posttoday

ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์ บรรลุนิติภาวะ

22 กันยายน 2556

สำหรับมนุษย์วัย 21 ปี จัดเป็นหนุ่มเป็นสาวโตเต็มวัย และถูกจัดให้เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว เช่นเดียวกับตัวเลข 21 ปี ในความหมายของ “ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์”

โดย...นกขุนทอง ภาพ เสกสรร โรจนเมธากุล

สำหรับมนุษย์วัย 21 ปี จัดเป็นหนุ่มเป็นสาวโตเต็มวัย และถูกจัดให้เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว เช่นเดียวกับตัวเลข 21 ปี ในความหมายของ “ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์” ซึ่งเป็นจำนวนเวลาที่เขาทำงานบนเส้นทางเสียงเพลง นับถึงวันนี้เขาก็บรรลุนิติภาวะแล้วในบทบาท “นักร้อง”

จะเห็นได้ว่าศิลปินในบ้านเรานั้นมีจำนวนมาก แต่จะมีสักกี่คนที่จำจดชื่อพวกเขาเหล่านั้นได้ดีและจดจำได้ยาวนาน ทว่าป้างเป็นหนึ่งในศิลปินที่อยู่ในความทรงจำของแฟนเพลง ถ้าไม่เก๋าไม่เจ๋งจริง ตัวเลข 21 ปีคงจะไม่เกิดขึ้น และน้อยรายที่ยังผลิตงานเพลงใหม่ๆ ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกัน แต่สำหรับป้างอัลบั้มล่าสุด “กลางคน” ตอกย้ำความสำเร็จบนอาชีพที่เขารักว่ายังสามารถเติบโตต่อไปได้อีก

“ที่ผ่านมาออกเป็นซิงเกิล แต่ทีนี้มีพวกแฟนเพลงประจำบอกว่ายังอยากจับปก อยากนั่งอ่านเครดิต ว่าใครทำอะไรบ้าง อยากทำอะไรเหมือนสมัยก่อน มีคนพูดอย่างนี้เยอะมาก และเป็นกลุ่มแฟนเพลงที่เติบโตมากับเรา และเขายังบอกอีกว่าเขายังคุ้นเคยกับการยัดซีดีลงเครื่องอยู่ เขาไม่คุ้นเคยกับการดาวน์โหลด มีคนพูดใส่หูเราบ่อยมาก ยิ่งมาจากทางเฟซบุ๊กจะเยอะ แฟนเพลงเหล่านี้เหมือนเป็นแรงกำลังใจของเรามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ก็เลยรวบรวมเวลาและสมาธิและความรู้สึกอยากทำ จนมันมาถึงจุดจุดหนึ่งที่ว่า เออเรามาทำมินิอัลบั้มดีกว่า 5 เพลง

ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์ บรรลุนิติภาวะ

 

พอเราอายุมากแล้ว เราก็ไม่อยากจะฝืนออกอัลบั้ม ปล่อยให้มันไหลตามสบาย เราก็เริ่มจากการนั่งจับกีตาร์ เริ่มอยากแต่งเพลง แต่งเนื้อเพลงด้วยความผ่อนคลายที่สุด ไม่กำหนดวันวางแผง ไม่กำหนดอะไรทั้งสิ้น เพราะรู้สึกว่า พอมาถึงวัยนี้มันไม่ต้องกำหนดอะไรแล้ว อยากให้มันไหลออกมาด้วยความเป็นธรรมชาติจริงๆ คอนเซปต์ของมันคือ คนกลางคนคนหนึ่งอยากจะทำอะไรก็ทำ อัลบั้มชุดนี้จึงชื่อว่า กลางคน ผู้ชายกลางคนคนนี้อยากทำอะไรก็ทำ ปล่อยสบายตามธรรมชาติ ไม่ได้มีกำหนดว่าจะต้องเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ให้เป็นตามธรรมชาติที่สุดสำหรับเพลงที่ไหลออกมา”

21 ปีบนเส้นทางดนตรี ป้างบอกว่า สิ่งที่เขาได้รับคือ ได้ทำความฝันของเด็กชายป้างเมื่อตอนอายุ 10 ขวบให้เป็นจริง และผลพลอยได้ คือ ได้อาชีพ

