพักหนึ่งเลย แต่ก็ผ่านมาได้ คิดแค่ว่า ถ้าเราไม่ยึดติดกับมัน เรามาทำงานของเรา เราก็จะสบายใจ หลักการคือทุกครั้งที่เราออกจากบ้าน เราไม่เคยเกลียดใคร ไม่มีศัตรู คุณอาจเกลียดเรา แต่เราไม่รู้ เราก็ไม่เป็นทุกข์”

จากนิตยสารทีวีพูล สู่การทำนิตยสารสตาร์นิวส์ นิตยสารแนวปาปาราซซี่เต็มรูปแบบ สู่การทำรายการทีวีชื่อทีวีพูลไลฟ์ กลายเป็นนักข่าวที่ต้องออกหน้าจอโทรทัศน์ สู่ช่องเคเบิล จนกระทั่งทีวีดิจิทัลช่อง THV ในปัจจุบัน แจ็คเกอรีนเผยว่า หนึ่งอาทิตย์มี 7 วัน เธอทำงานทุกวัน แต่มันก็เป็นการทำงานที่เป็นดั่งการออกไปใช้ชีวิตลั้ลลาของเธอไปแล้ว เข้าทำนองที่ว่า เรื่องงานเรื่องเที่ยวคือเรื่องเดียวกัน

ในวันที่ฉันโด่งดังแล้ว

แจ็คเกอรีนเผยว่า สิบกว่าปีที่ทำงานกับทีวีพูล จนวันที่ทีวีพูลเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ จากภาพลักษณ์เด็กผู้ชายหวานๆ ก็กลายมาเป็นสาวสวยสมบูรณ์ที่มีความเซ็กซี่ แถมยังกลายเป็นบุคคลสาธารณะที่มีคนจับตามองเยอะแยะมากมาย

“บอกได้คำเดียวว่าต้องอดทนมาก เพราะสถานะของเราเป็นทั้งนักข่าวและบุคคลสาธารณะ อดทนทั้งในการทำข่าว ทั้งต่อสิ่งเร้าที่เข้ามากระทบ โดนด่าจากดาราบ้าง แฟนคลับของดาราบ้าง คนดูบ้าง ไปทำงานเช้ายันดึกแค่ไหนก็ต้องอดทน อดทนกับตัวเองและแรงกดดัน”

นอกจากอดทนต่อแรงกดดัน แจ็คเกอรีนเผยว่า เธอยังต้องใช้ชีวิตแบบรู้ว่าวงการนี้เต็มไปด้วยเรื่องโกหกตอแหล แต่เธอต้องนำเสนอแบบไม่ไปตัดสินใจ

“เรารู้ว่าดาราโกหกตอแหลก็จริง แต่เวลานำเสนอ เราไม่นำเสนอว่าเขาโกหกตอแหล เราแค่เป็นผู้นำเสนอที่ไม่ตัดสินคน หน้าที่ของการตัดสินคนคือคนดูคนอ่าน”

เมื่อเป็นคนดัง...ย่อมมาพร้อมกับข่าวค(ร)าว

มาถึงบรรทัดนี้ แจ็คเกอรีนพร้อมเปิดใจเคลียร์ทุกประเด็น เริ่มจากประเด็นแรกที่มีคนพูดกันว่างานอีเวนต์ต่างๆ ถึงกับระบุตัวว่า ต้องมีเธอไปทำข่าวในงาน

“คงเป็นเพราะเราเป็นนักข่าวที่มีชื่อเสียงด้วยมั่งคะ ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องออกไปทำงานทุกวัน งานไหนเชิญไปเราก็ต้องไป ไม่เชิญเราก็ต้องไป เพราะเราต้องไปทำข่าวอยู่แล้ว”

