posttoday

‘หญิงยุคใหม่นอกจากสวย ยังต้องเก่ง’ อรรัตน์ ปัญญาวรสกุล

13 พฤษภาคม 2556

ผู้หญิงไทยยุคนี้ต่างใส่ใจเรื่องความดูดี เก๋-อรรัตน์ ปัญญาวรสกุล จากวิศวกรสาวผู้คลุกคลีอยู่กับธุรกิจการ์เมนต์

โดย...วราภรณ์

ผู้หญิงไทยยุคนี้ต่างใส่ใจเรื่องความดูดี เก๋-อรรัตน์ ปัญญาวรสกุล จากวิศวกรสาวผู้คลุกคลีอยู่กับธุรกิจการ์เมนต์ ยังกระโดดลงมาสู่ธุรกิจด้านความงาม ด้วยการเปิด “Gardett เนชัลรัล สลิมมิ่ง เซ็นเตอร์” ในซอยสุขุมวิท 31 ตั้งมาได้ 1 ปีแล้ว ลูกค้าตบเท้าเข้ามารับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แวะเวียนเข้ามาใช้บริการเป็นที่น่าพอใจ อรรัตน์เล่าถึงแรงบันดาลใจของการทำธุรกิจ คือ ได้รับคำชักชวนจากเพื่อนซี้ วัชรา จิระตั้งมณีพรรณ ที่เป็นเพื่อนกันมา 10 ปี ตั้งแต่เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ ภาคอินเตอร์ ที่สนใจด้านความงามให้มาเปิดสลิมมิ่ง เซ็นเตอร์ เพราะพวกเธอเห็นว่า เทรนด์เรื่องความดูดี ผิวพรรณเรียบเนียน ไม่มีเซลลูไลต์ เป็นยอดปรารถนาของผู้หญิง

“คุณแม่ของเก๋ทำธุรกิจโรงงานการ์เมนต์ผลิตพวกเสื้อผ้าส่งออก พอเรียนจบเก๋ก็ไปช่วยคุณแม่บริหารโรงงาน ซึ่งการคุ้มคนงาน 300 กว่าคนก็เป็นเรื่องที่ยากมาก มาในช่วงหลังๆ ที่วัตถุดิบแพงขึ้น ค่าแรงแพงขึ้น เราก็ต้องนำหลักการประหยัดวัตถุดิบและใช้มันอย่างคุ้มค่ามาใช้ พอมีเพื่อนมาชวนลงทุนในธุรกิจความงาม เก๋ก็สนใจ เพราะเพื่อนลองใช้เครื่องนวดด้วยระบบสุญญากาศ ซึ่งเป็นนวัตกรรมของเยอรมนีผสานศาสตร์การดูดของเสียของจีนมาพัฒนาเป็นเครื่องที่ใช้นวดเซลลูไลต์ที่ขา แล้วเขาชอบมากๆ ก็เลยมาชวนเก๋ ซึ่งเราก็อยากลงทุนทำธุรกิจที่เป็นของเราเพิ่มเติมอยู่แล้ว แต่เรานำเทคโนโลยีมาผสานกับการนวดที่เป็นแบบฉบับของเรา ก็ช่วยตอบโจทย์ผู้หญิงที่รักความสวยความงามของการอยากมีรูปหน้าที่ได้รูป เพราะเราจะมีการนวดแบบสลายไขมันและทำให้เลือดหล่อเลี้ยงและขับถ่ายออกทางต่อมไร้ท่อได้ดี ซึ่งเก๋ลองใช้แล้วได้ผล ผู้หญิงไทยที่ห่วงสวยยุคนี้น่าจะชอบ”

สิ่งที่ทำให้ Gardett เนชัลรัล สลิมมิ่ง เซ็นเตอร์ นั่งอยู่ในใจลูกค้า คือ ผู้หญิงไทยยุคนี้มักมีปัญหาเรื่องเซลลูไลต์ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยทำงานเริ่มต้นที่มีกิจวัตรประจำวันคือ ทำงาน รับประทานอาหารมื้อเที่ยง แล้วก็กลับมานั่งจุ้มปุกหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดวัน ไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลเรื่องอาหารการกินและการออกกำลังกาย ส่งผลให้ผิวพรรณโดยเฉพาะต้นขาเริ่มมีปัญหาผิวเปลือกส้ม การนำนวัตกรรมเครื่องนวดสุญญากาศมาจากเยอรมนีมาผสานกับการนวดขับของเสีย และการใช้ทรีตเมนต์ที่มาจากส่วนผสมของธรรมชาติล้วนๆ จึงไม่อันตราย อรรัตน์ บอกว่า เป็นการบำบัดร่างกายแบบ “แบ็ก ทู เบสิก” จึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย

“ทำไมผิวผู้หญิงส่วนใหญ่จึงมีปัญหาเซลลูไลต์เพิ่มมาขึ้นตามอายุที่เพิ่ม นอกจากนี้เรายังมีปัญหาผิวพรรณหย่อนคล้อย หน้ามีริ้วรอย รูปร่างไม่สวย ที่ใบหน้าเราหย่อนคล้อยเพราะใต้ผิวของเรามีพังผืดเยอะจากการใช้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมากเกินไป เช่น ผิวบริเวณรอบปากจากการเคี้ยวและการพูดมากๆ ก็ทำให้กล้ามเนื้อใต้ผิวเกิดพังผืดดึง ทำให้รอยปากมีรอยย่น ซึ่งการนวดสลายช่วยได้”

หลักการทำการตลาด อรรัตน์ใช้หลัก “เวิร์ด ออฟ เมาท์” คือ พูดปากต่อปาก เนื่องจากเป็นธุรกิจไม่หวังผลกำไรมากและมีเงินทุนที่จำกัด แต่เมื่อธุรกิจอยู่ตัวก็ต้องอาศัยเพิ่มการทำการตลาดเพิ่ม เช่น พึ่งพาสื่อทางอินสตาแกรม การดึงคนดังมาใช้บริการเพื่อพูดต่อ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ยังอยากทำเป็นธุรกิจเล็กๆ แบบไปรเวตที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ลูกค้าเข้ามาแล้วเหมือนอยู่บ้าน รู้สึกผ่อนคลาย

“เราอยากทำตลาดเล็กๆ อยากช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องเซลลูไลต์และปรับรูปหน้าให้เหมาะสมแค่นั้น เราอยากให้บริการกับลูกค้าที่มีความภักดีต่อแบรนด์และซื้อคอร์สต่อเนื่องค่ะ”

ถึงแม้ไม่ได้จบด้านการแพทย์โดยตรง แต่ด้วยความสนใจใฝ่รู้และมีความรู้ด้านวิศวกรรมและเรียนสายวิทย์มาโดยตลอด เวลาพูดคุยเกี่ยวกับเทคโนโลยีเธอจึงเข้าใจได้ง่ายและเร็ว รู้ถึงวิธีการทำงานของเครื่องที่มีผลต่อเซลลูไลต์ในร่างกาย

“เก๋จบตรีวิศวะก็จริง แต่เก๋เรียนปริญญาโทด้านการจัดการ บวกกับเราสนใจความสวยความงามมาตั้งแต่เด็ก แต่ทำธุรกิจด้านความสวยความงามสนุก เพราะเวลาลูกค้าขาสวย หน้าได้รูปกลับไป เขาก็มีความสุข เราก็มีความสุขตามไปด้วย แต่ธุรกิจนี้ท้าทายเพราะเรามีคู่แข่งเยอะ แต่เราไม่ใช่คลินิค เราจึงไม่มีคู่แข่ง แต่เราจะให้ความรู้กับลูกค้า อธิบายกับลูกค้า ว่าการให้บริการเราเป็นอย่างไร อีกทั้งเราเทรนพนักงานก่อนเปิดจริงนานกว่า 3 เดือน ทั้งการนวดมัดกล้ามเนื้อ ตัวครีมเราให้ความสำคัญหมดค่ะ”

อย่างไรก็ดี การทำงานกับคนหมู่มาก เช่น ในโรงงานการ์เมนต์เธอมีลูกน้องที่ต้องดูแลมากถึง 400 คน ซึ่งการบริหารคนเป็นเรื่องที่ยาก ส่วนงานบริการก็ต้องตอบสนองความต้องการของลูกน้องให้ได้มากที่สุด

“การทำสถาบันความงามเรื่องความคาดหวังและความต้องการของลูกค้า ที่มากเกิน เช่น คนอายุ 50 ปี แต่อยากให้นวดแล้วใบหน้าเหลือคนอายุ 25 ปี มันเป็นไปไม่ได้ ส่วนเรื่องบริหารคน เช่น การบริหารจัดสรรพนักงานลาหยุด ลาป่วยสำคัญสุดเราต้องบริหารให้ได้ งานไม่สะดุด แต่หลักการบริหารคนให้ลงตัวของเก๋ คือ เราต้องเข้าใจและใส่ใจลูกน้อง ถ้าเขารู้สึกว่าเราเป็นนายที่ดี เขาก็จะตอบแทนดี เรียกว่าต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ เก๋จะคุยกับลูกน้องด้วยเหตุผลตลอด ทำไมถึงทำอย่างนี้ เก๋จะนิสัยผู้ชายนิดๆ เก๋ไม่ใช่ผู้หญิงวี้ดว้าย คุยกันด้วยเหตุผลดีกว่า การมีเหตุผลทำให้งานไม่มีปัญหา ถ้ามีปัญหาใช้เหตุผลในการพูดกัน ช่วยลดปัญหาได้จริง”

