posttoday

หลังบ้านแอล แฟชั่นวีค 2012 และ“โชว์ ไดเร็กเตอร์”สุดจี๊ด

10 ตุลาคม 2555

อยู่เบื้องหน้ามาหลายปี ไต่ระดับจากแถวหลังมานั่งฟรอนต์โรว์ก็แล้ว รู้สึกว่าไขว่ขว้าเสพโชว์เท่าไรก็ยังไม่สาแก่ใจ

โดย...ระยับฟ้า-ดาราราย  

อยู่เบื้องหน้ามาหลายปี ไต่ระดับจากแถวหลังมานั่งฟรอนต์โรว์ก็แล้ว รู้สึกว่าไขว่ขว้าเสพโชว์เท่าไรก็ยังไม่สาแก่ใจ ฉบับนี้ขอคุ้ยการทำงานเบื้องหลัง กับผู้จัดและโชว์ ไดเร็กเตอร์ให้อิ่มจิตสักยก

เขาจัดให้ชมMini Seriesพิเศษ“Under the white roof”ที่รวบรวม การเตรียมงาน การเตรียมความพร้อม ให้เห็นถึงการทำงานเบื้องหลัง กว่าจะมาเป็นELLE Fashion Week2012Autumn/Winter at CentralWorldเผยให้เห็นเบื้องลึกที่ไม่ลับ ทั้งในส่วนของดีไซเนอร์ สไตลิสต์ และทีมงานของแอล ก็พอจะทราบเบื้องหลังๆ คร่าวๆ ว่าเขาทำงานกันอย่างไร โอวดูเยอะจริงอะไรจริง ก็แหม...เรามันแค่กดรีโมทเจอแฟชั่นโชว์ แล้วก็นั่งช็อปในมโนภาพ มันดูง่ายกว่ากันเยอะเลย

“เราจะทราบได้ไงว่าดีไซเนอร์ท่านไหนมีของ และอยากปล่อยของในรูปแบบต่างๆ อย่างไร”ดิฉันโพล่งถาม พับลิชเชอร์ แห่งโพสต์ อินเตอร์ มีเดีย ไทยแลนด์ และน้ำ-สิริมน ณ นครเล่าเหมือนมีคำตอบอยู่แล้ว

“ปกติ แอล แฟชั่นวีค ให้สิทธิ์ ดีไซเนอร์ทุกปีๆ เป็นคนเลือก ให้เขาตอบมาก่อน ปีนี้จัดระบบใหม่ ทางแอลเป็นคนเลือก ให้หลากหลายของดีไซเนอร์ จะไม่ยึดติด และดูจากผลงานเป็นหลัก การที่เราเป็นเวทีการ ในการเผยแพร่งานเขา แต่เราก็แฮปปี้ในหลายแบรนด์ ที่เขาขยับขึ้นมาดัง และโกอินเตอร์ เขามีตลาดของเขาแล้ว จัดโชว์เดี่ยวของเขาได้แล้ว ลอยลำ ซึ่งเราซัพพอร์ตเต็มที่ ไม่มีปัญหาเลย เราเลือกซัพพอร์ตคนใหม่ๆ รุ่นใหม่ๆ เวทีนี่ก็เป็นเวทีอินเตอร์เนชั่นแนล ดีที่สุด

ส่วนหนึ่งเราจะอยากให้ดีไซเนอร์ทุกท่านทำโชว์ดีที่สุด โดยไม่ต้องการให้กังวลค่าใช้จ่าย ฉะนั้นเราจึงไม่มีค่าผ่านเข้ามาโชว์ ตามปกติเราเป็นเวทีกลาง ถ้าเกิดเป็นดีไซเนอร์ที่ไม่ได้มีลูกค้ามาซัพพอร์ตโชว์ ฉะนั้นปกติเราจะไม่ยุ่งกับโชว์ ไม่ว่าไดเร็กชั่นของเขาจะเป็นอย่างไรจะปล่อยให้เขาจัดการ ฉะนั้นคนเลือกโชว์ ไดเร็กเตอร์ ก็คือดีไซเนอร์เอง

หลังบ้านแอล แฟชั่นวีค 2012 และ“โชว์ ไดเร็กเตอร์”สุดจี๊ด

 

