posttoday

‘ชีวิตลิขิตเอง (ตัวกู ใจกู ไม่ใช่ของใคร)’ เทพ โพธิ์งาม

22 กุมภาพันธ์ 2557

ชื่อของ “เทพ โพธิ์งาม” กลับมาอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนอีกครั้ง หลังมีสารพัดข่าวเกิดขึ้นในห้วงเวลาไล่เลี่ยกัน

โดย...โจ เกียรติอาจิณ / ภาพ ทวีชัย ธวัชปกรณ์

ชื่อของ “เทพ โพธิ์งาม” กลับมาอยู่ในความสนใจของสื่อมวลชนอีกครั้ง หลังมีสารพัดข่าวเกิดขึ้นในห้วงเวลาไล่เลี่ยกัน

ข่าวว่า เทพ จะอำลาวงการบันเทิงเพื่อมุ่งไปทำไร่ที่ จ.ราชบุรี อีกกระแสก็พูดกันหนาหูว่าเขาจะย้ายไปอยู่ สปป.ลาว แถมเขายังประกาศขายบ้าน เพื่อหวังนำเงินไปจ่ายหนี้หลายล้านที่ค้างอยู่

ขณะที่อีกมุมหนึ่งของข่าว The Rocket หนังสัญชาติออสเตรเลียที่เขาร่วมแสดง กวาด 34 รางวัลจากเทศกาลหนังทั่วโลก และหนังก็กำลังเข้าฉายในบ้านเรา ณ ตอนนี้

ประเดประดังเข้ามาด้วยสารพัด ข่าวไหนเท็จ ข่าวไหนลือ ข่าวไหนจริง คงมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่จะให้ความกระจ่างแจ้ง

เรานัดตลกรุ่นใหญ่ในเย็นวันหนึ่ง เขามาสบายๆ ด้วยลุค “ป๋า” ถุงเท้าไม่ต้องใส่ หมวกไหมพรม สูทสีเทาสวมทับเสื้อยืดสกรีนชื่อหนัง รู้เลยว่าเขาเพิ่งเสร็จจากการเดินสายโปรโมทหนัง

สีหน้าป๋าดูอิดโรย แต่เขายังระรื่น แจกยิ้มให้กับเราและผู้คนที่แวะมาทักทาย เสียอยู่อย่าง พอถึงตอนแชะภาพ ป๋ากลับยิ้มหุบ (ซะงั้น) เขาบอกซื่อๆ นี่ละคือชีวิตหลังกล้องของป๋า ตลกในจอ แต่ชีวิตจริงไม่ (ค่อย) ตลก

“ไม่ตลกเลยครับ ไปถามเมีย ถามลูกๆ ได้เลย ไม่ใช่ว่าป๋าเป็นคนซีเรียสนะ ไม่ได้ซีเรียสเลย แต่ป๋าไม่ชอบที่จะทำตลกในเวลานอกงาน ถ้าเวลางานป๋าเต็มที่ ตลกเพราะหน้าที่ แต่ชีวิตจริงก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำตลกหรอกครับ ป๋าก็เป็นป๋า”

ป๋าเป็นคนง่ายๆ ใช้ชีวิตตามอัตภาพ ไม่ได้เรียกร้อง เพราะไม่อยากให้คนอื่นเดือดร้อน เขาพูดตรง ไม่อ้อมค้อม คนที่ไม่คุ้นชินอาจมองว่าป๋าแรง ปากจัด ร้ายกาจ หยาบคาย แต่จริงๆ ไม่มีอะไร

หนึ่งอย่างที่อยู่ในสายเลือด เขาคือนักสู้ สู้ด้วยลำแข้งตัวเอง สู้แม้ต้องเจอกับความล้มเหลว ทว่าเขาไม่เคยยอมแพ้ เหล่านี้น่าจะนิยามตลกใหญ่ได้ดี

ประจักษ์พยานคือสิ่งที่เขาแสดงออก ต่อหน้าเป็นยังไง เบื้องหลังก็เป็นเช่นนั้น

กับสารพัดข่าว เราขอให้ป๋าเคลียร์ทุกประเด็น ป๋าเว้นวรรคหายใจ พร้อมยกแก้วชาดำเย็นขึ้นจิบ

1.ป๋าจะลาวงการบันเทิงจริงมั้ย?