สำหรับเป้าหมายการใช้ชีวิต เก๋ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงวัยทำงาน และจะเออรี รีไทร์ตอนอายุสัก 50 ปี และจะตอบแทนคืนกลับสู่สังคมบ้าง เช่น การแบ่งปันให้กับเด็กๆ ด้วยการสร้างโรงเรียนให้เด็กด้อยโอกาส ที่สนใจเรื่องเด็กเพราะเด็กจะเป็นกำลังสำคัญของชาติต่อไป เด็กที่ดีวันนี้คือผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต ถ้าเด็กดี สังคมก็ดี

สุดท้ายอรรัตน์ อยากฝากบอกผู้หญิง เรื่องคุณค่าของผู้หญิง ว่าสวยต้องคู่กับสมองดีด้วย เพราะตอนนี้ผู้ชายเห็นผู้หญิงสวยหมดเพราะผู้หญิงยุคนี้ต่างดูดี หากยิ่งสวยด้วยฉลาดด้วย จะเป็นที่ดึงดูด

“ผู้หญิงยุคนี้คิดว่าเราไม่ใช่ช้างเท้าหลังอีกต่อไป แต่เรามีความคิดทำธุรกิจมีรายได้ และทำด้วยตัวเองได้แล้ว ดังนั้นเราจะเดินไปและใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน พอผู้ชายเห็นผู้หญิงทำงาน เราจะมีคุณค่าในสายตาเขาค่ะ”

เก๋อรรัตน์ ปัญญาวรสกุล อายุ 30 ปี

การศึกษา จบมัธยมปลาย ที่เซ็นต์โยเซฟคอนเวนต์

ปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาอุตสาหการ ภาคอินเตอร์

ปริญญาโท คณะ Business Management ที่ University of Portland, สหรัฐอเมริกา

ปัจจุบันทำงาน บริหารธุรกิจครอบครัวที่ บริษัท เจียบฮงการ์เมนท์

หุ้นส่วนและเจ้าของ Gardett เนชัลรัล สลิมมิ่ง เซ็นเตอร์

ต้นแบบทำงาน : “โลว์โมเดลของเก๋คือคุณแม่นันทพร คุณแม่เป็นผู้หญิงเก่งบริหารโรงงานด้านการ์เมนต์ดูแลลูกน้อง 400 คนได้อย่างสบายๆ ลูกของคุณแม่ทั้งหมด 8 คน คุณแม่ดูแลเองและทำงานควบคู่กันไปด้วย หากมีปัญหาคุณแม่จะพูดเตือนสติอยู่เสมอว่า ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม”

ชอบอ่านหนังสือธรรมะ : ธรรมะช่วยเรื่องหลักการคิด เพราะเก๋ทำงานเยอะ บางครั้งรู้สึกเครียดจนตากระตุก แต่เมื่อศึกษาธรรมะรู้สึกทำให้ปล่อยว่าง และคิดเสมอว่าปัญหามีไว้แก้ เก๋รู้สึกเลี่อมใสพระอาจารย์มิตซุโอะ เควสโก มากๆ ท่านสื่อธรรมะได้เข้าใจง่าย เช่น คุณรู้ไหมว่า สุขก็คือทุกข์ชนิดหนึ่ง แค่เราไม่มีสุขเราก็รู้สึกทุกข์แล้ว เช่น คนเคยมีและไม่มี ดังนั้นเราจึงต้องปล่อยวาง หลักธรรมอีกหลายๆ ข้อสามารถปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้

หนังสือเล่มล่าสุดที่อ่าน : “เก๋ชอบอ่านหนังสือธรรมะและนวนิยาย ตอนนี้กำลังอ่านกรรมพยากรณ์ เป็นกึ่งธรรมะนิยาย หนังสือเขียนถึงชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งกลุ้มกับชีวิตมาก ชีวิตนางเอกเกิดอะไรขึ้นและบอกวิธีแก้คืออะไร เก๋เป็นผู้หญิงยุคใหม่แต่เราสนใจธรรมะ ธรรมะจะทำให้เมื่อเราเจอปัญหา เราจะหาวิธีแก้ปัญหา แต่อย่าคิดว่าทำไมปัญหาเกิดขึ้นกับเรา เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้น เอาสมองไปหาวิธีแก้ไขดีกว่า