posttoday

ปลดล็อคชีวิต พิชิตความฝัน

19 มกราคม 2557

เริ่มต้นปีใหม่ หลายคนคงอยากเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ในตัวเอง เพื่อให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิต

โดย...นพดล ตังวัชรินทร์ Success Coach & Trainer

เริ่มต้นปีใหม่ หลายคนคงอยากเปลี่ยนแปลงอะไรๆ ในตัวเอง เพื่อให้เกิดสิ่งดีๆ กับชีวิต แต่เราจะบรรลุผลความสำเร็จตามเป้าหมายได้อย่างไร มีข้อคิดดีๆ มาฝากจากงานสัมมนา “ปลดล็อคชีวิต พิชิตความฝัน” จัดโดย โค้ชนพดล ตังวัชรินทร์ บริษัท แมกซ์โพเทนเชียลส์ มีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 500 คน โดยสรุปหลักการและวิธีปฏิบัติในการปลดล็อกอุปสรรคเพื่อให้เกิดผลสำเร็จแก่ในชีวิต ประกอบด้วยเรื่องหลักๆ 4 ส่วน

1.กำหนดเป้าหมายแห่งความสำเร็จของชีวิตที่ต้องการ...

มีคนเป็นจำนวนมากที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันเพื่อรับมือกับภารกิจต่างๆ มากมายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต อาจจะเป็นเพราะด้วยความรับผิดชอบหรือความคุ้นเคยกับการทำงานให้ถูกต้องให้เสร็จให้เรียบร้อย โดยเผลอลืมที่จะถามตัวเองว่า “หากฉันจะกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองแทนที่จะมาวุ่นวายทำงานตามเป้าหมายหรือความต้องการของคนอื่น ฉันอยากจะบรรลุผลลัพธ์อะไรหรือสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับชีวิตฉันบ้าง” และเมื่อเราใช้ชีวิตในแต่ละวันเพียงเพื่อให้มันผ่านพ้นภารกิจไปถึงจุดหนึ่งเราก็จะเริ่มรู้สึกเบื่อ เหนื่อย และหมดพลัง

สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนบางส่วนละเลยการกำหนดเป้าหมายไป อาจจะเป็นเพราะความคิดของเขาติดอยู่ในกรอบของ “ความเป็นไปได้” และทำให้เขาคิดไปว่า “ฝันไปคิดเป้าหมายไปก็แค่นั้นแหละ มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ดังนั้น หัวใจสำคัญคือการหมั่นที่จะกำหนดเป้าหมายที่เราต้องการให้ตัวเองอยู่เสมอ ชีวิตที่มีความหมายและมีพลังคือชีวิตที่มีความหวัง และรู้ว่าเรากำลังหายใจเข้าและหายใจออกในแต่ละวันไปเพื่ออะไร และขอให้ตั้งเป้าหมายที่เร้าใจและสร้างแรงบันดาลใจให้เรา มันต้องเร้าใจขนาดที่ทำให้เรารู้สึกว่า “ถ้าฝันนี้เป็นจริงได้ มันจะสุดยอดมากๆ เลย”

2.สร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองว่าเราสามารถและคู่ควรที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น...

ถามตัวเองว่า “เราคิดอย่างไรกับตัวเราในเวลานี้” คิดว่าเรามีศักยภาพมากแค่ไหน ภาคภูมิใจในตัวมากแค่ไหน คิดว่าคู่ควรกับสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในชีวิตเราต่อจากนี้ไปมากแค่ไหน คิดว่าเราพร้อมจะเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิตของเราที่จะเกิดขึ้นจากนี้ไปมากแค่ไหน หากคุณคิดว่าคุณประสบความสำเร็จได้ คุณก็จะประสบความสำเร็จได้ หากคุณคิดว่าคุณเป็นได้แค่นี้ คุณก็เป็นได้แค่นี้ ไม่ว่าคุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับตัวคุณ คุณก็ถูกเสมอ คุณมีสิทธิที่จะเลือก และคุณเลือกได้ตั้งแต่วินาทีว่าคุณจะเป็นใคร

คนเราทุกคนเกิดมาพร้อมกับศักยภาพและโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเท่าเทียมกันทุกคน ชาติตระกูล การศึกษา ฐานะการเงินหรือประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาของเรา อาจจะมีผลทำให้คิดว่าเราจะไปได้ไกลแค่ไหน แต่หากเราอยากจะปลดล็อกชีวิตตัวเองเพื่อเดินหน้าสู่ความสำเร็จที่ต้องการ ต้องเริ่มที่จะประกาศอิสรภาพให้กับตนเองและไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของอดีตที่ผ่านมา ไม่ยอมแพ้กับข้ออ้างข้อจำกัดหรือเงื่อนไขต่างๆ นานาที่เราขวนขวายจะสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อจะบอกตัวเองว่า “เราไปไกลขนาดนั้นไม่ได้หรอก” ต้องเริ่มเชื่อว่าเรามีอนาคตที่ดีกว่านี้ได้ ต้องอนุญาตให้ตัวเองประสบความสำเร็จและมีความสุขได้ เริ่มที่จะบอกตัวเองว่าอนาคตของเราไม่ได้ถูกกำหนดด้วยอดีต แต่มันสามารถถูกกำหนดได้จากการตัดสินใจและการลงมือทำของเราในวินาทีนี้

3.ตรวจสอบความเชื่อและค่านิยมต่างๆ ที่เรามีเกี่ยวกับการเดินหน้าสู่เป้าหมายนั้น...

