posttoday

“เพจแม่นุ่น” ด้วย พลังแห่งความรัก

24 กรกฎาคม 2556

“เพจแม่นุ่น” (สร้าง) พลังแห่งความรักในขณะที่ผู้คนให้ความสนใจและติดตามความเคลื่อนไหวความเป็นไปของสังคม ผู้คน เทรนด์ต่างๆ บนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก

โดย...นกขุนทอง

“เพจแม่นุ่น” (สร้าง) พลังแห่งความรักในขณะที่ผู้คนให้ความสนใจและติดตามความเคลื่อนไหวความเป็นไปของสังคม ผู้คน เทรนด์ต่างๆ บนโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก และเวลาที่ผู้คนจำนวนหนึ่งพบเจอเรื่องราวเป็นที่น่าสนใจ ด้วยกระแสปากต่อปาก หรือเพียงกดปุ่มแชร์คลิกเดียว เรื่องราวนั้นๆ จะป๊อปปูลาร์ขึ้นมาทันที ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีจะร้าย จะสุขจะเศร้า...

เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ “เพจแม่นุ่น” (Facebook.com/noonsupermom) กำลังเป็นที่พูดถึง เพจที่สามีนำเรื่องราวของภรรยา (แม่นุ่น) ซึ่งป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย มาถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตที่ไม่ธรรมดา

แน่นอนว่าเพจนี้ต้องมีเรื่องราวเกี่ยวกับโรคมะเร็ง อาการป่วย แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ “ความรัก” จากผู้ชายคนหนึ่ง ที่ทุ่มเททำทุกวิถีทางเพื่อภรรยาสุดที่รัก พลังแห่งรักสัมผัสใจคนอ่าน เพียงโพสต์ได้ไม่ถึงสัปดาห์ มียอดกดไลค์หลายหมื่น และเพิ่มเป็น 4 หมื่นกว่าไลค์ภายในเวลาเดือนเศษ โดยแต่ละโพสต์มียอดวิว หรือมีคนเข้ามาอ่านมากถึง 8 แสนวิว

ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย

ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2556 ชายชื่อ “ตุลย์” ได้เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ “แม่นุ่น” โดยเขียนเล่าเรื่องเป็นตอนๆ เริ่มด้วย “ตอนที่ 1” ที่จั่วหัวมาได้เห็นภาพครอบครัวอบอุ่นน่ารัก มีพ่อ (ตุลย์) แม่ (นุ่น) และลูกสาววัย 5 ขวบ “น้องซิดนีย์” และลูกชายวัยขวบครึ่ง “น้องบอสตัน” และทิ้งท้ายส่งต่อให้ตอนที่ 2 ว่า “สัญญาณร้ายที่เสม็ด”... กระตุ้นความกระหายใคร่รู้ให้กับผู้อ่าน ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น ด้วยข้อความแนะนำเพจ ทว่าการใช้ภาษาในการเล่าเรื่องของผู้ชายชื่อตุลย์นั้น มัดใจให้ผู้อ่านติดตามไปโดยไม่รู้ตัว

ถึงตอนนี้มีทั้งหมด 12 ตอนแล้ว (22 ก.ค.) สลับกับข้อความอัพเดตอาการป่วยของแม่นุ่น พร้อมรูปน่ารักของครอบครัวในคืนวันที่เปี่ยมสุข

เพจนี้เสมือนห้องเรียนใหม่สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมระยะ 4 ชนิด Her2 3+ เพราะตุลย์ได้แจกแจงรายละเอียดขั้นตอนการเข้ารักษา วิธีการรักษา ชนิดยา การส่งตัวของโรงพยาบาล และอีกหลายเรื่องราวที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยรายอื่นๆ ซึ่งเจ้าตัวมีเจตนาตั้งต้นเอาไว้เช่นนั้น ทว่าอีกสิ่งหนึ่งที่ทำเอาผู้อ่านน้ำตาคลอตามตัวอักษรก็คือ การบรรยายถึงความรู้สึกในห้วงเวลาที่ต้องต่อสู้กับความจริง การหวนนึกถึงภาพเก่าๆ ที่มีความสุข แต่ทุกนาทีที่เกิดขึ้นจริงมีแต่ความเจ็บที่เกิดขึ้นในหัวจิตหัวใจของทุกคนในครอบครัว เรื่องที่เขาเขียนมันจริงเสียยิ่งกว่านิยายเรื่องใดๆ