“เรื่องนี้เคยพูดไปหลายทีแล้ว แต่คนก็มักจะเอาไปตีความกันว่าป๋าจะลาวงการ ลาแล้ว ลาลับ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ ป๋าแค่บอกว่าป๋าจะเลือกรับงาน เล่นตลกหน้าเวที หรือในทีวี ป๋าขอวางมือ ขอเลิกเลย พอแล้ว อิ่มแล้ว อย่างหนึ่งคือภาพเราไม่ได้ละ ไม่สนุกละ ให้ป๋าไปเล่นกับเด็ก ก็ไม่ใช่ละ สังขารไม่ใช่ละ เห็นตัวเองแล้วก็รู้สึกทุเรศตัวเอง ก็เลยจะขอเลิกถาวร งานนี้ไม่รับ

ป๋าคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นใหญ่โตนะ แต่มันก็เป็นจนได้ เป็นข่าวจนได้ (หัวเราะร่วน) ทั้งๆ ที่ก็เป็นชีวิตปกติของป๋า ที่วันหนึ่งคนเราพอมันเริ่มอิ่มตัว มันก็ต้องหยุด อิ่มแล้วก็รู้จักพอ ไม่รู้จะแบกมันเอาไว้ทำไม ไม่มีประโยชน์หรอก อันนี้ไม่ใช่แค่ชีวิตป๋านะ คนอื่นๆ ก็ด้วย วางมันลงจากบ่าซะบ้าง ถ้ารู้สึกว่าอิ่ม ก็พอ แค่นั้นแหละชีวิตคนเรา”

ยืนยันจากปากป๋าแล้วว่ายังไม่ลาแล้วลาลับ วงการบันเทิงที่สร้างชื่อให้ป๋าดังกระฉ่อนจวบปัจจุบัน ป๋ายังเลิฟๆๆ เพียงแต่จะเลือกรับงาน โดยป๋าเน้นงานคุณภาพที่ตัวป๋ามีศักยภาพทำได้ ไม่เน้นเมกมันนี ป๋าย้ำเสียงดังฟังชัด ตลกหน้าฉาก ไม่รับ แกล้งตลก ปล่อยมุขบ้าบอ ไม่รับ บทตลกในหนังกับละคร ป๋ายิ้มเล็กๆ ที่มุมปากก่อนตอบ รับครับ ถ้าเป็นตลกที่มีบท ถ้าบทนั้นควรตลก และควรจะเป็นตลกในแบบธรรมชาติของมัน ป๋าไม่ปฏิเสธ

‘ชีวิตลิขิตเอง (ตัวกู ใจกู ไม่ใช่ของใคร)’ เทพ โพธิ์งาม

 

2.ขายบ้านใช้หนี้กับชีวิตชาวไร่ มันยังไงเล่าป๋า ป๋าทำหน้ามึนๆ ใส่เรา พร้อมหลุดปากปนหัวเราะ ว่าเป็นสิ่งที่ป๋าก็เคยพูดมานาน ขายบ้านไปใช้หนี้ ไม่ใช่เพิ่งพูด พูดตั้งแต่ปีมะโว้ แต่กลายมาเป็นข่าวดังซ้ำอีกรอบ

“ในเมื่อเป็นหนี้เขาอยู่ ก็ต้องใช้หนี้ นี่ละคือชีวิตป๋า พยายามจะใช้หนี้ให้หมด ไม่มีก็พยายามไกล่เกลี่ย ไม่เคยหนี ป๋าไม่เคยเครียด เครียดทำไม ถ้าป๋ามัวแต่เครียด หนี้จะยุบมั้ย ต้องคิดหาวิธีที่จะหาเงิน ไม่มีก็คุยกับเจ้าหนี้ คุยกันได้ เจ้าหนี้คงไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอก

ใครล่ะจะเชื่อว่าป๋าเชื่อเรื่องกรรมเวร ป๋าเล่ากึ่งทีเล่นทีจริงว่า อย่างตอนชีวิตจะแย่ๆ จู่ๆ ความโชคดีก็เข้ามาหาป๋า เอะอะว่าจะแย่ อ้าว!!! ก็มีหนัง มีละครติดต่อเข้ามา เป็นยังงี้มาตลอด

ความล้มเหลวในการทำธุรกิจมันสอนให้ป๋าได้รู้จักกับประสบการณ์ชีวิต ป๋าได้เห็นได้เจอกับเรื่องจริงๆ ไม่ใช่เรื่องจอมปลอม ถ้าเจอแบบเก่า แน่นอนป๋าก็รู้ละ มันจะไม่เกิดซ้ำรอย ป๋าเชื่อว่าคนสำเร็จก็ไม่ใช่จะสำเร็จตลอดนะ ก็ต้องมีล้มเหลวหรือล้มลุกคลุกคลานบ้าง สำหรับป๋าความล้มเหลวป๋าถือว่ามันเป็นกำไร กำไรอะไร กำไรชีวิต แม้ว่ามันอาจจะติดหล่มกับความล้มเหลวก็ตาม แต่อย่างน้อยๆ ป๋าก็ได้กำไรชีวิตมากกว่าคนอื่นที่ไม่ได้ลองทำเหมือนป๋า ถ้าไม่ลงมือทำ ถ้าไม่เจ๊ง ป๋าก็คงได้แค่คิด แต่กำไรชีวิตไม่เกิดดอกออกผลหรอก การเป็นหนี้ป๋าก็ว่ามันคือกำไรชีวิตอย่างหนึ่งนะ”

3.ไปเป็นชาวไร่ ข่าวว่าอย่างนั้น ป๋าหัวเราะลั่น ไม่ขนาดนั้น เรื่องของเรื่องคือมันก็แค่ป๋าสงสารสัตว์ หมา วัว ควาย ก็เป็นของป๋านั่นแหละ มันไม่มีคนเลี้ยง ทำไงล่ะ ก็ต้องป๋าสิ ที่จะต้องเป็นคนดูแลมัน จะขายไปก็ไม่กล้า เพราะป๋าเลี้ยงมากับมือ

“ขายมันไม่ลง ป๋าขี้สงสารนะ พอเกิดความสงสาร มันก็เลยต้องหาที่ให้มันอยู่ ดูแลมัน ป๋าเอาพวกมันไปอยู่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก็เป็นที่ดินของป๋าที่ซื้อไว้ เมื่อก่อนมี 50 ไร่ ตอนนี้น่าจะเหลือประมาณ 20 ไร่ ขายไปใช้หนี้ ซึ่งจริงๆ ที่ไร่นี้ป๋าอยู่มาตั้ง 20 ปีแล้วนะ ไม่ใช่เพิ่งไปอยู่ วันไหนว่าง วันไหนไม่มีงาน ป๋าก็ไปอยู่ไร่ ลูกเมียก็ไป แต่ไปแป๊บๆ อยู่นานมันจะคัน (หัวเราะ) ป๋าเข้าใจ คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ อย่างลูกเต้าก็ยังเด็ก แต่ป๋าอายุ 60 กว่า เจอละ พบละ มันคือสิ่งที่ป๋าทำแล้วมีความสุข”

หนึ่งวันที่ไร่ จ.ราชบุรี ป๋าตื่นเช้าตรู่ ทำอาหาร ถวายข้าวพระ ไหว้เจ้าที่ อาบน้ำ ให้ข้าวหมา ให้อาหารปลา ออกไปตัดหญ้าให้วัวกับควาย บ่ายแก่ๆ กลับมาหุงข้าวให้หมา ทำวนเวียนเป็นงานรูทีนอย่างนี้ทุกวัน อ่อ!!! ป๋าไม่ได้ทำคนเดียว มีเพื่อนซี้ช่วยอีก 2 หน่อ ประจำอยู่ที่ไร่ ส่วนป๋าว่างก็ไปไม่เคยขาด ค่าใช้จ่ายเดือนหนึ่งร่วมแสน เงินมาจากค่าตัวป๋าล้วนๆ

