ทำให้ดีที่สุดทุกอย่าง บารมี ชำนาญกิจ (เอิร์ท เอเอฟ 9)

โดย...ณัฐพล ช่วงประยูร

หนุ่มขรึมและเข้มเท่สุดประจำบ้านเอเอฟ ซีซัน 9 เห็นจะได้แก่ “เอิร์ท-บารมี ชำนาญกิจ” ที่เรียกกระแสแฟนคลับรักชายหน้าไทย สูง หล่อ เท่นิ่ง ได้ไม่น้อย และล่าสุดเขาได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 50 หนุ่มโสดคลีโอ ประจำปี 2012 ด้วย

แม้ว่าอายุอานามเพียง 20 หมาดๆ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่หัวใจและทัศนคติของเอิร์ท ต้องยอมรับว่าโตกว่าปีเกิดไปมาก เมื่อก่อนเป็นคนเรื่อยๆ เปื่อยๆ อะไรก็ได้ แม้ว่าไม่มีอันดับใดการันตีหลังจบการแข่งขัน แต่การได้ผ่านด่านฝึกหัดและประสบการณ์ล่าฝันจาก ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย คราวนี้ หล่อหลอมให้หนุ่มเฉื่อยคนนี้ผลักดันตัวเองให้มีเป้าหมายชัดเจน ตลอดจนสไตล์ที่คมกริบไปกว่าเก่าก่อน

“ผมเป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง ก็มีเหงาบ้าง บางทีอาจมีเรื่องบางเรื่องที่ไม่สามารถจะคุยกับพ่อแม่ได้หมด ก็เคยอยากมีคนที่ปรึกษาประสาวัยรุ่น ปีนี้เพิ่งอายุ 20 เท่านั้นเองครับ แต่ก็มีเพื่อนๆ มีที่บ้านให้กำลังใจเสมอ

ผมเป็นคนเปิดรับทุกอย่าง แต่ไม่ค่อยเข้าหาใครก่อน ถ้าอยากรู้จักใครจะมองเขา ไม่ค่อยกล้า แต่ถ้ามีโอกาสได้รู้จักกันจริงๆ จะสานต่อความสัมพันธ์ต่อเนื่องและไว จะเป็นกันเองมาก เมื่อได้คุยจะแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน จริงๆ นิสัยใจคอทั่วไปเป็นคนขรึม ไม่แสดงอารมณ์ ถ้าเกิดโกรธมากก็มีบ้าง (หัวเราะ)

คุณแม่จะสอนเอิร์ททุกเรื่อง ท่านจะเป็นตัวอย่างในเรื่องการใช้เหตุผลกับทุกอย่าง ไม่ปล่อยตามอารมณ์ อย่างเรื่องคะแนนโหวตเอิร์ทในบ้านจะไม่กดโหวตให้ เพราะเป็นคะแนนให้ลูกอยู่ต่อเท่านั้น แม่จะโหวตเท่าที่เหมาะสมกับวันนั้นๆ แต่ละครั้งโหวตให้ไม่เท่ากัน เหมือนให้เป็นรางวัลกับลูกในแต่ละวีก แม่จะทำทุกอย่างตามหลักเกณฑ์หมด เรื่องอื่นๆ ก็เหมือนกันครับ

ส่วนพ่อ ซิกเนเจอร์เลยมักจะคอยเตือนเรื่องสาวๆ คุณพ่อมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงเยอะ (หัวเราะ) ท่านบอกอย่าไปทุ่มเทหัวปักหัวปำกับเขา อย่าทำตัวให้เราหมดคุณค่า สิ่งไหนทำแล้วดี-ไม่ดี ท่านจะเตือนตลอด ขอให้เป็นตัวของตัวเอง สมมติผมจีบ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เขาเป็นคนดัง สวย เก่ง แต่ผมก็ต้องมีค่าสำหรับเขาด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ผมต้องเปลี่ยนตัวเองทั้งหมด” หนุ่มหน้าเข้มเล่าเอาจริงเอาจัง

 

ปัจจุบันเขาศึกษาอยู่ที่สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ด้านวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสนใจในด้านเทคโนโลยีและวิทยาการทันสมัย รวมถึงชอบภาษาญี่ปุ่น จึงมุ่งหน้ามาเรียนที่ดังกล่าว

