posttoday

ชีวิตหลากหลายมุม ภิเสกสัณห์ ธนหิรัญสกุล

07 พฤษภาคม 2556

จากเด็กมงฟอร์ตวิทยาลัย จ. เชียงใหม่ สู่นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สู่โลกกว้างเหมือนนกโผบิน

โดย...ตุลย์ จตุรภัทร ภาพ โฟโต้เบิร์ด อิ่มบุญสตูดิโอ เชียงใหม่

จากเด็กมงฟอร์ตวิทยาลัย จ. เชียงใหม่ สู่นิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สู่โลกกว้างเหมือนนกโผบิน เพื่อไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านกลยุทธ์การตลาด ณ ยูนิเวอร์ซิตี ออฟ กรีนิช ลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลังจากจบการศึกษา “เบิร์ท-ภิเสกสันห์ ธนหิรัญสกุล” ก็ได้เลือกเส้นทางชีวิตด้วยการกลับมาทำงานที่เชียงใหม่อีกครั้ง ในฐานะผู้บริหาร นิตยสาร “FINE DAE Magazine”

“ก่อนหน้าที่ผมจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษ ผมได้ทำงานที่โรงแรมโฟร์ ซีซัน รีสอร์ต เชียงใหม่ ครับ ซึ่งก็ไม่ได้ทำงานด้านกฎหมายตามที่ได้ร่ำเรียนมา (หัวเราะ) กับที่โรงแรมนี้ ผมเริ่มงานเป็นพนักเสิร์ฟ และมาเป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าในตำแหน่งคองเซียร์จ เป็นเวลากว่า 3 ปี ตรงจุดนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์การทำงานที่เป็นระดับสากล ที่สอนให้ผมเข้าใจถึงการบริหารจัดการในภาคของธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรม ทำให้ผมเป็นคนช่างสังเกต ละเอียดรอบคอบ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ทันท่วงที รวมทั้งรู้จักวางตัวและใช้คำพูดเป็น ที่สำคัญ ผมได้มีโอกาสต้อนรับบุคคลสำคัญระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่าอย่างมากในการทำงานครั้งแรกในชีวิต”

เมื่อไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ภิเสกสัณห์ยังได้ทำงานพิเศษที่โรงแรมโฟร์ ซีซัน คาเนรี่ วาร์ฟ ควบคู่ไปด้วย ณ ที่แห่งนี้ เขาได้ต่อยอดประสบการณ์การทำงานในระดับสากลเพิ่มมากขึ้น จนทำให้เขาได้รับการเชิญชวนจากเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นหุ้นส่วนในปัจจุบัน ให้มาทำสื่อประชาสัมพันธ์ด้วยกัน ซึ่งภิเสกสัณห์ก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเลใจ

“สำหรับการทำสื่อประชาสัมพันธ์ ในรูปแบบนิตยสารแจกฟรี ผมทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการ ซึ่งก็ได้เรียนรู้ขั้นตอนการผลิตนิตยสารในกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่งานกองบรรณาธิการ การออกแบบดีไซน์ การพิมพ์ และงานการขาย ที่ต้องเข้าใจและเข้าถึงลูกค้า รวมทั้งบริหารจัดการองค์การด้วยครับ”

ในฐานะบรรณาธิการนิตยสารแจกฟรี เขามองจังหวัดเชียงใหม่ว่า เป็นจังหวัดแห่งโอกาส เป็นศูนย์กลางของธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ที่พักอาศัย และการศึกษา ซึ่งก็เป็นโอกาสของการทำนิตยสารแจกฟรีด้วย ในแง่ของกลุ่มลูกค้าที่ลงโฆษณา

“ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา กลุ่มลูกค้าที่ลงโฆษณาในแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกันไปอย่างมาก เริ่มจากกลุ่มลูกค้าที่มุ่งเน้นไปกับ

การทำตลาดโฆษณากับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาเป็นหลัก ผ่านไปสักระยะ นักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางเริ่มเข้ามามีบทบาท และขยับมาเป็นเกาหลี และจีนที่มาแรงที่สุดในขณะนี้ จึงทำให้เราซึ่งเป็นคนผลิตนิตยสารแจกฟรี ต้องปรับตัวไปตามกลุ่มนักท่องเที่ยว และกลุ่ม

