posttoday

วิลาสินี สิงห์สัจจเทศ ถึงเวลามีแบรนด์เป็นของตัวเอง

15 มกราคม 2556

ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของบริษัท ยัสปาล วิลาสินี สิงห์สัจจเทศ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการ ด้วยวัยไม่ถึง 30 ปี

โดย...อณุสรา ทองอุไร &<2288;

ผู้บริหารรุ่นที่ 2 ของบริษัท ยัสปาล วิลาสินี สิงห์สัจจเทศ ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการ ด้วยวัยไม่ถึง 30 ปี แต่เธอก็มุ่งมั่นที่จะได้เริ่มต้นสร้างแบรนด์ของตัวเองที่เพิ่งเปิดตัวมาเมื่อเร็วๆ นี้ กับแบรนด์ มิสตี้ มิ้งซ์ ซึ่งถือว่าเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์สำหรับแฟชั่นนิสตารุ่นใหม่ที่ชอบเสื้อผ้าที่ช่วยเติมเต็มชีวิตของสาวยุคใหม่ให้สวยมั่นใจทันสมัยในทุกเวลาและทุกโอกาส

ด้านการศึกษา เธอจบปริญญาตรีด้านการตลาดและบริหารจากมหาวิทยาลัยมหิดลอินเตอร์ และปริญญาโทด้านแฟชั่นจากประเทศอังกฤษ หลังจากเรียนจบเธอเริ่มทำงานให้กับแชปและยัสปาลมาเกือบ 7 ปี จนกระทั่งขอสร้างแบรนด์ของตัวเองร่วมกับพี่ชายและน้องสาวเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อจะได้มีแบรนด์ใหม่ๆ ในรุ่นของเราบ้าง เพราะอยากต่อยอดธุรกิจจากสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทำ

“ยัสปาลกับแชปเกิดมาก็อยู่ตัวแล้ว จุดเด่นของแบรนด์คือหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ชอบสีสัน รักอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ชอบชีวิตสนุกสนาน มีชีวิตชีวา ขี้เล่นแสนซนในบางอารมณ์ หรือเซ็กซี่ในบางเวลา เสื้อผ้าจะครบวงจรทั้งแบบใส่ไปทำงานได้ ไปเที่ยวเล่น ไปงานปาร์ตี้ ไปพักผ่อน ไปออกกำลังกาย ไปเข้าคอร์สโยคะ ไปทะเล หรือแม้วันสบายๆ เวลาอยู่บ้านแบบพร้อมรับแขกได้เลย เพราะมีเสื้อผ้าหลากหลายกลุ่มมาเอาใจคุณสาวตั้งแต่วัยรุ่นไปจนวัยทำงาน แบบที่เรียกว่า รีสอร์ตแวร์ สำหรับวันหยุดพักผ่อนริมชายทะเล แบบเลานจ์แวร์ ที่พร้อมเพิ่มเสน่ห์ในวันพักผ่อนให้ดูดีมีสไตล์มากขึ้น แบบเลานจ์ แอ็กทีฟ ที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้คุณสาวๆ ยามออกกำลังกาย แบบสลีปแวร์ ที่ช่วยให้คุณสาวๆ ดูดี แม้ในยามนอนหลับ พร้อมด้วยแอกเซสซอรีดีไซน์เก๋ ที่จะช่วยเสริมให้สาวๆ เป็นแฟชั่นนิสตาที่พร้อมจะสวยได้ทุกเวลาและทุกโอกาส”

