posttoday

ภาณุ ณรงค์ชัยกุล...เวลามีค่าต้องพัฒนาไม่หยุดนิ่ง

01 กรกฎาคม 2556

ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อารมณ์ดี นัยน์ตาฉายแววขี้เล่น เขามาพร้อมสายฝนโปรยปรายและรอยยิ้มสบายๆ กับวันที่ฟ้าฝนดูไม่เป็นใจสักเท่าไหร่

โดย...อณุศรา ทองอุไร ภาพ ภัทรชัย ปรีชาพานิช

ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด อารมณ์ดี นัยน์ตาฉายแววขี้เล่น เขามาพร้อมสายฝนโปรยปรายและรอยยิ้มสบายๆ กับวันที่ฟ้าฝนดูไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ แม้อยู่ในวัย 40 กว่าๆ แต่ภาพลักษณ์ของเขาก็ดูอ่อนกว่าวัยไปหลายปีทีเดียว เขาคือ ภาณุ ณรงค์ชัยกุล กรรมการบริหาร บริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์ดังกว่า 21 แบรนด์ เช่น อาดิดาส, ดีเซล, โคช, ดีเคเอ็นวาย, ลาคอสต์, ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์, เบอเบอร์รี่, ฟอสซิล และล่าสุดที่จะนำเข้าเร็วๆ นี้ คือ เฟอร์รารี่ ขณะนี้มีช็อปจำหน่ายอยู่ 100 กว่าสาขาทั่วประเทศ

ฝันมีธุรกิจของตัวเอง

เขาเรียนจบปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) หลังจบการศึกษาเขาทำงานมาแล้วหลายแห่ง ทั้งทำบริษัทเอเยนซี่ใหญ่ ทำงานด้านการตลาดให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำและอื่นๆ ก่อนที่จะมาเปิดบริษัทนำเข้านาฬิกาของตัวเองเมื่อ 13 ปีที่แล้วเขาบอกว่าเขาเกิดมาในครอบครัวคนจีน คุณพ่อมีธุรกิจของตัวเอง คุณแม่เป็นเภสัชกรและเปิดร้านขายยา

ดังนั้นเขาจึงมีความฝันฝังใจไว้ว่า วันหนึ่งจะต้องทำธุรกิจของตัวเองให้ได้ “คือผมช่วยแม่ที่ร้านขายยาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม พออยู่มหาวิทยาลัยผมก็ทำเสื้อยืดขายบ้าง เปิดร้านขายเสื้อผ้าที่จตุจักรบ้าง ค้าขายมาแล้วหลายอย่าง ชอบทำการค้า โชคดีเป็นคนหัวดีและชอบเรียน ยังไงก็ให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นหลัก แม้ทำงานแล้วก็ยังทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ควบคู่ไปด้วยเสมอ วางแผนไว้เลยว่าจะทำงานบริษัทใหญ่สัก 7-8 ปี เพื่อหาประสบการณ์ แล้วก็จะเปิดธุรกิจของตัวเอง แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะทำธุรกิจอะไร ตั้งเป้าหลวมๆ ไว้ก่อนจะได้ไม่เดินหลงทาง และระหว่างที่ทำงานมาเกือบ 8 ปีเขามีเงินเก็บอยู่ 2 ล้านบาท ตั้งใจเก็บเงินเพื่อจะมาต่อยอดทำธุรกิจทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร” เขาย้อนวันวานให้ฟัง

ด้วยความที่มีเป้าหมายและแผนการในชีวิตที่ชัดเจนนั่นเอง ทำให้เขาสามารถเดินตามแนวทางที่วาดหวังไว้แบบไม่หลงทางให้เสียเวลา ในวัย 29 ปี ย้อนไปยุคที่ฟองสบู่ต้มยำกุ้งกำลังแตก โบรกเกอร์ล้มปิดกิจการกัน 10 กว่าแห่ง คนตกงานกันเพียบ เขาลาออกจากงาน ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่มั่นคง เงินเดือนดี เจ้านายก็ทักทวงว่าคิดดีแล้วหรือ เศรษฐกิจแบบนี้จะออกไปเสี่ยงทำไม เขาลาออกจากงานโดยไม่บอกให้ที่บ้านทราบ เพราะดูแนวโน้มแล้วไม่มีใครเห็นด้วยกับเขาสักคน

“ผมคิดเพียงว่าอายุยังไม่ 30 ถ้าพลาดล้มแล้วลุกใหม่ได้ อายุยังน้อย ยังมีเวลาแก้ตัว ถ้าทำเต็มที่แล้วเจ๊ง ก็ถือว่ามันคือประสบการณ์ แล้วยังคิดว่าตอนนั้นเศรษฐกิจบ้านเรามันดิ่งสุดแล้ว ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้ เหมือนกราฟที่ตกไปสุด รอสักหน่อยมันก็ต้องเชิดหัวขึ้น หลายคนไม่กล้าลงทุน รอดูท่าที แต่ผมพิจารณาหลายด้านแล้ว ทำตอนนี้ล่ะ ไม่มีคนทำแต่เราทำ เดี๋ยวพอทุกอย่างดีคนมาแย่งกันทำ เราได้อยู่ในตลาดก่อนย่อมได้เปรียบ โชคดีที่คิดถูก ทำมา 3 ปีแรกก็ไปได้เรื่อยๆ เริ่มจากเล็กๆ มีไม่กี่แบรนด์ จนถึงปีที่ 5 เศรษฐกิจเริ่มดีเราก็ลุยเพิ่ม ก็ดีมาตลอด ไม่เจอปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้” เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

เวลาไม่เคยหยุดนิ่งต้องแข่งกับเวลา

สำหรับทิศทางการทำงานของบริษัทของเขานับจากนี้ต่อไป เขาบอกว่า ต้องพัฒนาต่อไปเพราะอยู่ในช่วงที่กำลังเติบโต มีหลายสิ่งที่ต้องทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มจำนวนสาขา ด้านการฝึกอบรมบุคลากร ด้านการเงิน ด้านบริการ โดยจะต้องเน้นเรื่องการบริการให้เป็นที่พึงพอใจของลูกค้า

“แต่เราก็จะประมาทไม่ได้ เพราะธุรกิจมีการแข่งขันอยู่ตลอดเวลา มีหน้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ เราจะอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องปรับปรุงตัวอยู่เสมอ ให้สมกับที่ลูกค้าและคู่ค้าไว้วางใจเรามานานถึง 13 ปี และตั้งเป้านำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ อย่างน้อยปีละ 12 แบรนด์” เขากล่าวอย่างมุ่งมั่น

แนวคิดในการบริหารงาน

เขาบอกว่าผู้บริหารที่ดีควรจะมีโฟกัสที่ชัดเจนว่าต้องการอะไรและจะทำอะไร มีความมุ่งมั่นทุ่มเท มีความจริงจังแต่ไม่เคร่งเครียด มีวินัย รู้จักหน้าที่ มองหาโอกาสอยู่เสมอ ที่สำคัญควรมีอารมณ์ขันบ้างในการทำงาน มองโลกในแง่ดีเข้าไว้ จงเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ และโชคดีที่เขาบอกว่าไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรที่พบทางตัน ปัญหาที่เจอมันแก้ได้ อยู่ที่แก้แบบไหนแล้วมันเวิร์กที่สุด

“ยิ่งเราทำสินค้าที่เกี่ยวกับแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ เราต้องคิดแบบเด็กแบบวัยรุ่นบ้าง มองในมุมวัยรุ่นว่าเขาคิดและอยากได้อะไร คิดแบบเด็กบ้างจะได้ดูเด็กอยู่เสมอ เวลาไปเลือกสินค้าเข้ามาจะได้โดนใจวัยรุ่น” เขาหัวเราะอารมณ์ดี

มีแล้วต้องแบ่งปัน

เขาบอกว่าเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามั่นคงแล้ว อย่าลืมที่จะแบ่งปันให้กับคนที่ขาดโอกาสบ้าง จะทำบุญ ทำทาน อะไรก็ได้ที่ถูกจริตของตัวเอง เขาบอกว่าเขารักการเรียนให้ความสำคัญกับการศึกษา เขาจึงให้ทุนการศึกษาแก่เด็กๆ ผ่านโครงการของยูนิเซฟ และเวิลด์วิชั่น ให้ทุนการศึกษาแก่เด็กๆ ตั้งแต่ชั้นประถมจนจบมหาวิทยาลัยทุกปี ปีละ 35 คน ซึ่งจบปริญญาตรีไปแล้วเกือบ 10 คน “ผมเชื่อว่าการศึกษาแก้ปัญหาได้หลายอย่าง แก้เรื่องความจน แก้ปัญหาสังคมได้ สร้างโอกาส สร้างอาชีพ ให้เขาเป็นอนาคตของชาติ ตัวผมเองมาถึงตรงนี้ได้เพราะรักเรียนได้โอกาสดีๆ หลายอย่างในชีวิต คนเรามีแล้วควรให้คนอื่นบ้าง ไม่ต้องโลภมาก เอาพอประมาณ หลายคนที่มีกันอยู่นี่ก็เกินจะกินจะใช้มันมากพอที่จะแบ่งให้คนอื่นได้บ้าง” เขากล่าวทิ้งท้าย

ภาณุ ณรงค์ชัยกุล จบปริญญาตรีและโท ด้านการบริหาร ที่เอแบค

สะสมนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่น

ชอบออกกำลังกาย ทั้งตีกอล์ฟ เทนนิส ปิงปอง และโยคะ

งานอดิเรก ปลูกต้นไม้ ตกแต่งบ้าน

อนาคตอยากนำเข้าสินค้าเวชสำอางสำหรับผู้ชาย

&<2288;