ธุรกิจใหม่ๆ เป็นสำคัญ อย่างในขณะนี้ ธุรกิจที่เติบโตอย่างมากในเชียงใหม่คือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมีเนียม บ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งระดับพรีเมี่ยม และไฮเปอร์ มาร์เก็ต ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี มอลล์ รวมถึงธุรกิจโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร ความบันเทิงต่างๆ ก็เป็นเงาตามตัว ซึ่งเราต้องตีโจทย์ในการสร้างเนื้อหา และคอนเทนต์ เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ อีกทั้งยังต้องตอบโจทย์กลุ่มคนอ่านด้วย เพื่อสอดประสานให้ทั้งคนลงโฆษณาและคนอ่านได้เข้าถึงซึ่งกันและกัน”

ภิเสกสัณห์มองว่า คนทำธุรกิจสื่อประชาสัมพันธ์จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือ การใช้เทคโนโลยีทางด้านไอทีเข้ามาส่งเสริมการผลิต โดย

การทำเนื้อหาออกมาครั้งเดียว แต่ใช้คอนเทนต์นั้นให้คุ้มค่าที่สุดไปกับโซเชียล มีเดีย ในช่องทางต่างๆ ให้มากที่สุด

“ณ เวลานี้ สื่อกระดาษอย่างเดียวไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านและลูกค้าที่ลงโฆษณาได้ทันท่วงที การนำเทคโนโลยีมาต่อยอดการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ด้วยระบบเออาร์ โค้ด ก็กำลังเป็นที่นิยม และเราก็นำมาใช้ในการทำการโฆษณาให้ลูกค้าในตอนนี้ การทำธุรกิจโฆษณานิตยสารแจกฟรีในวันนี้จึงแตกต่างไปจากเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ผมมีความสุขและสนุกไปกับธุรกิจนี้นะ (หัวเราะ) เพราะโจทย์ที่ได้รับในแต่ละวัน ทำให้ผมได้เจอเรื่องราวใหม่ๆ ผู้คนใหม่ๆ ที่คอยมาเติมและสร้างสีสันของประสบการณ์ให้ผมได้สัมผัสและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา การได้สัมภาษณ์บุคคลหรือทำสกู๊ปเรี่องใดเรื่องหนึ่ง ทำให้ผมได้รู้ถึงความคิดและมุมมองการใช้ชีวิตของบุคคลนั้น ถามว่าเหนื่อยและท้อแท้ไหม ก็ยอมรับว่ามีแน่นอน เพราะงานทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นและง่ายดาย ผมว่าผมมีทีมงานที่คอยช่วยเหลือ สนับสนุน และส่งเสริมให้การทำงานมันขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี ตรงนี้ผมก็ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่อยู่เคียงข้างกันมาครับ”

หลังจากทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ ภิเสกสัณห์ก็ได้ให้เวลาแห่งการผ่อนคลาย ด้วยการฝึกโยคะ ซึ่งเขาฝึกมาได้ 4 ปีแล้ว

“โยคะในความคิดของผมนั้นเป็นมากกว่าการบริหารร่างกาย เพราะหลักการโยคะที่ลึกซึ้ง มุ่งเน้นไปที่จิตใจและการรับรู้ภายในของเรามากกว่า การเคลื่อนไหวโดยมีสติกำกับ ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง การหายใจเข้าให้ลึกและออกให้ยาวนั้น ทำให้เราได้เรียนรู้ถึงความรู้สึกลึกๆ ข้างในว่าเรารู้สึกอย่างไร เจ็บไปไหม ฝืนไปไหม ผ่อนคลายเป็นอย่างไร สบายอยู่ตรงไหน และสุดท้ายความสุขจากการฝึกโยคะจะเป็นไปเองหากเราตอบเสียงภายในร่างกายเราได้ ทุกครั้งที่ผมใช้เวลาอยู่บนเสื่อโยคะ ผมได้อยู่กับตัวเองมากที่สุด พักทุกสิ่งออกจากความคิด บางครั้งมีเข้ามารบกวนบ้าง แต่ผมก็รู้ที่จะตัดความคิดที่มารบกวนออกไปก่อนได้ โยคะทำให้เกิดความสมดุลในร่างกายและใจครับ ทำให้มีพลังในการลุกขึ้นมาจัดการกับปัญหาต่างๆ ในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี”

