posttoday

"บ้านพิพิธภัณฑ์"วันนี้ยังน่าเที่ยว

10 มีนาคม 2556

บ่ายวันนั้น ฝนสาดลงมาไม่ให้สุ้มให้เสียง โชคดีเหลือเกินที่ผมพาตัวเองหลบเข้ามาในบ้านพิพิธภัณฑ์เป็นที่อุ่นใจเสียก่อน

บ่ายวันนั้น ฝนสาดลงมาไม่ให้สุ้มให้เสียง โชคดีเหลือเกินที่ผมพาตัวเองหลบเข้ามาในบ้านพิพิธภัณฑ์เป็นที่อุ่นใจเสียก่อน

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

บ่ายวันนั้น ฝนสาดลงมาไม่ให้สุ้มให้เสียง โชคดีเหลือเกินที่ผมพาตัวเองหลบเข้ามาในบ้านพิพิธภัณฑ์เป็นที่อุ่นใจเสียก่อน

แหม ช่างหลบฝนได้อย่างสร้างสรรค์จริงๆ ว่าไหม

บ้านพิพิธภัณฑ์ (House of Museums) ตั้งอยู่ในซอยคลองโพ 2 ถนนศาลาธรรมสพน์ ย่านพุทธมณฑลสาย 2 เปิดให้บริการมานานกว่า 12 ปีแล้ว รับรู้กันดีว่าที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนตัวอันเกิดจากแรงกายแรงใจ และทุนทรัพย์ส่วนตัวของนักเขียนสารคดีชื่อดัง เอนก นาวิกมูล

แต่อุทกภัยใหญ่ครั้งล่าสุด ได้สร้างความเสียหายแก่พิพิธภัณฑ์ น้ำท่วมมิดหัว แม้จะมีการเตรียมพร้อมอพยพขนย้ายแต่เนิ่นๆ แต่ก็มีข้าวของเสียหายไปเป็นจำนวนไม่น้อย จำต้องหยุดให้บริการชั่วคราว เพื่อซ่อมแซม จัดแจงกันใหม่

ในที่สุดก็เปิดให้บริการสาธารณชนอีกครั้ง ในวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมานี้เอง

เหลียวมองรอบๆ เข้าใจเลยว่าทำไมเราคนไทยจึงควรมาเที่ยวชมที่นี่สักครั้ง มาเพื่อย้อนรำลึกถึงอดีตอันหอมหวาน ขุดคุ้ยความทรงจำสมัยวัยเยาว์ให้กลับมาโลดเต้น บ้านพิพิธภัณฑ์ฉายภาพวิถีชีวิตชาวตลาดชาวเมืองยุค พ.ศ. 2500 ได้อย่างแจ่มแจ้งจับต้องได้ดีที่สุดแล้ว

บ้านพิพิธภัณฑ์แบ่งพื้นที่ออกเป็นสองหลัง หลังแรกประกอบด้วย 3 ชั้น เปิดประตูเข้าไปจะพบกับร้านของเล่น ร้านขายของจิปาถะ และร้านขายของที่ระลึก จำลองรูปแบบห้องแถวร้านตลาดในสมัยก่อนเปี๊ยบ

เชื่อว่าหลายคนคงมึนตึ้บ วางแผนไม่ถูกว่าจะเริ่มดูจุดไหนเป็นอันดับแรก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนน่าสนใจ ตั้งแต่ของเล่นเด็ก จำพวกตุ๊กตุ่นตุ๊กตาสีสันสดสวย โมเดลรถแข่ง มอเตอร์ไซค์ เครื่องบินขนาดจิ๋วรุ่นต่างๆ สลากชิงโชค จนถึงเกมเศรษฐีที่นิยมเล่นกันในแต่ละยุค

สัมผัสบรรยากาศร้านขายยา โดดเด่นด้วยถังเหล็กใส่น้ำหวานอันคร่ำครึ แค่เห็นก็ทึ่งแล้ว ไหนจะตู้ยาเป็นชั้นเป็นช่อง หลังตู้กระจก มีกล่องยาอม ซองยาแก้ไข้ ตลับยาหม่อง ขวดยาแก้ไอ พลาสเตอร์ยา ฯลฯ เก็บตกมาทุกยุคทุกสมัย วางเรียงรายอวดโฉม

ร้านขายขนมนี่ขอบอกว่าทีเด็ด ไม่ว่าจะขนมถุงขนมขบเคี้ยว หมากฝรั่ง ลูกอม กระจุกกระจิกละลานตา สนนราคาตั้งแต่บาทเดียวจนถึงไม่กี่สิบบาท ซื้อมากินแล้วน้ำตาจะไหล คิดถึงสมัยตัวเองเป็นเด็ก เที่ยววิ่งเล่นขอเงินแม่