อย่างเชฟโรเลตกับเพลย์ฮาวนด์ ที่มาร่วมกัน เราจะเป็นตัวกลางประสานให้ ลูกค้าจะมาสนใจซัพพอร์ตโชว์ ในใจเขา มีแบรนด์ที่เป็นยูนิเซ็กซ์ หรือเฟมินีน หรืออะไร แล้วอันไหนตรงกับแคมเปญของเขา เราก็ช่วยทำหน้าที่เชื่อมเขาเข้าด้วยกัน เราไม่ต้องการให้ลุกค้าเข้ามากลืนงานของดีไซเนอร์มากเกินไป ต้องถามก่อนว่า เขาต้องการมาลิงค์อะไร ต้องอยู่ในแฟชั่นได้ โดยไม่คอมเมอร์เชียลมาก ลิงค์กลับมาได้ เราถึงจะเริ่มนัดดีไซเนอร์ได้ เราจะถามไถ่ว่าเป็นไง ไปถึงไหนได้ เพราะเข้าใจว่าทุกแบรนด์ก็พยายามเก็บความลับของโชว์ตัวเองให้เอกซ์คลูซีฟที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

นอกจากนั้นยังมีเทรซัมเม่ สำหรับแฮร์สปอนเซอร์ ให้กับ เฟรช เฟสต์ โปรแกรมของ ดีไซเนอร์หน้าใหม่ 2 โชว์ วาทานิกา และ เข็ม อิสสระ เท่านั้นเอง ที่เหลือจะเป็นซัพพอร์ตโดยรวม ไม่ได้อยากคอมเมอร์เชียลมากค่ะ”

“บางคนสงสัยว่า ผู้สนับสนุนหลายรายเปลี่ยนจากปีก่อน”ดิฉันยังคงซักอย่างต่อเนื่องให้น้ำ-สิริมนช่วยตอบ“สินค้าบางอย่างไม่ได้มาร่วมด้วยในปีนี้ ก็เพราะเราต้องการ 1 แคทตากอรี่ แค่ 1 สินค้า จริงๆ ก็น่าเสียดายมากเพราะมีลูกค้าในแคทากอรี่เดียวกันมาเยอะ เช่น รถยนต์ มี 3 เจ้าเลย แต่เจ้าแรกที่ติดต่อเรา และตอบก่อน ก็ต้องเลือกแบบนั้นเพื่อรักษาความสัมพันธ์กัน ยังไงก็ตาม แอล แฟชั่น วีค นั้นยังเป็นเอ็กซ์คลูซีฟ จะรักษาธรรมเนียมเหล่านี้ไว้ค่ะ”

ขั้นตอนสำคัญที่ขาดไปเสียไม่ได้เลย คือการบริหารจัดการโชว์ตั้งแต่เริ่มวางโครงสร้าง เลือกนางแบบ นายแบบ ทิศทางของ เสื้อผ้า หน้า ผม แสงเงา การตกแต่งเวทีและองค์ประกอบจิปาถะ จำต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในชื่อ โชว์ ไดเร็กเตอร์

แน่นอนว่า โชว์ ไดเร็กเตอร์ ในเมืองไทย ไม่ดีมีกลาดเกลื่อนเหมือนอาชีพแฟชั่นแนวอื่นๆ ฉะนั้นแล้วทุกแบรนด์จึงต้องการมือดีมาร่วมผลักดันให้โชว์โดดเด่น และลงตัวที่สุด

หนึ่งในโชว์ ไดเร็กเตอร์ ผู้ที่คลุกคลีในวงการมานับสิบปี“จอย-อนันดา ฉลาดเจริญ”เริ่มต้นตั้งแต่งานสไตลิ่ง แฟชั่นเซตในนิตยสาร ตลอดจน ภาพนิ่งงานโฆษณา และภาพเคลื่อนไหว มาจนถึงการบริหารและขับเคลื่อน แฟชั่นโชว์ และครั้งนี้ เธอรับมือกับ 4 โชว์ ใหญ่ ที่ประกอบไปด้วย 4 ดีไซเนอร์มีชื่อ กับ 5 นักออกแบบหน้าใหม่ งานนี้ระอุ คลุกรุ่นแค่ไหนกัน