นอกจากฝึกโยคะแล้ว ภิเสกสัณห์ยังใช้เวลาว่างเดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ ไปดูในสิ่งที่ไม่เคยเห็น ไปสังเกตดูว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนำมาต่อยอดทางความคิดในเรื่องต่างๆ ได้

“ผมยังชอบอ่านหนังสือแนวปรัชญา การใช้ชีวิต จิตวิญญาณ และหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์โยคะ ที่อ่านอยู่ประจำก็จะเป็นงานเขียนของท่านโอโช ท่านเป็นนักปรัชญาและจิตวิญญาณชาวอินเดีย ท่านมีมุมมองที่มุ่งเน้นในการเคารพความเป็นปัจเจกชนของบุคคล ท่านแนะว่าคนทุกคนควรมีอิสรภาพในการใช้ชีวิต เพราะการที่เรามีอิสรภาพในการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์นั้น จะทำให้เราค้นพบความงดงามในตัวเราเอง ไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขและกฎเกณฑ์ที่ทำให้ถูกตีกรอบทางความคิด แต่การมีอิสรภาพในการใช้ชีวิตนั้น ต้องมาพร้อมกับการมีความรับผิดชอบที่เต็มเปี่ยมด้วย คือไม่ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน อีกท่านคือ อาจารย์ดังตฤณ ที่ผมอ่านงานเขียนท่านเป็นประจำ ซึ่งเป็นการสอนให้เราเข้าใจ และเรียนรู้การใช้ชีวิตโดยใช้หลักธรรมเป็นที่ตั้ง เมื่อก่อนผมเป็นคนใจร้อน ทำอะไรลงไปแล้วอยากเห็นผลเร็วๆ แต่วันนี้ผมเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า บางอย่างเราต้องเดินไปพร้อมๆ กับเวลา โดยทำโอกาสที่ได้มาให้ดีที่สุด ผลจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็พร้อมที่จะรับมันอย่างเต็มใจ และพร้อมที่จะแก้ไข ผมบอกตัวเองเสมอว่า การเข้าใจและยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ จะทำให้เราอยู่ในฟากของความสุข ความจริงในความคิดของผมคือความเปลี่ยนแปลง การเข้าใจและการยอมรับความจริงได้ก็คือการยอมรับและเข้าใจความเปลี่ยนแปลง เพราะในชีวิตเราไม่มีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน เรารู้แล้ว เรายอมรับเข้าใจแล้ว ณ เวลานั้นเราก็อยู่กับความเปลี่ยนแปลงนั้นได้อย่างเป็นสุข”

นิยามของคำว่า “วันดีๆ”

วันดีๆ คือการทำสิ่งดีๆ ที่นำมาซึ่งความสุข พอมีความสุข เราก็จะทำให้วันนั้นเป็นวันที่ดี แต่แน่นอนว่าปัญหาหรือสิ่งรบกวนใจมีเข้ามาอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะจัดสรรความคิดและมองปัญหานั้นให้เบ็ดเสร็จ ให้มีทางออกยังไง ถ้าเจอปัญหา แล้วเปลี่ยน ห เป็น ญ ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาเราก็จะพบเจอทางออก

เหรียญสองด้านของเบิร์ท ภิเสกสัณห์

ในการทำงานด้านสื่อประชาสัมพันธ์ แน่นอนว่าย่อมต้องพบปะผู้คนมากมาย ต้องออกงานสังคมอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่เสร็จงานขึ้นรถปิดประตู จะทิ้งทุกอย่างไว้ตรงนั้น บอกกับตัวเองว่าฉันได้กลับมาอยู่กับตัวเองแล้ว ฉันเป็นตัวของฉันแล้ว