“ไปอยู่ไร่แล้วป๋ารู้สึกว่าตัวเองสงบ บรรยากาศแปลกเหมือนอยู่คนละโลกกับชีวิตในเมือง ฟ้ากับเหวเลยนะ ส่วนหนึ่งที่ป๋าอยากไปอยู่ไร่เพราะเบื่อเมือง เบื่อคน อยู่เมืองมานาน ไม่เอาละ อย่ามาวาดฝันกับกูเลย กูเห็นมาหมดแล้ว เรื่องที่มึงพูดมันคือความลวง เรื่องจริงต้องเป็นสิ่งที่เราต้องทำเป็นรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม

ความล้มเหลวคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเจอ แล้วแต่ว่าใครจะเจอหนักเจอเบา หนีไม่พ้น ไม่วันใดก็วันนั้นแหละ เดี๋ยวมันจะมาถึงแน่ๆ แต่เมื่อเจอกับความล้มเหลวแล้ว อย่ายอมแพ้ อย่าจำนนกับมัน ถ้ายอมนี่ตายเลยนะ ฆ่าตัวตายไม่เคยอยู่ในหัวป๋าเลย กูจะตายไปทำไมวะ แค่กินยาแก้ไข้แล้วมันบีบหัวใจป๋ายังกลัวหัวหดแล้ว นับประสาอะไรกับการฆ่าตัวตาย ป๋าว่าตายนี่แก้ตัวอะไรไม่ได้เลยนะ มีชีวิตยังแก้ปัญหาต่างๆ ได้ อาจจะใช้เวลาหน่อย ไม่มีปัญหาไหนแก้ไม่ได้ ฉะนั้นความล้มเหลวสำหรับป๋ามันคือความสนุกที่ชีวิตคนคนหนึ่งมีโอกาสได้กระโดดโลดเต้น ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ทำแล้วอาจล้มเหลว แล้วไง ดีกว่าคนที่เกิดมาไม่เคยลองทำอะไรสักอย่าง ปล่อยลมหายใจทิ้งไปวันๆ ป๋าว่าป๋ามาอยู่จุดนี้ มีชีวิตแบบนี้ คุ้มค่าแล้วนะ”

4.จะย้ายไปอยู่ สปป.ลาว ข่าวนี้ทำเอาป๋าขำก๊ากเสียงดัง ป๋ายืนยันมีคนตีความผิด ป๋าไม่คิดจะย้ายไปอยู่ สปป.ลาว แต่มีความคิดและไอเดียที่จะทำธุรกิจกับเพื่อนที่อยู่ สปป.ลาว ป๋าดูลาดเลาเอาไว้ ถ้าทุกอย่างโอเค ป๋ากับเพื่อนพร้อมลุย ซึ่งป๋าก็แย้มถึงธุรกิจที่อยู่ในหัว อาจจะเป็นการนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างสองประเทศ ขณะที่อีกหนึ่งธุรกิจที่ป๋าอยากทำคือเปิดบริษัทนำเที่ยว พาคนลาวมาเที่ยวไทย พาคนไทยและต่างชาติไปเที่ยวลาว แต่ทั้งหมดยังเป็นก้อนไอเดียฟุ้งๆ ที่ป๋ายังไม่รีบสรุปว่ามันจะเป็นธุรกิจใหม่ของป๋าหรือไม่

5.การสนทนาระหว่างเรากับป๋าจบลง แต่ชีวิตของตลกรุ่นใหญ่ที่ใครๆ ยกตำแหน่ง “เทพแห่งตลก” ยังไม่จบง่ายๆ เส้นทางที่ทอดยาวไกลเปิดกว้างให้เขาก้าวเดิน ไม่ว่าจะเส้นทางไหน มันคือเส้นทางที่ป๋าเป็นผู้ตัดสินใจเลือกเอง

“ชีวิตไม่สิ้น ก็ต้องดิ้นกันต่อไป” ป๋าทิ้งท้ายสั้นๆ ก่อนขึ้นรถและขับออกไป