ประเด็นต่อมา ที่มีข่าวว่า ต้นสังกัดของเธอถึงขั้นจับเธอเซ็นสัญญาห้ามลาออก

“มันก็ไม่เชิงว่าเป็นสัญญาห้ามลาออกหรอกค่ะ เป็นสัญญาการทำงานมากกว่า เมื่อก่อนนักข่าวลาออกบ่อย เขาเลยให้เซ็นสัญญา 6 ปี แต่นั่นเป็นเมื่อก่อนแล้วนะคะ ตอนนี้หมดสัญญาแล้ว แต่เราก็ยังทำต่อมาเรื่อยๆ ด้วยใจ ใครซื้อตัวก็ไม่ไปค่ะ”

กับกระแสโจมตีที่ว่า เธอชอบแต่งตัวโป๊โชว์นมกระโปรงสั้นออกหน้าจอ จนโดนช่องทำแถบเซ็นเซอร์ แถมยังพูดจาสองแง่สองง่ามเวลาจัดรายการ

“เรื่องเซ็กซี่นี่ต้องขอบอกว่าพี่ติ๋มเป็นคนวางคอนเซปต์ไว้ให้ แต่ยอมรับว่าพอทำหน้าอกมาก็เห่อ เลยอยากโชว์ บางทีแต่งตัวน้อยชิ้นเพราะมันสบาย ผลตอบรับก็โดนด่าเยอะ โดนช่อง 5 เซ็นเซอร์ แถมยังหมายหัว ไปออกงานอีเวนต์ ก็โดนเขม่นว่าแต่งตัวแย่งซีนดารา แต่มันก็กลายเป็นภาพลักษณ์ที่ติดตัวเราไปแล้ว วันไหนเราแต่งตัวปกติ คนรอบข้างจะบอกว่ามันไม่ใช่ ทักจนเราเสียความมั่นใจไปเลยก็มี (หัวเราะ) ในส่วนของการพูดจาสองแง่สองง่าม ก็เป็นจุดขายเพื่อให้รายการสนุก โดยส่วนตัวเราก็เป็นคนตลก บ้าๆ บอๆ ใครพูดหยอดมาเราก็พูดหยอดกลับ บางทีก็ต้องขออภัยหากพูดเยอะไป แต่ก็พยายามทำให้อยู่ในกรอบค่ะ”

กับประเด็นที่ว่า เธอเป็นนักข่าวบันเทิงมาเฟียที่ใครๆ ต่างต้องซูฮก

“ไม่มาเฟียนะคะ ไม่ค่อยแสดงอิทธิฤทธิ์อะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าแสดงทีทุกคนก็โห ส่วนใหญ่ถ้าวีนจะวีนกับทีมงานมากกว่า ใครเป็นนักข่าวจะรู้ว่าปัจจัยที่ทำให้นักข่าวไม่พอใจคือดาราบอกทีมงานว่าให้สัมภาษณ์ ทีมงานก็ปล่อยให้เรารอ แล้วดาราก็ไม่ให้สัมภาษณ์ในท้ายที่สุด ซึ่งบางทีรอนาน 45 ชั่วโมง ทีมงานต้องชัดเจนในเรื่องนี้มากๆ ได้คือได้ ไม่ได้คือไม่ได้ ต้องเคลียร์กันตั้งแต่ตอนต้น”

นอกจากนี้ เธอยังมีประเด็นข่าวกุ๊กกิ๊กหลังไมค์กับนักร้องชื่อดัง กัน เดอะสตาร์

“กับกันคือ เราสนิทกันมาตั้งแต่น้องประกวดเดอะสตาร์ พอออกจากบ้านมา เราก็ได้ไปทำข่าวกันอยู่ตลอด เพราะคนดูอยากดูข่าวกัน เรื่องมันก็มีแค่นั้นเอง ที่เป็นประเด็นข่าวอาจเป็นเพราะเราชอบควงกันถ่ายรูปลงอินสตาแกรม คนเลยเริ่มแซว พอแซวเราก็เริ่มเขิน แต่ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย ขอบอกว่ากันไม่ใช่สเปกเรา เราชอบขาวๆ ตี๋ๆ (หัวเราะ)”