posttoday

แท้งเถื่อน : ถึงตาย ขูดมดลูก-ไม้แยง-น้ำยาล้างจานราด

05 เมษายน 2557

แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เข้าถึงการยุติครรภ์ (ทำแท้ง) ได้ในบางกรณี

โดย...ธนวัฒน์ เพ็ชรล่อเหลียน

แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องให้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์เข้าถึงการยุติครรภ์ (ทำแท้ง) ได้ในบางกรณี แต่ส่วนใหญ่แล้วหญิงสาวผู้เผชิญมรสุมกลับเลือกที่จะ “ทำแท้งเถื่อน” ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อชีวิตในทุกขั้นตอนของวิธีการ

ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 305 (1) (2) และมาตรา 276, 277, 282, 283 และ 284 และข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ได้กำหนดให้แพทย์ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเป็นผู้ยุติการตั้งครรภ์แก่ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้ใน 6 กรณี

1.การตั้งครรภ์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพทางกายของผู้หญิง 2.การตั้งครรภ์นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพทางใจของผู้หญิง 3.ทารกในครรภ์มีความพิการรุนแรง 4.การตั้งครรภ์ที่เกิดจากการถูกข่มขืนกระทำชำเรา 5.การตั้งครรภ์ในเด็กหญิงที่อายุไม่เกิน 15 ปี 6.การตั้งครรภ์มาจากเหตุล่อลวงบังคับ หรือข่มขู่ เพื่อทำอนาจารสนองความใคร่

อย่างไรก็ดี ปัญหาที่ผ่านมาคือการเผยแพร่ความรู้และสร้างความเข้าอย่างไม่บรรลุผลเท่าที่ควร เป็นเหตุให้หญิงสาวที่ไม่พร้อมมีบุตรตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์จำนวนหนึ่งเลือกที่จะทำแท้งเถื่อน

ข้อมูลจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า จากอดีตถึงปัจจุบันวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเอื้อให้การยุติการตั้งครรภ์ปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่งผลให้รูปแบบคลินิกทำแท้งเถื่อนเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน เช่น ในอดีตใช้วิธีการใช้ไม้แทงสารเคมีฉีดในอายุครรภ์ไม่เกิน 3 เดือน

กล่าวคือ การขูดมดลูก หากอายุครรภ์เกิน 4 เดือน จะใช้วิธีฉีดน้ำเกลือเข้มข้นเข้าไปในถุงเด็ก แล้วใช้เครื่องมือถ่างปากมดลูกเพื่อคีบเด็กออกมา

นอกจากนี้ การทำแท้งเถื่อนในขณะนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอันตรายแก่ผู้ตั้งครรภ์ทั้งสิ้น อาทิ การใช้มือกดหน้าท้องอย่างรุนแรง เพื่อดันให้มดลูกเคลื่อนออกมาข้างนอก หากมีอายุครรภ์มากขึ้นจะใช้วิธีฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปในโพรงมดลูก เช่น น้ำสบู่ น้ำยาล้างจาน หรือแม้แต่น้ำยาล้างห้องน้ำ

ยังพบคลินิกเถื่อนบางแห่งใช้วิธีการสอดใส่วัสดุเข้าไปทางปากช่องคลอด เช่น สายยาง ไม้เสียบลูกชิ้น โดยวิธีเหล่านี้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนถึงขั้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากจะติดเชื้อในกระแสเลือด เกิดการอักเสบ มีภาวะช็อกตกเลือดไม่หยุด เพราะมดลูกทะลุ

ในปัจจุบันที่นิยมใช้กันมากคือ ยาเม็ดรับประทาน โดยแบ่งยาออกเป็น 2 ประเภท กลุ่มแรก ได้แก่ “ยาต้านฮอร์โมน” มีผลทำให้ฮอร์โมนในร่างกายต่ำจนไม่สามารถตั้งครรภ์ต่อได้ ยาอีกกลุ่ม ได้แก่ “ยาบีบรัด” ช่วยให้มดลูกบีบรัดตัวเพื่อเคลื่อนตัวเด็กออกมา ยาทั้งสองกลุ่มนี้มีทั้งชนิดเม็ด ซึ่งขนาดของยาจะแปรผันตามอายุครรภ์และชนิดสอดช่องคลอด โดยยาเหล่านี้ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก

สำหรับสถานการณ์ทำแท้งในปัจจุบันว่า อัตราการตั้งครรภ์ของหญิงไทยมีประมาณ 1.1 ล้านราย คลอดบุตร 8 แสนราย นั่นเท่ากับว่าอีก 3 แสนราย ไม่มีการคลอด

หากจำแนกลงไปจะพบว่า ใน 3 แสนราย ที่ไม่มีการคลอดนั้นเป็นการแท้งตามธรรมชาติประมาณ 1.4-1.6 แสนราย เข้าเงื่อนไขให้ยุติการตั้งครรภ์ร่วม 3 หมื่นราย เท่ากับว่ามีถึง 1.2 แสนราย ที่เข้าสู่กระบวนการทำแท้งเถื่อน

นั่นเท่ากับว่า คนจำนวน 1.2 แสนราย กำลังผูกชีวิตของตัวเองไว้บนความเสี่ยงที่ไร้หลักประกัน ทั้งที่ความสูญเสียเหล่านี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้