“ตั้งแต่ผม 8 ขวบ พ่อพาไปต่างจังหวัดก็เปิดเทปคลาสเซตวงดิอิมพอสซิเบิ้ลให้ฟังตลอดทาง ตอนที่ฟังผมรู้สึกว่าโลกของเราเปลี่ยนไป เสียงดนตรีเหมือนสรวงสวรรค์ หลังจากนั้นขึ้นรถก็เริ่มจูนคลื่นหาเพลงฟังเอง แต่บอกใครก็มีแต่คนหัวเราะ มองเหมือนเราไม่เอาถ่าน เพราะเราไม่เคยร้องเพลงเล่นดนตรีให้ใครเห็น แต่ผมทำการบ้านมาตลอด ยิ่งเมื่อก่อนอาชีพนักดนตรี นักร้อง คนมองคือเต้นกินรำกินเลยนะ ยิ่งเราอยากทำอาชีพที่คนไม่ยอมรับ ต้องทำการบ้านให้เยอะ ให้ดีที่สุด ยิ่งเราไม่เคยเปลี่ยนฝัน ไม่เคยคิดอยากเป็นนั่นเป็นนี่ ก็ทุ่มเทเข้มข้นกับมันอย่างเดียว แต่ระหว่างที่ผมทุ่มเทกับมัน ผมก็ต้องเรียนปริญญาตรีต้องมีให้แม่ ถ้าเราทำสิ่งที่เราฝันไม่สำเร็จ จะได้มีอาชีพรองรับ แต่ตลอดเวลาผมไม่เคยอยากทำอาชีพอื่นเลยนะ นอกจากอาชีพนักร้อง”

ในที่สุดป้างก็สมดังใจบนเส้นทางที่เขาเลือก โดยเริ่มต้นในชื่อวงไฮดร้า (กับ ปอนด์ธนา ลวสุต) เมื่อปี 2535 ก่อนมาเป็นศิลปินเดี่ยวในบทบาทศิลปินร็อก แต่ใช่ว่าใครฝันอยากเป็นแล้วจะสมหวังเสมอไป

“สมัยก่อนเส้นทางมาเป็นนักร้องมีน้อยมากถ้าเทียบกับตอนนี้ที่มีการประกวดต่างๆ แต่เมื่อโอกาสมีเยอะคนก็แข่งขันกันเยอะ มีคนอีกเยอะมากที่ต้องอกหักกับมัน แต่คนเหล่านี้ถ้ามีแพลนบีจะไม่เจ็บ อย่างผมพอรู้ว่าอยากเป็นนักร้องก็ทำการบ้านกับตัวเองเยอะมาก ทั้งๆ ที่ไม่มีใครมาบอก แต่ตลอดเวลาที่ทำการบ้านผมมองแพลนบีมาตลอด ถ้าล้มเหลวทางดนตรีจะทำอะไรกิน ดังนั้นผมจะบอกกับน้องๆ เสมอว่า ถ้าชอบดนตรีลุยมันให้เต็มที่แต่ต้องมีแพลนบีด้วย พอมีมันทำให้เราเดินตามโดยไม่เครียดมาก ผมจะไม่บอกว่าฝันให้ไกลไปให้ถึง”

ส่วนใครได้เป็นนักร้องแล้ว จะดังนาน ดังดับ ก็ขึ้นอยู่ที่ความตั้งใจและความสามารถ อุปนิสัยใจคอที่ทำงานร่วมกับคนอื่นด้วย ที่สำคัญป้างบอกว่า ต้องสร้างความแตกต่างอย่างเป็นตัวเอง

ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์ บรรลุนิติภาวะ

 