“ปีนี้ ร่วมทำให้กับ แบรนด์“ขวัญข้าว”และ“ภูริณัฐ”ซึ่งเป็นโชว์ร่วม รวมถึง“ทูอี้” “คิวเรเต็ด บาย เอกทองประเสิรฐ”และหน้าใหม่ โอซีเอซี รวม 5 ดีไซเนอร์

“การทำงานของโชว์ ไดเร็กเตอร์ อย่างเรานั้น คือ พยายามดึงคอนเซ็ปต์ของดีไซเนอร์มานำเสนอให้น่าสนใจ ให้ เหมาะกับช่วงเวลา เหมาะกับสถานที่ ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เราต้องทราบว่าคอลเล็กชั่นนั้นๆ พูดถึงอะไร เพราะทำงานให้กับเหล่าดีไซเนอร์

หลังบ้านแอล แฟชั่นวีค 2012 และ“โชว์ ไดเร็กเตอร์”สุดจี๊ด

 

ในครั้งแรกที่ตอนประชุมกัน ทุกคนก็ทำการบ้านมา เป็นพรีเซนต์ บอร์ด ว่าเสื้อผ้าและของของเขา เป็นวัสดุอะไร เรื่องราวเป็นอย่างไร หน้าตาอย่างไร จากนั้นเราไปคิดต่อว่าจะถ่ายทอดอย่างไรโดยกลับาทำสเกทช์ ทำเสร็จก็นำกลับไปปรับแก้ และนำเสนอกัน จากนั้นมีการเลือกแบบร่วมกัน แคสติ้ง และฟิตติ้ง

สมมติมี 2 วัน การเลือกตัวนายแบบนางแบบนั้น วันแรกต้องมาดูว่า คนไหน อะไรเหมาะกับแบรนด์ และเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นนี้ สมมติได้ มา 25 คน จากนั้นอีกวันก็ หยอดลุค 25 ชุดนี้ลงใน 25 ตัวแบบ ว่าใครเหมาะจะใส่ชุดอะไร แล้วเมื่อลงตัว เอว สะโพก โครงสร้างเสื้อผ้า ถ้าใช่แล้ว...ก็ต้องเก็บเย็บทรงและทุกกระเบียดให้ชุดนั้นให้กับแบบคนนั้นเลย ถ้าแบรนด์อยากให้เดิน 1-1 ชุด หรือ 1-2 ก็ต้องหาจนกว่าจะพบว่าแบบคนนั้นเหมาะกับชุดใดบ้าง 1 หรือ 2 ชุดที่ตรงที่สุด

ลำดับต่อมาเมื่อมาถึงวันซ้อม เราก็ดูแสงไฟ เวที เทคนิคที่เราจะเล่นทั้งหมด แล้วพอวันจริง ให้นายแบบนางแบบมาซ้อมพร้อมกับไฟ เวที ทุกอย่าง และรันตามคิวที่ตั้งไว้ 1-25 เราจะเอาอันไหนขึ้นก่อนลงหลัง เราในฐานะสไตลิสต์ และ อาร์ท ไดเร็กเตอร์ ก็ต้องไปควบคุมงานให้เกิดตามเรื่องราว”ฟังแล้วงานต่อเนื่องยาวนานและเปี่ยมไปด้วยรายละเอียด และตัวแปรมากมาย ยิ่งได้ทราบว่า จอย อนันดา ไม่ได้นั่งดูแฟชั่นโชว์ที่ชั้นใดๆ มานานพอสมควรแล้ว เนื่องจากงานรัดตัว และพันผูกอยู่กับงานหลังบ้านตลอดเวลา

“การทำแฟชั่นโชว์นั้น เราต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของงานในแต่ละสาขา ผู้เชี่ยวชาญด้านแสง คนทำการรันโชว์ และพวกเทคนิคเวที จะร่วมกันหลายคน ตัวเรามีหน้าที่นำทุกอย่างมาเรียงร้อยต่อกันให้เกิดเป็นจริงตรงตามความตั้งใจ

