posttoday

พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ภารกิจการให้แบบไม่มีเงื่อนไข

26 มีนาคม 2556

ทุกครั้งที่ได้เห็นผู้ป่วยนั่งรอหมอในห้องแอร์เย็นๆ อาคารใหม่ๆ อย่าว่าแต่เม่ยเลย แม้แต่คนที่ขายของอยู่ที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ยังภูมิใจอยู่ลึกๆ เลยว่า เมื่อ 5 ปีก่อน

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา ภาพ : วิศิษฐ์ แถมเงิน

“ทุกครั้งที่ได้เห็นผู้ป่วยนั่งรอหมอในห้องแอร์เย็นๆ อาคารใหม่ๆ อย่าว่าแต่เม่ยเลย แม้แต่คนที่ขายของอยู่ที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์ยังภูมิใจอยู่ลึกๆ เลยว่า เมื่อ 5 ปีก่อน เราได้มีส่วนช่วยกันสร้างอาคารแห่งนี้ขึ้นมาจนสำเร็จ” เม่ย-พรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ สาวร่างเล็กดีกรีนักเรียนนอก ที่ผันตัวเองขึ้นมาเป็นผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ เผยถึงความภูมิใจและความสุขเล็กๆ จากการเป็นผู้ให้อย่างอารมณ์ดี

หลายปีก่อนสื่อหลายฉบับพากันสาดสปอตไลต์ไปที่เธอ ในฐานะผู้มีส่วนสำคัญในการระดมทุน ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ จนสามารถผลักดันเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว รวมถึงการหาทุนเพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท จนสำเร็จ จากวันนั้นถึงวันนี้ สาวเม่ยในวัย 30 ยังเดินหน้าภารกิจเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์อย่างไม่ขาดสาย ทว่าเมื่อได้ล้วงลึกถึงบทบาทของเธอแล้ว ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

การให้ที่ดีที่สุดคือการให้ชีวิต

“จริงๆ หน้าที่ของเม่ยไม่ได้จำกัดแค่การระดมทุน แต่รวมถึงงานด้านการบริหารจัดสรรทุกทรัพยากรที่ได้รับบริจาคให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของคนไทยผ่านการดำเนินการของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงการวางแผนและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรเพื่อให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ” สาวเม่ยให้คำจำกัดความถึงบทบาทในฐานะผู้จัดการมูลนิธิ ซึ่งเดิมเธอตั้งใจจะทำแค่ 2 เดือน แต่จวบจนวันนี้กลับกินเวลานานถึง 5 ปี

เม่ยเผยถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจจะทำงานตรงนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบสิ่งที่น่าสนใจกว่าจึงจะหยุด ว่า อาจเป็นเพราะเธอได้เห็นถึงคุณค่าในงานที่ทำ ซึ่งเป็นประตูให้เธอได้ช่วยชีวิตคนทั้งที่เธอไม่ได้เป็นหมอ ได้ช่วยเหลือผู้ยากไร้ทั้งที่เธอไม่ได้มีเงินทองมากมาย

“โชคดีที่เม่ยเป็นคนไม่คิดเยอะ ตอนแรกที่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งชวนเข้ามา เม่ยก็ไม่ได้คิดแบบสุดขั้วว่าอยากเข้ามาช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน แต่ก็คงคิดเหมือนคนทั่วไปถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำสิ่งที่ดีๆ ในทางกลับกัน เม่ยไม่เคยคิดว่าคนอื่นโชคดีที่เรามาทำงานตรงนี้ให้ แต่เราคิดว่าเราโชคดีต่างหากที่มีโอกาสได้ทำงานตรงนี้”

สมการชีวิต เมื่อให้ = รับ

อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเชื่อว่าขณะที่เธอกำลังทำหน้าที่เป็นผู้ให้อย่างไม่มีเงื่อนไง จู่ๆ ชีวิตของเธอจะเดินมาถึงจุดหักเหครั้งสำคัญ เมื่อเธอได้ทราบข่าวร้ายหลังจากมาทำงานที่มูลนิธิแห่งนี้เพียง 1 ปี ว่าเธอป่วยเป็นโรคสะเก็ดเงินที่ข้อเท้า ซึ่งเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดไม่ได้ ที่ทำได้เพียงฉีดยาและกินยาไปทั้งชีวิต มิฉะนั้นเธออาจกลายเป็นคนพิการ

“ตอนที่เม่ยรู้ว่าตัวเองป่วยก็เสียศูนย์ไป 23 วันเหมือนกันค่ะ แต่หลังจากนั้นเชื่อมั้ยว่าเม่ยแทบจะไม่เคยจิตตกอีกเลย จะมีบ้างที่แวบเข้ามาในหัวแค่ 5 วินาทีเท่านั้น เพราะเม่ยมีโอกาสได้เห็นว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน มีคนอีกหลายคนที่เจ็บหรือแย่กว่าเม่ย หรือคนที่ไม่มีเงินรักษาและต้องยอมเป็นคนพิการ”

สาวแกร่งเล่าถึงความโชคดีในโชคร้ายต่อว่า เธอมีโอกาสได้ฟังคำสัมภาษณ์ของเด็กคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคเดียวกับเธอแต่ไม่มีเงินรักษา เพราะยามีราคาสูงมาก ราวเข็มละ 7 หมื่นบาท กระทั่งได้รับการช่วยเหลือจากทางมูลนิธิ ทำให้ในช่วงแรกยังสามารถไปเรียนได้ แต่พอครบ 1 ปี ตามระเบียบของมูลนิธิทำให้ไม่สามารถช่วยเหลือต่อไปได้ เด็กคนนี้สุดท้ายจึงต้องเป็นคนพิการ จากเด็กที่เรียนดีได้รางวัลก็ไม่สามารถไปโรงเรียนได้อีก สุดท้ายเด็กคนนี้กลับไม่โทษโชคชะตา แต่กลับพูดประโยคที่กินใจออกมาว่า “คนเราเลือกเกิด เลือกเป็นไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะคิดยังไงกับสิ่งที่เราเป็น และจะทำยังไงกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ได้”

ถึงจุดนี้เม่ยเล่าด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะสั่นเครือว่า ฟังประโยคนี้แล้วทำให้เธอคิดได้ว่าเด็กคนนี้อายุน้อยกว่าเธอตั้งเยอะ อยู่ในสภาพที่แย่กว่าเธอมากทั้งที่เป็นโรคเดียวกัน แล้วเธอจะมาจิตตกอยู่ทำไม ดังนั้นทุกวันนี้แม้จะป่วยทางกาย แต่จิตใจเธอยังแข็งแรง เธอยังพร้อมที่จะมีความสุขกับทุกวันกับภารกิจการให้แบบไม่มีเงื่อนไขของเธอ

สำหรับเป้าหมายในอนาคตของเธอ เธอบอกว่า อยากจะสร้างความยั่งยืนให้กับมูลนิธิ เพื่อที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มูลนิธินี้ก็ยังสามารถดำเนินกิจกรรมไปด้วยกลไก ด้วยนโยบายที่เป็นแกนในการขับเคลื่อน แทนที่จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งหนทางไปสู่จุดที่หวังคือการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนเข้าไป

อาชีพในฝัน : คนขายขนมครก เพราะชอบกินมาก

หลักในการใช้ชีวิต : อยู่กับปัจจุบัน ใช้สติและเหตุผลทั้งในเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว

กิจกรรมยามว่าง : ฟังเพลง ทำอาหาร เล่นกับสุนัข ไปสปา

ผลงานที่ภูมิใจ : ทุกอย่างที่ได้ทำนับตั้งแต่ทำงานให้มูลนิธิ

อนาคต : เป็นผู้จัดการมูลนิธิไปจนกว่าจะเจอสิ่งที่ใช่กว่า

อยากเป็นผู้ให้ เชิญทางนี้

สำหรับผู้ที่มีความประสงค์ร่วมให้ชีวิตใหม่แก่ผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้ได้รับโอกาสการรักษ สามารถร่วมบริจาคสมทบทุน “โครงการพัฒนาอาคารและจัดหาเครื่องมือแพทย์แก่ผู้ป่วยยากไร้” สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02-201-1111 หรือคลิกที่ www.ramafoundation.or.th