“ผมอยากทำธุรกิจค้าขายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เนื่องจากความชอบของผมคือไอที คอมพ์เสียก็ซ่อมเอง อยากรู้มากๆ ว่าอาการแบบนี้มันเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น อุปกรณ์ส่วนไหนเสีย เริ่มต้นจากการแก้ปัญหาคอมพ์ ประกอบเครื่องเองได้ ซ่อมเองได้ เราชอบหาข้อมูลด้านนี้ ถ้าเราได้ทำธุรกิจคิดว่ามันจะมาจากความรัก และเราจะขวนขวาย ทำให้เราประสบความสำเร็จได้ และตอนนี้ก็เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ ชอบเทคโนโลยีมากๆ ผมว่าอะไรที่มันน่าสนใจ กระตุ้นให้เราอยากเรียนรู้ แม้ว่าบางครั้งรู้สึกว่าเราทำไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ ถ้าไปถึงจุดนั้นก็ไม่คิดเล็กคิดน้อย จะแก้ไขเป็นหลัก”

บารมี ให้เหตุผลถึงเรื่องหัวใจยังว่าง เพราะเขายังมีเป้าหมายที่อยากพิชิตในด้านวงการบันเทิง และด้วยเวลาของโปรเจกต์เอเอฟ 9 ที่ผ่านมา ทำให้ไม่เหลือเผื่อควงหรือเดตใคร “ผมยังโฟกัสอยู่กับการทำงาน ตอนเราเข้าบ้านเอเอฟ 9 แล้ว เพื่อนๆ ทุกคนทุ่มเท และเราก็ซึมซับเหล่านั้น มีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้น เราอยากจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด วันนี้เราพัฒนาตัวเองเต็มที่หรือยัง ทำสิ่งที่สมควรจะทำที่สุดหรือยัง เลยบั่นทอนเวลาที่จะมีให้กับใคร เพราะสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แนวทางมันเป็นอย่างนั้น

ถ้าอนาคตสร้างครอบครัว ผมคงจะมีลูก 3 คน ให้เป็น 3 พี่น้อง ถ้าเราเลี้ยงคนแรก คนที่ 2 ไหว คนต่อๆ มาก็จัดไป (หัวเราะ) สไตล์ผู้หญิงที่ผมประทับใจคงเป็นแบบ เทย์เลอร์ สวิฟต์ เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ น่ารัก เราเห็นเขาแล้วอยากจะดูเขาไปนานๆ เขาเล่นกีตาร์ ร้องเพลง มีความสามารถครบทุกด้านจริงๆ ที่สำคัญเสียงเพราะมาก ตรงสเปกเลย แต่ถ้าเป็นสาวไทยผมปลื้มพี่ ‘ดา เอ็นโดรฟิน’ สุดๆ ชอบมาก เขาไม่ธรรมดาเลย”

ลืมไปไม่ได้ว่าครอบครัวของเอิร์ทมีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลักดันและส่งเสริมให้เขาเข้าสู่เวทีเอเอฟครั้งนี้ “คุณแม่เป็นแฟนคลับ “พี่รอน เอเอฟ 5” ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นแรงผลักให้มาสนับสนุนผมให้มาถึงตรงนี้ ส่วนอีกคนที่ปลื้มคือ “พี่ต้อล เอเอฟ 4” เขาดูมีเสน่ห์ ไม่ต้องทำอะไรมาก มีความเท่จากข้างใน ทำตัวเป็นธรรมชาติ ดูแล้วหายาก

ถ้าจะเปรียบผมเป็นผลไม้สักอย่าง ผมคงจะเป็นเหมือนทุเรียน มีหนาม ดูน่ากลัว แล้วกลิ่นก็ฉุน ภายนอกไม่มีอะไรดีเลย แต่ถ้าได้ชิมจะสุดยอดมาก ผมก็เหมือนกัน ถ้าได้รู้จักจริงๆ แล้วจะติดใจ ไม่ต้องกินบ่อย กินบ้างบางครั้งคราว” (ฮา)

คนที่ติดตามเรื่องราวชีวิตของเหล่าเอเอฟทั้ง 12 คน จะจำได้ว่ามีช่วงดี ช่วงร้าย ช่วงเป๊ะ และเพี้ยนกระจาย เอิร์ท อธิบายถึงวันเหล่านั้นให้ฟัง “ตอนผมเริ่มต้นร้องเพลง ผมร้องเพลงไม่เพี้ยนเลยนะ แต่รวมๆ แล้วผมใช้เวลาในการพัฒนาไม่นาน ไปได้ไว แม้บนเวทีเอเอฟจะหลุด ก็คงเพราะความตื่นเต้นและดนตรีดังมากเลยจับคีย์เพลงไม่ถูก” คำสารภาพจากคนที่ต้องโบกมือลาเวทีนี้ไปในวีกโจทย์เพลงรุ่นแม่

“ในเรื่องของการแต่งตัว ปกติเป็นคนแต่งตัวไม่เยอะมาก ตอนนี้อยู่ในทิศทางของการงาน ผมก็ปรับลุค ลองใส่ให้มากขึ้น ต่างหูเจาะเพิ่มมาเป็น 2 ข้าง แฟชั่นสำหรับเอิร์ท เมื่อก่อนไม่ค่อยเข้าใจเลย คุณแม่จะดูแลและจ่ายเงินทั้งหมด ตอนนี้เราโตแล้วและมีจุดยืน แสดงความเห็นมากขึ้น เราก็เริ่มต้นแต่งตัวจริงจัง เมื่อก่อนเรากลัวแพงและกลัวไม่คุ้ม เดี๋ยวนี้ความชอบมาก่อน เลือกด้วยตัวเอง

คนอื่นๆ มักพูดว่าสไตล์ของเอิร์ทเป็นคนไม่มีอะไร ขำๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ถ้าไม่เกลียดไปเลย ก็จะรักไปเลยครับ ... คล้ายแนว ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” (หัวเราะ) หนุ่มเท่สไตล์ร็อกเล็กๆ สารภาพกับผม

“ผมว่าคนที่มีความน่าสนใจ มีเสน่ห์ หรือมีสไตล์ คือ เขาคนนั้นดูดี ไม่เหมือนใคร เราไม่รู้สึกว่าเขาแปลกประหลาดไม่ว่าเขาจะสวมใส่อะไร เลือกทำอะไร แต่ทั้งหมดต้องเหมาะกับเขา ทั้งชีวิตและความคิดของเขา ไม่ตามคนอื่น เลือกด้วยตัวเอง เดี๋ยวนี้...ผมเองก็เริ่มมีสไตล์ (หัวเราะ)

ที่ผ่านมาผมเรียนร้องเพลง ศึกษาสิ่งต่างๆ เพิ่มเติม เมื่อก่อนผมไม่ค่อยถีบตัวเอง แต่หลังจากผ่านอะไรมา ผมรีรอไม่ได้ เป้าหมายชัดเจน ทุ่มเทให้กับตรงนี้ ผมเปลี่ยนไปมากเลย แรงผลักของผมมันมาจากรอบตัว ไม่ใช่จากคนใดคนหนึ่ง ทำให้เรามองเห็นเป้าหมายของตัวเองบ้างแล้วเมื่อมองชีวิตหลายๆ คน แต่กำลังใจหลักมาจากครอบครัว เพราะครอบครัวเรารักอะไร เราก็รักด้วยกันหมด อย่างเพื่อนๆ ในบ้านทั้งหมดอยู่ด้วยกันมา 24 ชั่วโมง ตลอด 3 เดือนกว่า แลกเปลี่ยนร่วมทุกข์ร่วมสุขเป็นกำลังใจสำคัญมาก

จากวันนี้ผมเห็นภาพตัวเองในอนาคตว่าตัวเองต้องสามารถหลายด้าน แต่จะทำอะไรให้เก่งไปทีละอย่าง เรียนให้จบ เป็นนักแสดงที่ดี เป็นนักร้องที่เก่ง หรืออะไรในอนาคตที่จะพัฒนาได้ แต่ต้องดีที่สุดทุกอย่าง”