เพียงชายคนนี้... (ไม่ใช่) ผู้วิเศษ

“ตุลย์วิทวัส โลหะมาศ” คือเจ้าของเพจแม่นุ่น สามีวัย 34 ปี ที่ต้องเผชิญกับอาการป่วยของภรรยา “นุ่น” วัย 29 ปี เป็นเวลา 3 เดือนมาแล้ว ที่เขาทุ่มทำทุกอย่างเพื่อภรรยา ซึ่งทำให้เกิดความประทับใจในสิ่งที่ผู้ชายคนหนึ่งทำเพื่อผู้หญิง จนหลายเสียงเห็นตามกันกับประโยคที่ว่า “แม่นุ่นโชคร้ายที่ป่วย แต่โชคดีที่มีสามีที่ดีที่สุด”

ตุลย์ ทำงานในตำแหน่งโปรเจกต์แมนเนเจอร์ บริษัทที่ปรึกษาด้านไอที ในช่วงแรกเขาหยุดงานบ่อย ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน เพราะเท่าที่ดูจากที่เขาเขียน คงเกิดคำถามในใจว่า วันหนึ่งของเขามีกี่ชั่วโมง วันๆ หนึ่งเขาหลับนอนพักผ่อนเวลาไหน ในที่สุดเขาตัดสินใจลาพักงานยาว 3 เดือน เพื่อไม่เป็นการเอาเปรียบบริษัท และจะได้ทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับแม่นุ่น

“ผมไม่ชอบการเขียนหนังสือเลย ที่เขียนออกมาได้และคนอ่านบอกว่าอ่านแล้วน่าติดตาม คงเป็นเพราะผมเขียนเรื่องจริง เป็นความรู้สึกจริงๆ ที่มันเกิดขึ้นทุกนาทีที่เราเผชิญ มันจำได้อยู่แล้ว ผมเขียนแบบไม่ต้องคิดอะไร นั่งอยู่เงียบๆ เรารู้สึกยังไงเขียนไปตามความจริงที่เกิดขึ้น ไม่มีเรื่องแต่งใดๆ

เหตุการณ์เริ่มเกิดช่วงเดือน เม.ย. ผมเครียดสุดๆ ถ้าเขียนตอนนั้นคงไม่ได้ และคงไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโรคมาเขียน พอผ่านเหตุการณ์ความกดดันต่างๆ มาได้ ก็อยากเขียน เพราะตอนที่รู้ว่าเราต้องเจอกับอะไร ผมพยายามหาข้อมูลซึ่งไม่มีในเว็บไซต์ไทย มีแต่บอกเล่าคร่าวๆ แต่ไม่มีละเอียดเท่าที่เราต้องการ ไม่มีดีเทลว่าใช้ยาตัวไหน ต้องรักษายังไง ผมจึงอยากเขียนเน้นรายละเอียดของการรักษา ยาอะไรที่ใช้ ใช้เท่าไหร่ คอร์สการรักษาประกอบด้วยอะไร ผมพยายามเขียนมันลงไปให้มาก”

หลายคนประทับใจในสิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำให้กับภรรยา ซึ่งเขาตอบกลับมา... “ผมเชื่อว่า ถ้าผมเป็นคนป่วย คุณนุ่นก็จะดูแลไม่ทอดทิ้งผมเหมือนกัน เมื่อก่อนผมเป็นเพลย์บอย พอได้พบกับคุณนุ่นผมหยุด ผมประทับใจเขา เขาเป็นคนพิเศษ อยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรัก เป็นคนที่จริงใจ ทางธรรมเรียกว่าเป็นคนที่ใจสะอาด

อีกอย่างครอบครัวเรามีความสุขตามประสาพ่อแม่ลูก ผมไม่รู้ว่าถ้าวันหนึ่งคุณนุ่นไม่อยู่ ผมจะกลับไปเป็นเพลย์บอยเหมือนเดิมไหม ครอบครัวเราจะอบอุ่นเหมือนเดิมไหม ดังนั้นที่ดีที่สุด คือเราต้องอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูกแบบนี้ ผมต้องทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน”

แม้จะต้องเผชิญกับโรคร้ายของภรรยา แต่ตุลย์ก็สลัดความกลัวทิ้งและลุกขึ้นสู้ “ด้วยนิสัยส่วนตัวผมไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ชอบเอาชนะนั่นเอง แม้จะเกิดเรื่องนี้มาหนัก ผมไม่ยอมแพ้ ร้องไห้แล้วเช็ดน้ำตาซะ เราต้องกลับมาสู้กับมันใหม่ กลัวนะ ความกดดันมี มันโถมเข้ามาพร้อมกันหมด ต้นไม้ใหญ่ยังไงก็ไหว อย่างน้อยๆ ก็ต้องไม่ล้ม เพราะผมยังมีลูกอีก 2 คน เขารับรู้ว่าแม่ป่วย เพราะจากสภาพตรงข้ามกับรูปที่ผมเอาลงในเพจ ตอนนี้ผอม ตัวดำ ผมร่วง เล็บหลุด ตัวเป็นจ้ำๆ แต่เราก็ยังนั่งกินข้าวกับลูกเป็นปกติ”