ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ มุมโปรด คือ โลกแห่งการเรียนรู้คน

โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์

ใครหลายคนอาจมีมุมโปรดเป็นมุมนั่งเล่นที่บ้าน หรือมุมเก๋ๆ ที่ทำงาน หรือร้านกาแฟสักแห่ง แต่สำหรับ ภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ แล้ว มุมโปรดอาจจะคล้ายกับมุมทำงานนิดๆ กึ่งๆ พักผ่อนหน่อย เพราะเอ็มดีแห่งค่ายพลัส พร็อพเพอร์ตี้ นิยมไปนั่งชิลชิล ที่ “แสนสิริ เลานจ์” ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ซึ่งเป็นเลานจ์บนพื้นที่กว่า 260 ตร.ม. ที่ให้ลูกบ้านแสนสิริเข้ามาใช้บริการพักผ่อน อัพเดทงานดีไซน์แปลกใหม่จากทั่วโลก พร้อมยังมีโซนห้องสมุดที่พร้อมด้วยหนังสือชั้นนำจากทั่วโลก

ภูมิภักดิ์ เล่าว่า ด้วยบรรยากาศที่ผ่อนคลายที่แสนสิริ เลานจ์ ทำให้เข้ามาแล้วเหมือนได้พักผ่อน ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสได้เจอลูกค้าที่บางครั้งนัดเซ็นสัญญาจะซื้อจะขายที่นี่ เจอลูกบ้านแสนสิริที่เข้ามาใช้บริการ ก็จะทำให้รู้ว่าลูกค้าและลูกบ้านต้องการอะไร มีโอกาสได้เจอพนักงาน ก็ทำให้เรียนรู้ว่าพนักงานให้บริการอย่างไร คุณภาพบริการดีหรือไม่

“แม้ว่าเราจะมาพักผ่อน แต่ก็จะได้เห็นบรรยากาศรอบตัว เดินดูรอบๆ พนักงานเป็นอย่างไร คุณแม่บ้านให้บริการดีไหม น่าประทับใจหรือเปล่า ได้ยินว่าลูกค้าถามอะไร สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจของเขา สิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นกระบอกเสียงจากลูกค้า เพื่อนำไปพัฒนาโครงการ ก็เท่ากับว่าได้พักผ่อนด้วย ได้เก็บข้อมูลไปด้วย”

ทุกอย่างที่แสนสิริ เลานจ์ เป็นสิ่งดึงดูดให้หลงใหลที่จะมา ทำให้เอ็มดีแห่งพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เลือกมาพักผ่อนที่แสนสิริ เลานจ์ อาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยทุกครั้งที่มาก็จะอดไม่ได้ที่จะสังเกตความเป็นไปในเลานจ์แห่งนี้ ด้วยการเดินสำรวจรอบๆ ก่อน เพื่อดูภาพรวมของลูกบ้าน ดูขนมที่เสิร์ฟให้ลูกบ้านและผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมๆ ที่ใช้ภายเลานจ์กับโซฟาสบายๆ มีโอกาสได้เห็นลูกบ้านผ่อนคลาย ซึ่งลูกบ้านบางคนก็มาช็อปปิ้งและอยากพักเหนื่อย บางคนก็มารอลูกเรียนพิเศษ เป็นบรรยากาศที่หลากหลายมาก

ในฐานะที่อยู่ในแวดวงที่ปรึกษาด้านการซื้อขายที่อยู่อาศัย ทำให้ต้องเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า ต้องเข้าใจความรู้สึกของลูกบ้าน เพราะการซื้อขายที่อยู่อาศัยยุคใหม่ไม่ใช่แค่ขายบ้าน หรือขายห้องชุดแล้วจบกัน แต่เป็นการขายไลฟ์สไตล์ ขายรูปแบบในการดำเนินชีวิต ซึ่งการเข้ามาพักผ่อนที่แสนสิริ เลานจ์ ทำให้ได้ไอเดียใหม่ๆ ในด้านการบริการ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความมีระดับที่จับต้องได้ เพราะหากทำเลานจ์ แล้วลูกบ้านโดยเฉพาะลูกบ้านใหม่ๆ ไม่กล้าเข้า ก็ไม่มีความหมาย แต่จะทำให้อย่างไรให้ลูกบ้านกล้าที่จะเข้ามา บางราย เดินมาหยุดและผ่านไป ต้องแนะให้เชิญเข้ามา

ส่วนอีกหนึ่งมุมโปรด คือ การอยู่บนตึกสูงๆ มองถนน มองการจราจร มองเห็นคู่แข่ง เปรียบเทียบคู่แข่ง ดูป้ายต่างๆ ใครทำอะไรบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรจำเจ มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ ระบบสาธารณูปโภคดีขึ้น ถนน ไหล่ทาง หาบเร่ เหล่านี้ คือ ความเป็นกรุงเทพฯ อาจดูไม่เป็นระเบียบ แต่นี่คือ เสน่ห์ ถ้าจัดระเบียบ นักท่องเที่ยวอาจจะไม่มา

จากการมองเมืองจากมุมสูงทำให้เห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของกรุงเทพฯ โดยมองว่าผังเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในอนาคตน่าจะผลักดันให้กรุงเทพฯ สร้างให้เยอะกว่านี้ รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ที่ทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองเพิ่มขึ้น แต่ท้ายที่สุดจิตสำนึกเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะต่อให้ผังเมืองดีเพียงใด แต่ถ้าคนขาดจิตสำนึก ไม่เคารพสิทธิในการอยู่อาศัย ความเป็นอยู่ก็จะเละเทะ ในทางกลับกันถ้าคนเคารพสิทธิ มีจิตสำนึกที่ดีระหว่างกัน กรุงเทพฯ ก็จะน่าอยู่ขึ้น

และนี่ก็เป็นมุมมองจากการได้สัมผัสผู้คน เรียนรู้จากการยืนมองเมืองกรุงในมุมโปรด