เธอว่า คอนเซปต์ของการออกแบบของช่วงนี้ ด้วยการรวบรวมเทรนด์ที่โดดเด่นที่สุดจากทุกๆ เมืองหลวงของวงการแฟชั่นโลก นำมามิกซ์แอนด์แมตช์ให้เข้ากับสาวๆ ชาวไทยมากที่สุด ในชื่อ เอดจี้ กลามัวร์ ในโทนสีขาว ชมพู แดง พาสเทล เขียวเหลือง และสีเมทาลิกที่โดดเด่น ด้วยการนำเสนอผ่านความคลาสสิกของยุค 50 และยุค 60 ผ่านวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ เช่น ชนเผ่าแอฟริกันหรือเอเชีย รวมไปถึงธรรมชาติรอบตัวที่มีทั้งลวดลายของหนังสัตว์อย่างเสือดาว เสือโคร่ง ม้าลาย หรือแม้กระทั่งลักษณะของต้นไม้ ใบไม้ ทะเล เป็นต้น

หลักการทำงานคือเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำและรักในสิ่งที่ทำ และทำด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มีสัมพันธ์ที่ดีกับทีมงาน เพื่อมีจุดหมายไปในทางเดียวกัน เพื่อให้ได้งานเป็นที่พอใจของลูกค้า “ที่สำคัญการทำงานต้องเป็นเรื่องสนุก ไม่เบื่อ มีความแอ็กทีฟในการทำงาน ทำให้เรามีเปิดหูเปิดตา เตรียมรับสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา เพราะแฟชั่นไม่เคยหยุดนิ่ง” เธอกล่าวอย่างตั้งใจ

แม้จะมีทีมออกแบบอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของดีไซน์ที่ออกมาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สินค้าออกมาถูกใจลูกค้า

แรงบันดาลใจ

1.ซีดีภาพยนตร์

เรื่อง Grease / Priceless / Coco Chanel เป็นหนัง 3 เรื่องที่ชอบมาก เพราะสนุกแล้วยังได้ดูถึงเรื่องแฟชั่นการแต่งตัวของผู้หญิงในยุคนั้นๆ ซึ่งแฟชั่นมันก็มีการหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ในหนังนั้นมีครบทั้งดนตรี ศิลปะ ร้านอาหาร ศิลปวัฒนธรรมครบ สามารถสร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบคอลเลกชันของเราได้เป็นอย่างดี 3 เรื่องนี้เก็บสะสมไว้เลย

เวลารู้สึกตันต้องการแรงบันดาลใจมักจะเอา 3 เรื่องนี้มาดูซ้ำ

2.ต่างหูคุณแม่

เป็นแนววินเทจ ถึงจะเก่าแต่เก๋ เอาของคุณแม่มาใช้บ่อยมาก คุณแม่เป็นคนชอบแต่งตัว ท่านเป็นสาวทำงาน ทำงานช่วยคุณพ่อมาตั้งแต่สาวๆ ท่านถือเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานให้เรา แต่งตัวสวยไปทำงาน แล้วก็ยังดูแลลูกอีกด้วย ถ้าเรามีลูกก็อยากทำหน้าที่ให้สมบูรณ์พร้อมแบบคุณแม่ ท่านเก่งทุกเรื่อง ทุกวันนี้ท่านยังทำงานอยู่เลย

3.นาฬิกาพรรณราย

สามี (พลเทพ ศรีคุรวรรณ) ซื้อให้เนื่องในโอกาสวันเกิดและครบรอบแต่งงาน 1 ปี จัดเป็นของมีคุณค่าทางใจ ที่ใส่บ่อย อีกทั้งแบบก็สวยทันสมัย

4.เสื้อผ้ามิสตี้ มิ้งซ์

เป็นแบรนด์แรกที่เธอเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงและปรารถนาอย่างแรงกล้าให้เติบโตอยู่ได้อย่างมั่นคง เหมือนแบรนด์ยัสปาลที่คุณพ่อคุณแม่สร้างไว้

5.การเดินทางท่องเที่ยว

ถือเป็นอีกแรงบันดาลใจให้ได้สร้างสรรค์งานดีๆ ออกมา เพราะการเดินทางถือเป็นการเปิดมุมมองให้ชีวิตได้หลายๆ ด้าน ได้เที่ยว ได้เดินทาง ได้ประสบการณ์และความสุขใจ