posttoday

เรื่องของวัยและโรคอัลไซเมอร์

03 สิงหาคม 2556

เด็กวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า ผู้ใหญ่ในวันนี้ คือ คนชราในวันข้างหน้า นั่นเป็นสัจธรรมแห่งสังขารที่ทุกคนหนีไม่พ้น

โดย...ป้าชลลี่

 

เด็กวันนี้ คือ ผู้ใหญ่ในวันหน้า

ผู้ใหญ่ในวันนี้ คือ คนชราในวันข้างหน้า

นั่นเป็นสัจธรรมแห่งสังขารที่ทุกคนหนีไม่พ้น หากจะแก่ก็ขอให้แก่อย่างสง่า สมวัย และไม่เป็นภาระกับใคร

การจะแก่อย่างสง่าได้ ขอบอกว่าจะต้องมาจากการปฏิบัติตัวของเรา ยามที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ทำอย่างไรก็จะได้สิ่งนั้น

วันนี้จะขอยกโรคยอดนิยมของผู้สูงอายุ คือ โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่พบมากที่สุด และกำลังเป็นปัญหาที่คุกคามคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและครอบครัว ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งพบมาก

อาการของโรคอัลไซเมอร์ ในระยะเริ่มแรกมักมีเพียงอาการหลงลืมเล็กๆ น้อยๆ แต่เมื่ออาการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น จะมีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ หรืออาการทางจิตเวช เช่น ก้าวร้าว หลงผิด ประสาทหลอน ระแวง

กระทรวงสาธารณสุขรายงานสถิติโลกของโรคอัลไซเมอร์ว่า พบได้ในผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ปัจจุบันมีผู้ป่วยทั่วโลกประมาณ 33.9 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 เท่าในอีก 40 ปีข้างหน้า สำหรับในประเทศไทยซึ่งมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั้งหมด 8.3 ล้านคน คาดว่าจะมีผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ประมาณ 8.3 แสนคน

ที่น่าเป็นห่วงคือ กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ไว้ว่าโรคนี้จะเป็นปัญหารุนแรงขึ้นในอนาคต มีแนวโน้มพบในผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปีได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่นำไปสู่ความผิดปกติของหลอดเลือด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันสูง ถือเป็นกลุ่มที่เสี่ยงสำคัญที่อาจเกิดเซลล์สมองฝ่อเร็วกว่าคนทั่วไป

ปัญหาสุขภาพ ส่วนใหญ่จะเกิดจากการใช้ชีวิตอย่างไม่สมดุลเป็นเวลานานจนร่างกายเคยชิน ฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ตอนแก่ เมื่อเป็นวัยรุ่นก็ควรจะเริ่มต้นดูแลรักษาสุขภาพเสียแต่เนิ่นๆ

โสด

ป้องกันได้ตั้งแต่หนุ่มสาว

มูลนิธิอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย ได้แนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคอัลไซเมอร์ 8 ข้อ คือ

1.รับประทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงยาหรือสารที่จะทำให้เกิดอันตรายแก่สมอง เช่น การดื่มเหล้าจัด การกินยาโดยไม่จำเป็น

2.ออกกำลังสมอง ได้แก่ การพยายามฝึกให้สมองได้คิดบ่อยๆ เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือบ่อยๆ คิดเลขโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลขบ้าง ดูเกมตอบปัญหา ฝึกหัดการใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ เป็นต้น

3.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 35 ครั้ง เช่น เดินเล่น รำมวยจีน เต้นแอโรบิก ว่ายน้ำ เนื่องจากจะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น เลือดไปเลี้ยงสมองเพิ่มขึ้น เพิ่มความสามารถในการเผาผลาญออกซิเจนให้เป็นพลังงานแก่ร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคนี้ได้ถึง 60%

4.การพูดคุย เข้าสังคมพบปะผู้อื่นบ่อยๆ

5.ตรวจสุขภาพประจำปี หากมีโรคประจำตัวต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ เช่น การตรวจหาความผิดปกติ ดูแลและรักษาโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน เป็นต้น

6.ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุที่ก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อสมอง

7.พยายามมีสติในสิ่งต่างๆ ที่กำลังทำและฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา

8.พยายามไม่คิดมาก ไม่เครียด หากิจกรรมต่างๆ ทำเพื่อคลายเครียด เนื่องจากความเครียดและอาการซึมเศร้าอาจทำให้จำอะไรได้ไม่ดี

&<2288;