ความเชื่อคือสมมติฐานที่เราสร้างขึ้นมาจากประสบการณ์ในอดีตแล้วใช้เป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต และใช้เป็นกรอบในการดำเนินชีวิตหรือการตัดสินใจที่จะลงมือทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง หากเราเชื่ออย่างไรก็จะตัดสินใจลงมือทำตามความเชื่อของเราเช่นนั้น เช่น หากเราเชื่อว่า “คนโดยทั่วไปไว้ใจกันไม่ค่อยได้ และคอยจะเอาเปรียบกันอยู่เสมอ” เราก็จะมีพฤติกรรมกับคนรอบข้างตามความเชื่อของเรา ซึ่งจะต่างกันกับคนอีกคนที่มีความเชื่อว่า “คนเราโดยทั่วไปมีจิตใจที่ดีงาม และเราเกิดมาบนโลกใบนี้เพื่อจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน” หรือหากเราเชื่อว่า “ทำอะไรแล้วต้องไม่ผิดพลาดและต้องออกมาสมบูรณ์แบบเสมอ ไม่งั้นอย่าทำดีกว่า” เราก็จะมีความพร้อมในการลงมือทำเพื่อเดินหน้าสู่ความฝันของเรา

ดังนั้น เมื่อบอกตัวเองได้ว่าความเชื่อคือสิ่งที่สร้างขึ้นมาเอง และเราไม่รู้หรอกว่าความเชื่อไหนจริงหรือไม่จริง ทำไมไม่สร้างความเชื่อที่สนับสนุนให้เราพร้อมที่จะเดินหน้าสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในชีวิตของเราล่ะ บางความเชื่อที่เรามีอยู่อาจจะเป็นเบรกมือของชีวิตในการเดินหน้าสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จของเราอยู่ก็ได้ เช่น เราอาจจะไม่กล้าเดินตามเป้าหมายแห่งความสำเร็จของเราเ พราะเราเชื่อว่า “เราเป็นผู้หญิง” หรือ “เรายังเด็กเกินไป”

4.ความพร้อมที่จะลงมือทำเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย...

สิ่งสุดท้ายที่ต้องปลดล็อกให้ได้คือการตัดสินใจที่จะลงมือทำ ไม่งั้นทุกอย่างก็จะเป็นเพียงแค่ความคิดความฝันของเรา เมื่อกำหนดเป้าหมายที่เร้าใจ ร้อยทั้งร้อยเราจะมองเห็นวิธีการที่จะไปถึงเป้าหมายนั้น เพียงแค่บางส่วนเท่านั้นเอง (เพราะถ้าเรารู้ 100% ว่าต้องทำยังไงถึงจะไปถึงเป้าหมายนั้นได้ เราก็คงได้เป้าหมายนั้นไปแล้ว) ดังนั้นคำแนะนำข้อแรกของการลงมือทำ คือ ขอให้เริ่มทำอะไรก็ได้เท่าที่เรารู้ ไม่จำเป็นต้องวางแผนจนมั่นใจ 100% แล้วค่อยลงมือทำ เพราะหัวใจสำคัญคือการสร้างโมเมนตัมในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย เมื่อไรก็ตามที่ตัดสินใจและลงมือทำคุณจะประหลาดใจว่าความกลัวหรือกังวลใจที่เคยมีมาก่อนหน้านี้มันหายไปเฉยเลย ลองถามตัวเองดูว่าวันนี้มีอะไรที่คุณทำได้เพื่อให้คุณเดินหน้าสู่เป้าหมายของคุณ

คำแนะนำสำหรับการลงมือทำ คือ ขอให้คุณพร้อมที่จะปรับและลองทำบางสิ่งบางอย่าง ที่อยู่นอกกรอบความคุ้นเคย หรือก้าวออกมาจาก Comfort Zone นั่นเองทุกๆ ครั้งที่คุณก้าวออกมาแม้เพียงเล็กน้อย มันจะช่วยให้คุณแข็งแรงขึ้น และมีความมั่นใจมากขึ้น และมีความพร้อมที่จะ Take Action ต่อไปที่ท้าทายมากขึ้น หากคุณผลักดันตัวเองออกนอก Comfort Zone ทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ไม่ช้าไม่นานคุณจะประหลาดใจว่า ความฝันของคุณนั้นมันมาอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด