posttoday

ชีวิตและงาน

16 พฤศจิกายน 2556

ไม่ว่าคนโสด หรือคนวัยเกษียณ สำหรับหลายๆ คน ชีวิตยังอาจจะยึดโยงกับการทำงาน

ไม่ว่าคนโสด หรือคนวัยเกษียณ สำหรับหลายๆ คน ชีวิตยังอาจจะยึดโยงกับการทำงาน เพราะถือว่างานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เติมไฟในตัวให้ลุกโชนอยู่ตลอดเวลาเช่นเดียวกับ “ธรณ ชัชวาลวงศ์” ดีไซเนอร์หนุ่มโสดวัย 36 ปี เจ้าของเสื้อผ้าแบรนด์ดัง กับ “สุรพร สิมะกุลธร”ผู้บริหารระดับสูง ในวัย 73 ปี คนทำงาน 2 วัย ที่ไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน...

โดย...สุกัญญา สินถิรศักดิ์

‘ธรณ ชัชวาลวงศ์’

โสด อิสระ อย่างมีสไตล์

แฟชั่นนิสตาส่วนใหญ่ คงจะคุ้นเคยกับแบรนด์ “Tawn C.” แบรนด์เสื้อผ้าสตรีสไตล์เรียบโก้แบบสาวนิวยอร์ก ซึ่งมีบูติกหรู ณ ห้างเซ็นทรัลชิดลม และเกษร พลาซ่า เป็นอย่างดี และคงพอจะได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม “ธรณ ชัชวาลวงศ์” นักออกแบบและเจ้าของแบรนด์ Tawn C. หนุ่มโสดวัย 36 ปี กันบ้าง

แต่กว่าจะกลายมาเป็นดีไซเนอร์ที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง หนุ่มหล่อนักออกแบบรายนี้ จบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และปริญญาโทด้านเอเชียแปซิฟิกศึกษา จาก University of San Francisco ประเทศสหรัญอมริกา แล้วกลับมาทำงานประจำในประเทศไทยทั้งในสายราชการและสายเอกชน ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนักออกแบบเสื้อผ้า

ชีวิตและงาน

 

หลังจากทุ่มเทกับงานประจำทั้งในสายราชการและสายเอกชนมาได้ระยะหนึ่ง ก็ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่เจ้าของแบรนด์ Tawn C. มีโอกาสได้เรียนรู้การออกแบบแฟชั่นชั้นสูง จนในที่สุดก็กลายเป็นนักออกแบบที่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง เป็นที่ยอมรับในวงการแฟชั่นและมีบูติก ตั้งอยู่ที่เซ็นทรัลชิดลม ชั้น 2 และเพราะความทุ่มเทให้กับงาน ทำให้ “ธรณ ชัชวาลวงศ์” ยังคงครองความโสดไว้อย่างเหนียวแน่น

ธรณ กล่าวว่า ในมุมมองของผม โสดหรือไม่โสด ไม่ได้จำกัดความอยู่แค่สถานภาพบนแผ่นกระดาษ แต่ความโสดเป็นเหมือนกับ State of Mind หรือความรู้สึก ณ ช่วงเวลานั้น คือ เป็นการกำหนดกรอบ หลักการ การใช้ชีวิต และการให้อิสรภาพกับตัวเอง

“ผมมองว่าการให้อิสระในการใช้ชีวิต กล้าคิด กล้าทำ โดยเฉพาะการทำความฝันให้เป็นจริง คือ สิ่งที่สำคัญ” หนุ่มโสดเจ้าของแบรนด์ Tawn C. กล่าว

หลังจากงานชะลอลง จะหาเวลาไปพักผ่อน หรือเข้าโยคะ รีทรีตที่ทะเล 34 วัน เพื่อผ่อนคลายและปรับสมดุลให้กับชีวิต ผมฝึกโยคะประมาณ 45 วันต่ออาทิตย์ แบบทำเองที่บ้าน ในสไตล์อัษฎางค์โยคะ ซึ่งสามารถเรียนรู้จากครู และนำไปปฏิบัติเองได้ ถ้ามีเวลาก็จะไปเรียนเพิ่มเติมจากครูที่สตูดิโอโยคะบ้าง เพื่อเป็นการเรียนรู้เพิ่มเติมและพัฒนาการฝึก

แต่ถ้าพักผ่อนใกล้ๆ จะชอบไปร้านอาหารสไตล์โรมันอิตาเลียน มีร้านประจำชื่อร้าน APPIA (20/4 ซอยสุขุมวิท 31 ถนนสุขุมวิท) เพราะชอบเมนูพาสตาแบบโฮมเมดที่อร่อยมาก โดยเฉพาะพาสตาตัวหนอนที่เรียกว่าคาวาเทลลี่กับซอสเนื้อแกะ เป็นเมนูที่ทำให้ฟินที่สุดแล้ว

แล้วถ้าถามเรื่องช็อปปิ้ง ในฐานะดีไซเนอร์แล้ว หนุ่มธรณ ตอบว่า เมืองไทยช็อปสนุกที่สุดแล้วสำหรับเสื้อผ้า โดยส่วนตัวสนับสนุนดีไซเนอร์ไทยด้วยกันอยู่แล้ว ส่วนสถานที่เที่ยวที่ชอบไปมากที่สุด สำหรับหนุ่มโสดอย่างผมแล้ว สถานที่เที่ยวหรือการเดินทางไปเที่ยว คือ การเปิดโลกทัศน์ และค้นหาแรงบันดาลใจในงานของผมที่เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า สถานที่ที่ชอบไปคงขึ้นอยู่กับว่าโอกาสไหน ช่วงเวลาไหน ในวันทำงานยุ่งๆ การออกไปนั่งทานกาแฟร้านโปรด ก็อาจเป็นการไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจได้

