ใช้เทคโนโลยีให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ คมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์

โดย...วราภรณ์

ผู้บริหารสื่อบันเทิงครบวงจรเลือดใหม่ไฟแรงแห่งอาร์เอส คมสันต์ เชษฐโชติศักดิ์ ผู้กุมบังเหียนอยู่ 3 ตำแหน่ง ได้แก่ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สกายไฮ เน็ตเวิร์ค ดูแลคลื่นวิทยุคูล 93 ฟาเรนไฮต์ ในเครือบริษัท อาร์เอส

ด้วยเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ คมสันต์และทีมงานดึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยในยุคใหม่ สร้างแอพพลิเคชันให้เหมาะกับกลุ่มคนฟังเพลงมากขึ้น เช่น แอพพลิเคชันฟังเพลง “cool 93” ฟังคลื่นวิทยุเย็นๆ ผ่านระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และระบบไอโอเอสบนโทรศัพท์มือถือคมชัดด้วยระบบเอชดี ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันที่ได้รับความนิยมมากๆ ในขณะนี้ยอดดาวน์โหลดมากถึง 7 แสนกว่า โดยมีผู้คนดาวน์โหลดผ่านไอโฟนกว่า 80% สะท้อนว่าคนโหลดแอพพลิเคชันนี้เป็นผู้มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง

“เราพัฒนาแอพพลิเคชันนี้ขึ้นมา เพราะเราศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า คนฟังเพลงผ่านมือถือค่อนข้างเยอะ เราจึงพยายามขยายช่องทางในการรับฟังให้ได้มากที่สุดคือ การฟังเพลงผ่านโทรศัพท์มือถือค่อนข้างเยอะ แอพพลิเคชันนี้มีศักยภาพจึงเหมาะแก่การพัฒนาและลงทุน”

นอกจากเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์แล้ว คมสันต์ ยอมรับว่า เทคโนโลยีช่วยเขาทำงานได้มากจริงๆ และไลฟ์สไตล์เขาสนใจเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นทุนเดิม โดยเลือกใช้เลือกซื้อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ตัวเอง อาทิ การใช้ดิจิตอล บุ๊ก เพื่ออ่านหนังสือเสริมสร้างปัญญา รวมทั้งการเลือกโหลด “ไนกี้ พลัส” แอพพลิเคชันในการช่วยวัดสถิติต่างๆ ในการวิ่ง เช่น การวัดระยะวิ่ง เวลาที่เริ่มวิ่ง วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ วิ่งทางไกลแค่ไหน และเบิร์นไปแล้วกี่แคลอรี

ทุกครั้งที่เขาวิ่งข้อมูลจะซิงก์เข้าไปในสมาร์ตโฟนเก็บไว้เป็นสถิติ ซึ่งสถิติต้องล็อกอินเป็นชื่อของบุคคลๆ นั้น โดยแอพพลิเคชันราคาดาวน์โหลดเพียง 30 กว่าบาท แต่มีประโยชน์มากมายเหลือเกิน แอพพลิเคชันนี้ยังสามารถแชร์เข้าเฟซบุ๊กทำให้เพื่อนๆ ในกลุ่มติดตามการเคลื่อนไหวการวิ่งของเขาได้ว่า การวิ่งของคุณมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน ทำให้เขาขี้เกียจวิ่งไม่ได้เลย

ย้อนกลับไปเรื่องการทำงานของหนุ่มนักบริหารสมัยใหม่ ที่เรื่องทำงานกับเรื่องสุขภาพเขาให้ความสำคัญเทียบเท่ากัน คมสันต์ เล่าว่า ตอนนี้อาร์เอสฯ โตมากในกลุ่มทีวีดาวเทียว สำหรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์เป็นงานที่ท้าทาย โดยองค์กรนี้สร้างขึ้นมาเพื่อดูแลลูกค้าผู้ซื้อโฆษณาเป็นหลักของอาร์เอส โดยเขามีหน้าที่หลักๆ คือ ดูแลฝ่ายขายและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้า รวมทั้งเปิดตลาดลูกค้าใหม่ๆ ด้วย

“เรามีทีมงานที่แข็งแกร่ง สำหรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์เป็นตำแหน่งใหม่ที่ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้น เพราะเรามีทาร์เก็ตค่อนข้างโตมาก ตอนนี้อาร์เอสขยายไปที่กลุ่มดาวเทียม และเกิดช่องใหม่ๆ ขึ้นหลายช่อง ทั้งหมดถูกรวบมาอยู่ในความรับผิดชอบของผมในส่วนของงานขายทั้งหมด”

งานฝ่ายขายที่เขาดูให้กับทีวีดาวเทียม ได้แก่ ช่อง “ยู แชนแนล” จับกลุ่มเด็กวัยรุ่น ช่อง “สบายดี ทีวี” ของอาร์สยาม จับกลุ่มคนชอบลูกทุ่ง และช่อง 8 ฟรีทีวี 24 ชั่วโมง ช่องลาลีก้าเป็นช่องสปอร์ต ช่องวัยรุ่น “yaak” และเพิ่งเปิดคลื่นวิทยุ 88.5 อาร์สยาม “สบายดี เรดิโอ” เพื่อเอาใจคอชอบลูกทุ่ง คมสันต์ บอกว่า การบริหารทีวีดาวเทียมให้ดีก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ลูกค้าจะหันมาซื้อโฆษณา ซึ่งมีราคาถูกและคุ้มค่ากว่าฟรีทีวีแบบเดิมๆ ในช่วงไพรม์ไทม์ ซึ่งราคาค่อนข้างสูง

“ทีวีดาวเทียมเป็นสื่อใหม่ เมื่อมีคนมาวัดเรตติ้งแล้ว ทำให้เราขายโฆษณาได้ง่ายขึ้น เพราะช่องของเราติดเรตติ้งอันดับ 1 ทำให้มีลูกค้าสนใจสนับสนุนโฆษณาค่อนข้างมาก แม้ผมไม่ได้ดูคอนเทนต์ แต่ลูกค้าจะใช้เงินก็ต่อเมื่อเขาคิดว่าคุ้มค่า ซึ่งมาจากเรตติ้งที่ดี มีคนดูเยอะ ด้วยความที่คอนเทนต์เราดี ทำให้เรามีเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ลูกค้าก็สนใจ เมื่อคอนเทนต์ดีก็ทำให้เราขายแอดได้ง่ายขึ้น แต่เหนือกว่านั้นคือการมีความสัมพันธ์กับลูกค้าที่ดี มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของลูกค้ากับการทำรายการ เพื่อให้คอนเทนต์ออกมาดีที่สุด ซึ่งลูกค้าก็ชอบเป็นการสื่อสาร 2 ทาง”

เมื่อเทคโนโลยีช่วยคมสันต์ทำงานได้มาก กระนั้น “ต้องเลือกใช้ให้เป็น ส่วนใหญ่บางคนวิ่งตามเทคโนโลยี แต่เราควรเลือกใช้ให้คุ้ม อย่าเลือกถือเลือกซื้อเพราะเท่ สำหรับผมก่อนซื้อแกดเจ็ตต้องถามว่า ตัวเองจะใช้อะไร อะไรเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเรา เทคโนโลยีช่วยให้เราทำงานได้เร็วและทำงานได้ทุกที่ ซึ่งไอโฟนสำคัญกับชีวิตของผมมากที่สุด ช่วยได้เยอะ เครื่องที่สองคือ แมคบุ๊กแอร์เป็นเรื่องการทำงานล้วนๆ”