“ถ้าเราดูลายมือของมนุษย์ แม้แต่ฝาแฝดก็ไม่มีใครเหมือนกัน เอาสิ่งนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทำเพลงให้เป็นตัวเราจริงๆ รับรองไม่เหมือนใครแน่ วิธีคือเอาสิ่งที่คิดว่าเป็นตัวเราให้เอามาชั่งใจว่าคนอื่นฟังแล้วรู้สึกดีกับเราไปด้วย ไม่ใช่เอาแต่ใจตัวเองอย่างเดียว หลับหูหลับตาเป็นตัวเอง คนอื่นไม่ถูกใจ แบบนั้นเราก็ทำฟังอยู่คนเดียว ผมคิดว่ามีสิ่งที่เราเป็นเราแล้วดี คนอื่นชื่นชมด้วย มันมี แต่ต้องคัดเลือกมันออกมาให้ได้เท่านั้นเอง มันอาจยากเหมือนกัน แต่ถ้าหาจุดให้ได้จะประสบความสำเร็จได้มากขึ้น และพอดังแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่าให้มานั่งวิเคราะห์ว่า อะไรทำให้เราดัง อะไรทำให้เราดับ เราก็เลี่ยงสิ่งที่ทำให้ดับ และส่งเสริมสิ่งที่ทำให้ดังอย่าให้ขาด และที่จะทำให้เราอยู่ได้นานก็ต้องสร้างงานให้ตัวเอง ถ้าเราเป็นนักร้องให้คนอื่นแต่งเพลงให้ พอเราแก่เขาก็ไม่อยากแต่งเพลงให้เราก็จบล่ะ หรือแต่งมาไม่เหมาะกับเรา ผมเชื่อว่าเราจะสื่อสารสิ่งที่เราแต่งเองได้ดี และสื่อสารกับแฟนเพลงได้ตรงที่สุด”

ในวันที่ 5 ต.ค.นี้ ป้างจะมีคอนเสิร์ตใหญ่เกิดขึ้น ในชื่อ “บรรลุนิติภาวะ 21 ปี ป้าง นครินทร์” ณ อินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก ซึ่งป้างก็ยังใช้คอนเซปต์กลางคน “กลัวว่าวันนั้นตัวเองจะตื่นเต้น เพราะมันทั้งแก่ลงและเวลามันมากขนาดนี้ แต่คิดไว้แล้วว่าจะให้มันผ่อนคลายเหมือนตอนที่ทำเพลง จะไม่กำหนดอะไรมาก จะไม่มีสคริปต์จนขัดธรรมชาติ จะให้มันเป็นตัวตนของเราที่สุด ให้มันสบายและเป็นกันเองที่สุด จะคุยกับแฟนเพลงมากขึ้น อยากให้แฟนเพลงตัวจริงมีความสุข เพราะว่าอยู่ในวงการเพลงมานานมันเหมือนบรรลุแล้ว ต้องทำอะไรให้ผ่อนคลาย ณ จุดจุดนี้ ฉะนั้นเรื่องความมันส์บนเวทีคงให้เป็นตามอารมณ์เพลง และตัวเราเองก็อยากให้มันเป็นการบันทึกเหตุการณ์เมื่อเราย่างเข้าสู่วัยกลางคน ว่าก็เป็นอีกหน้าหนึ่งในไดอะรี ที่เราจะประทับใจไปตลอด จริงๆ คนที่มันสร้างผลงานมาเองคนเดียว อยู่มานานขนาดนี้ จริงๆ มันต้องมีลูกล้าลูกเบื่อลูกท้อ แต่สำหรับผม ณ วัยนี้ ยังรู้สึกว่ายังคงอยากทำอยู่ มันน่าสนใจดีว่าไอบ้านี่ทำไมมันยังไม่เลิกทำ ก็เลยอยากจะสื่อสารว่า ก็เพราะมีพวกคุณไง (แฟนเพลง)”

21 ปี ที่ผู้ชายคนหนึ่งตั้งใจ ทุ่มเท ฝึกร้อง เล่นดนตรีด้วยตัวเองมาตลอด จนเป็นที่รู้จักในศิลปินร็อกรุ่นเก๋า “ป้างนครินทร์ กิ่งศักดิ์” แม้จะต้องฟันฝ่าอุปสรรค ก็ไม่เคยคิดจะล้มเลิก คงไม่มีคำไหนที่จะกล่าวถึงเขาได้ดีเท่ากับคำว่า “โคตรจะแมน”