เดินขึ้นชั้นสอง ผ่านป้ายโฆษณาเก่าแก่สะดุดตาบนกำแพง ก็จะพบกับโรงหนัง โรงพิมพ์ ร้านตัดผมตัดเสื้อ ร้านให้เช่าหนังสือนิยาย ร้านถ่ายรูป ห้องครัวไทยร่วมสมัย ทั้งหมดให้อารมณ์คลาสสิกยากจะบรรยาย มีข้าวของเครื่องใช้ทุกชนิดเหมือนคำว่า “สากกะเบือยันเรือรบ” อย่างไรอย่างนั้น

ชั้นบนสุด แลดูเงียบสงบ มีเพียงพัดลมส่ายไล่ความร้อน จัดแสดงห้องเรียนในสมัยก่อน กระดานดำ โต๊ะเก้าอี้ตัวเล็ก ห้องทำงานนายอำเภอ ขรึม ขลัง เป็นระเบียบเรียบร้อย ร้านขายแผ่นเสียง เปิดเพลงร็อกแอนด์โรลคลอเคล้าเบาๆ ตลับเทปวงดนตรีชื่อก้อง แผ่นเสียงเพลงลูกทุ่งเก่าๆ ล้วนน่าอนุรักษ์ หรือร้านขายวิทยุโทรทัศน์ ร้านทอง ร้านสรรพสินค้าก็น่าหยุดแวะเยี่ยมชม

ข้าวของทั้งหมด ส่วนใหญ่มาจากการบริจาค อีกส่วนหนึ่งมาจากการซื้อด้วยเงินรายได้เท่าที่พอมี เพื่อให้มีของแปลกๆ มาเสริมให้ผู้ชมได้ดูของมากขึ้นเรื่อยๆ

พี่เอนก ผู้ก่อตั้งบ้านพิพิธภัณฑ์ เล่าให้ฟังด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่าเหตุที่จัดทำบ้านพิพิธภัณฑ์ขึ้นมา ก็เพราะเห็นว่าของดีจำนวนมากถูกทิ้งไปโดยเปล่าประโยชน์ เช่น ตู้โต๊ะตั่งเตียงสวยๆ แบบเรียน ป้ายโฆษณา ขวดน้ำอัดลม แก้วน้ำ ชามก๋วยเตี๋ยว กล้องถ่ายรูป ของแถม ของเล่น กระบอกเสียง ฯลฯ

เดินทอดน่องมายังบ้านหลังที่สอง ผ่านบรรยากาศริมน้ำนอกชาน มีร้านกาแฟสุดสัปดาห์คาเฟ่ ขายชากาแฟ นม ขนมเบเกอรีอร่อยๆ ให้รองท้อง ท่ามกลางต้นไม้เขียวขจีพร่างพราวด้วยเม็ดฝน อากาศแสนสบาย ใกล้กันเป็นหน้าร้านกาแฟ ร้านขายของชำ ร้านทำฟัน ร้านทอง ตลอดจนแผงหนังสือข้างทาง ซึ่งตอนนี้มีชายชราสองคนกำลังนั่งคุยฟุ้งเรื่องความหลังกันอย่างออกรส

อิ่มอกอิ่มใจ สมกับที่ประกาศไว้บนป้ายของบ้านพิพิธภัณฑ์ ด้วยตัวอักษรสวยๆ ตามสโลแกนว่า “เก็บวันนี้ พรุ่งนี้ก็เก่า”

อ้อ ลืมบอก ที่นี่เสียค่าเข้าชมด้วย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท ถูกแสนถูก คุ้มค่ามากๆ เงินที่ได้ก็จะนำเอามาบำรุงรักษาของสะสมเหล่านี้แหละครับ ถ่ายรูปได้ทุกจุด ขอร้องเพียงอย่าเคลื่อนย้ายสิ่งของใดๆ เท่านั้นเอง

ความฝันสูงสุดของไอดอลนักสะสมท่านนี้คือ อยากขยับขยายโครงการสร้างพิพิธภัณฑ์ในชื่อ “ตลาดเล็กๆ” (Little Market) ในพื้นที่ขนาด 45 ไร่ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์และที่พักผ่อนในรูปตลาดริมน้ำ มีคูคลอง อาคารร้านรวง แต่งบประมาณนั้นมหาศาล โครงการนี้จึงต้องการผู้มีกำลังทรัพย์ที่ใจบุญ บริจาคที่ดินและงบประมาณ จะสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้

ก็คงต้องอดทนรอคอยกันต่อไป หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเราคนไทยคงจะโชคดีได้เห็นบ้านพิพิธภัณฑ์แห่งที่สอง ใหม่ และใหญ่กว่าเดิม

บ้านพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 170/17 หมู่ที่ 17 ซอยคลองโพ 2 ถนนศาลาธรรมสพน์ (ถนนเล็ก ต่อจากปลายถนนพุทธมณฑลสาย 2 ด้านทางรถไฟ) เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ 10.00-17.00 น. โทร. 08-9200-2803 (เอนก) 08-9666-2008 (วรรณา)