เกษียณ

ชะลอความชรา

ข้อแนะนำทั้ง 8 ประการนั้น สามารถนำไปปฏิบัติได้สำหรับผู้สูงวัย เพื่อชะลอความชราของสมอง

หากคุณผู้อ่านอยู่ในช่วงอายุที่มีวัยสูงขึ้น และอยากรู้ว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสมองเสื่อมหรือไม่ ก็สามารถใช้โปรแกรมทดสอบที่มูลนิธิอัลไซเมอร์ฯ และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือทีเซลส์ (TCELs) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกันพัฒนาขึ้นมา

แบบคัดกรองที่ใช้ในแอพพลิเคชันดังกล่าวเป็นแบบทดสอบเบื้องต้น พัฒนาโดย ศ.พญ.นันทิกา ทวิชาชาติ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยศึกษาพัฒนามาจากเกณฑ์มาตรฐานของผู้สูงอายุไทยโดยเฉพาะ มีคำถาม 11 ข้อ ได้แก่

1.ชอบถามคำถามเดิมซ้ำๆ

2.หลงลืมบ่อยขึ้น มีปัญหายุ่งยากเรื่องความจำระยะสั้น

3.ต้องมีคนคอยเตือนให้ทำกิจกรรมที่จำเป็น

4.ลืมวันนัด ลืมโอกาสที่สำคัญของครอบครัว เช่น วันเกิด วันครบรอบแต่งงาน หรือวันหยุดพิเศษ

5.ดูซึมลง เศร้าหมอง หรือร้องไห้บ่อยกว่าเดิม

6.เริ่มมีเรื่องยุ่งยากในการคิดเลข คิดเงิน หรือลำบากมากขึ้นในการดูแลจัดการเรื่องเงินทอง

7.ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบทำ เช่น งานอดิเรกที่เคยทำ กิจกรรมสังคมที่เคยไป

8.เริ่มต้องมีคนคอยช่วยเหลือในกิจกรรมประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร

9.หงุดหงิด อารมณ์เสียบ่อยขึ้น ช่างสงสัย เริ่มได้เห็น ได้ยิน เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นจริง

10.เริ่มมีปัญหาเรื่องทิศทาง เช่น ถ้าเคยขับรถก็หลงทางบ่อย จำทางไม่ได้ ขับรถอันตราย ไม่ปลอดภัย หรือเลิกขับรถไปเลย

11.มีความยุ่งยากลำบากในการหาคำพูดที่ต้องการจะพูด เรื่องชื่อคน สิ่งของไม่ถูก พูดไม่จบประโยค โดยประเมินออกเป็นคะแนน

แบบสอบถามนี้สามารถดาวน์โหลดฟรีจากเว็บไซต์ของทางมูลนิธิอัลไซเมอร์ฯ www.alz.or.th และเว็บไซต์ของทีเซลส์ ที่ www.tcels.or.th ดาวน์โหลดผ่านสมาร์ทโฟน ใช้ได้ทั้งในไอแพดและแอนดรอยด์

จำไว้ว่าหากต้นทุนทางสังขารดี เมื่อแก่ตัวความเสี่ยงที่จะเป็นโรคสมองเสื่อมก็จะลดลง ความจำดีสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้อย่างสบาย ไม่ต้องเป็นภาระของใคร&<2288;

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดตัวโปรแกรมคัดกรองความเสี่ยงป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์จากเซลล์สมองฝ่อง่ายๆ ผ่านเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน ใช้ได้ในไอแพด แอนดรอยด์ ขนาดจอ 7 นิ้ว นับเป็นครั้งแรกในไทย ผู้ป่วยและญาติใช้ทดสอบได้ด้วยตนเอง เพียง 11 ข้อคำถาม ดาวน์โหลดฟรีจากเว็บไซต์ของทางมูลนิธิอัลไซเมอร์ฯ www.alz.or.th และเว็บไซต์ของทีเซลส์ ที่ www.tcels.or.th

หากพบมีความเสี่ยง 4 ข้อขึ้นไป ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญใกล้บ้าน เผยโรคนี้ยังไม่มียารักษาหายขาด คาดขณะนี้ผู้สูงอายุไทยเสี่ยงป่วยโรคนี้กว่า 8 แสนคน คาดในอนาคตจะเพิ่มมากขึ้นและมีความเป็นได้สูงที่จะพบโรคนี้ในผู้ที่อายุยังไม่ถึง 60 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาหลอดเลือดผิดปกติ

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์ 2556) ที่สวนสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคุณหญิงอุไรวรรณ ศิรินุพงศ์ รองประธานมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย และศ.พญ.นันทิกา ทวิชาชาติ กรรมการเลขานุการมูลินิธิฯ เปิดงาน“สร้างสรรค์สังคมไทยห่างไกลอัลไซเมอร์ ครั้งที่ 5” จัดโดยมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย และศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือทีเซลส์ (TCELs) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อรณรงค์ให้สังคมไทยรู้จักโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุที่เกิดจากเซลประสาทสมองฝ่อ เรียกว่าอัลไซเมอร์ ในผู้สูงอายุไทยพบได้ร้อยละ 30 และร่วมมือกันแก้ไขป้องกันหรือชะลอการป่วยให้ช้าที่สุด กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การให้ความรู้เรื่องโรคอัลไซเมอร์ บริการตรวจคัดกรองความจำและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การเล่นเกมส์ฝึกการใช้สมอง โปรแกรมคำนวณอายุสมอง นิทรรศการเกี่ยวกับโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ บริการตรวจสุขภาพเบื้องต้น สอนทำยาหม่อง สาธิตการเต้นป้องกันโรคอัลไซเมอร์ ตลอดจนแบ่งกลุ่มเล่นกีฬาสี และบรรยายพิเศษให้ความรู้เกี่ยวกับโรคสมองเสื่อมผ่านทางภาพยนตร์

นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดที่พบมากที่สุด และกำลังเป็นปัญหาที่คุกคามคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและครอบครัว ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งพบมาก จากสถิติโลกพบได้ในผู้สูงอายุ 60ปีขึ้นไปร้อยละ 10 ปัจจุบันมีผู้ป่วยทั่วโลกประมาณ 33.9 ล้านคน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 เท่าในอีก 40 ปีข้างหน้า สำหรับในประเทศไทยซึ่งมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปทั้งหมด 8.3 ล้านคน คาดว่าจะมีผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้ประมาณ 8.3 แสนคน และคาดการณ์ได้ว่าโรคนี้จะเป็นปัญหารุนแรงขึ้นในอนาคต มีแนวโน้มพบในผู้ที่อายุต่ำกว่า 60 ปีได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่ป่วยด้วยโรคที่นำไปสู่ความผิดปกติของหลอดเลือด ได้แก่ โรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และไขมันสูง ถือเป็นกลุ่มที่เสี่ยงสำคัญที่อาจเกิดเซลล์สมองฝ่อเร็วกว่าคนทั่วไป

อาการสำคัญของโรคนี้ที่สำคัญคือ ความจำบกพร่อง ไม่สามารถทำงานหรือกิจวัตรตามปกติได้ เนื่องจากเซลล์ประสาทสูญเสียการทำงานทำให้ความจำเสื่อม อาการจะเริ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากหลงลืมเล็กน้อย มีปัญหาเรื่องการใช้ภาษา การรู้ทิศทางและเวลา จนถึงระดับที่เป็นมากมีบุคลิก อารมณ์ พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม จนถึงขั้นมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วย ทำให้เกิดปัญหาต่อผู้สูงอายุและผู้ดูแล ทั้งความเครียด กังวล คุณภาพชีวิตที่ลดลง ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ ในระยะเริ่มแรกมักมีเพียงอาการหลงลืมเล็กๆน้อยๆ คิดว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุ จึงไม่ได้ให้ความสนใจ แต่เมื่ออาการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น จะมีปัญหาพฤติกรรมและอารมณ์ หรืออาการทางจิตเวช เช่น ก้าวร้าว หลงผิด ประสาทหลอน ระแวง ซึ่งเป็นภาระอย่างมากแก่ผู้ดูแล

นายแพทย์ชลน่านกล่าวต่อว่า ในวันนี้ มูลนิธิอัลไซเมอร์ฯ ได้ร่วมกับทีเซลส์ พัฒนาโปรแกรมการตรวจคัดกรองผู้เสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์เป็นผลสำเร็จครั้งแรกในประเทศไทย สามารถตรวจผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารประเภทสมาร์ทโฟน เช่นไอแพด (iPad) และระบบแอนดรอยด์ (Android) ที่มีขนาดหน้าจอ 7 นิ้ว เพื่อให้ผู้ดูแลผู้สูงอายุและผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆ เช่นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง มองเห็นชัดเจนและตรวจประเมินได้ด้วยตนเองตลอด 24 ชั่วโมง และได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ เป็นบริการสาธารณะที่จะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ตรวจประเมินความเสี่ยงของผู้สูงอายุในบ้านหรือตนเองว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ของทางมูลนิธ