ความโสดเกี่ยวข้องกับอิสระและเสรีภาพในการกล้าคิดและลองทำ ในฐานะของการเป็นดีไซเนอร์แล้ว จะโสดหรือไม่โสด อิสระและเสรีภาพ เป็นสิ่งสำคัญในการนำเสนอผลงานที่สร้างสรรค์ให้กับการออกแบบแฟชั่น และนี่แหละคือปรัชญาในการใช้ชีวิตในแบบคนโสดของดีไซเนอร์หนุ่ม “ธรณ ชัชวาลวงศ์”

ชีวิตและงาน

 

‘สุรพร สิมะกุลธร’

ชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

ถ้าหนุ่มโสดไฟแรงอย่าง “ธรณ ชัชวาลวงศ์” ยังไม่หยุดนิ่งในทุกรูปแบบการใช้ชีวิต หนุ่มวัยเกษียณอย่าง “สุรพร สิมะกุลธร” ก็ยังไม่หมดไฟ และไม่หยุดนิ่งเช่นกัน

จากเป็นเด็กที่มีสติปัญญาปานกลาง แต่ด้วยความที่ว่าจะทำอะไรก็มีความตั้งใจจริง มีความมานะ อดทน ซื่อสัตย์สุจริต และรู้จักประหยัดมีความพอเพียงในการดำเนินชีวิต สุรพร สิมะกุลธร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กุลธรเคอร์บี้ ย้ำว่าการจะทำอะไรให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องทุ่มเทและทำอย่างจริงจัง ต้องมีใจรักในการทำงาน หรือมี Passion for Work เป็นคติพจน์ประจำใจชายวัย 73 ปี ผู้เป็นนักบุกเบิกอุตสาหกรรมคอมเพรสเซอร์รายแรกในประเทศไทย

เวลาทำงานก็ทำอย่างจริงจังมาตลอด วันละไม่น้อยกว่า 12 ชั่วโมง “ผมเป็นคนทำอะไร ทำจริง ทุ่มเท ถึงแม้ว่างานบางอย่างอาจจะไม่สำเร็จดั่งที่หวังไว้ แต่ก็ไม่เสียใจ เพราะถือว่าได้ทำเต็มที่แล้ว” สุรพร ย้ำ

ด้านการศึกษา เขาเชื่อว่าไม่มีใครแก่เกินเรียนแม้วัยจะเข้าสู่เลข 7 แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการศึกษาหาความรู้ ไม่ด้อยไปกว่าเด็กหนุ่ม เพราะในช่วง 5 ปีที่แล้ว ได้ศึกษาต่อระดับปริญญาโท คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และสำเร็จการศึกษา และที่ผ่านมาก็ได้ศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก คณะรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พร้อมกับ โสภาพิมพ์ สิมะกุลธร ผู้เป็นภรรยา มาเรียนพร้อมกันในวันเสาร์

ด้วยวัย 73 ปี ไม่ใช่อุปสรรคที่จะทำให้ภาระหน้าที่ทั้งการงาน ครอบครัว และการดำเนินชีวิตประจำวันต้องหยุดชะงักลง เพราะปัจจุบันยังคงนั่งทำงานเฉกเช่นพนักงานผู้อยู่ใต้การบังคับบัญชาคนอื่นๆ ในฐานะผู้นำองค์กร ซึ่งต้องควบคุมดูแล บริษัท กุลธรเคอร์บี้ ธุรกิจผลิตและจำหนายมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ สำหรับใช้กับเครื่องทำความเย็น เช่น ตู้เย็น ตู้แช่ ตู้ทำความเย็น ตู้ทำน้ำแข็ง ตู้เย็นเชิงพาณิชย์และเครื่องปรับอากาศ ภายใต้วิสัยทัศน์การเป็นผู้นำแห่งอาเซียน รวมถึงบริษัทในเครือกุลธร กรุ๊ป อีก 6 แห่ง มีพนักงานรวมกว่า 5,000 คน

“ในแต่ละวันผมไม่เคยนอนอยู่บ้านเฉยๆ ในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ ยังไปทำงานปกติเหมือนพนักงานคนอื่นๆ ตลอด 6 วัน ทุกวันจะมาถึงที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ประมาณ 9 โมงเช้า หากไม่มีเหตุจำเป็นหรือมีนัดหมายข้างนอก ก็จะทำงานอยู่จนถึงเวลาเลิกงาน หลายครั้งที่ทำงานไปเรื่อยๆ จนถึง 23 ทุ่มเป็นประจำ กลายเป็นคนสุดท้ายของออฟฟิศ เพราะมีเอกสารงานด้านต่างๆ ที่ต้องตรวจสอบและอนุมัติจำนวนมาก และผมจะอ่านอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าถูกต้องเหมาะสมไม่ใช่เซ็นอนุมัติไปโดยไม่ใส่ใจ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดความเสียหายแก่บริษัทได้”

ชีวิตของ สุรพร จึงยังมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างจริงจัง จนพนักงานทุกคนยกย่องให้เป็นต้นแบบของการทำงาน ด้วยแนวทางการปกครองดูแลทุกคนในองค์กรแบบเครือญาติ พนักงานในส่วนต่างๆ จึงสามารถเดินเข้าไปปรึกษาและของคำชี้นำในเรื่องต่างๆ ได้อย่างไม่ต้องเขินอาย ถือเป็นคนเกษียณแค่วัย แต่ไฟในการทำงานไม่เคยมอดดับลงเลย