จอยเป็นคนมองทุกอย่างเป็นฉากๆ ชนิดซีเรียสมาก อย่างตอนเลือกแบบ สีผม สีตา คนนี้สีอะไร เข้ากับชุดไหม และ แอกเซสเซอรี่ล่ะ มิกซ์ แมชยังให้ส่งเสริมโชว์ เอ่อ แล้วเพลงอะไรดี เวทีจะเป็นอย่างไร บลาๆๆ แล้วเอาทั้งหมดมารวมกัน แต่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ข่มคาแรกเตอร์แบรนด์

เชื่อไหม...ที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าทำแล้วเพอร์เฟคต์สักทีเลยนะ ยังมีขาดๆ เกินๆ ตลอด แต่เราทำทุกขั้นตอนด้วยความเอาใจใส่ ทำการบ้านมาก เพราะเรามองว่าเราไม่ใช่คนเก่งที่สุด แม้จะทำมาเยอะ แต่เราทำการบ้านให้เยอะสุด เพราะอยากให้มันมีอะไรใหม่ๆ เสมอ เราเทใจโชว์ทุกโชว์ เพราะมัน...จะมีอะไรพิเศษเสมอในนั้น อยากให้กระชับ และไม่น่าเบื่อ ที่ผ่านมาทำเยอะก็จริง แต่ก็ไม่เคยข้ามขั้นตอน เราเลยไม่มีเวลาเหลือทำอย่างอื่นไง (หัวเราะ)”สิ้นคำตอบของเธอเพิ่มเติมมุมมองดิฉันโขเชียวค่ะ

หลังบ้านแอล แฟชั่นวีค 2012 และ“โชว์ ไดเร็กเตอร์”สุดจี๊ด

 

ไม่ใช่แค่นั้น เรายังไม่ สไตลิสต์ ท็อป ไฟฟ์ เมืองไทยอีกคน อย่าง“อาร์ท-อารยา อินทรา”คู่ตุนาหงันกับแบรนด์ เธียเตอร์ ของจ๋อม ศิริชัย ทหรานนท์ มานานหลายปีดีดัก ดิฉันถามถึงงานของโชว์ ไดเร็กเตอร์ สไตล์ของเธอ

“จริงๆ ทำโชว์เธียเตอร์ สำหรับแอล แฟชั่น วีค คราวนี้ มันเกิดหลังจากเพิ่งสิ้นสุดโชว์ กูตูร์ แฟชั่นวีคไป แต่บวกดีกรีให้มันมากขึ้น เพิ่มรายละเอียดในงานมากขึ้น“เมน และ วีแมน แวร์”มันเป็นแนว โกเดน เอจ ถือว่าบวกจากเดิมคูณสิบเท่า กว่าจะวางแพทเทิร์น เนา และเอาไปปัก แต่ละชุดมีรายละเอียดมาก ต้องมีฟิตติ้ง ลองแล้วแก้ แก้เสร็จก็ดูให้พร้อม

เมื่อเราทำคอลเล็กชั่นนั้นปั๊บ ก็ถูกเอามาประยุกต์ใช้ในงานต่อมานี้ด้วย ตอนแรกพัฒนามายังงานครั้งนี้ แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องของโกลเดน เอจ อยู่ คือ ของยุคทองวัฒนธรรมยุโรป คาแรกเตอร์เด่นๆ มาจากอิทธิพลหลักจากแขกไปตียุโรป ในฐานะโปรดิวเซอร์ หรือ โชว์ ไดเร็กเตอร์ งานนี้ก็ต้องแตกต่าง ต้องให้อะไรใหม่ๆ

เบื้องหลังและเบื้องหน้าอาร์ท จะนำความในอดีต มาอยู่ในภาพปัจจุบัน และนำเสนอความต่อเนื่องมาจากโชว์ก่อน เป็นแนวคิดเดียวกันทว่าต่อยอดให้มีแบบฉบับเฉพาะ“เรานึกถึงแอตติจูด ตัวแทนของหญิงไทยที่กล้า และแตกต่าง มีความ แฟมินีน มัสคิวลีน ความเจริญรุ่งเรื่องในทุกอย่าง ถ้าคนเรา จะยากดีมีจนก็ต้องไปทำบุญ ไปงานมงคล แล้วงานเหล่านี้เกิดขึ้นที่ไหนล่ะ ถ้าเป็นฝรั่งก็โบสถ์ ฉะนั้นอารมณ์และการตกแต่งหนนี้โชว์ให้เป็นโบสถ์กลาย ๆ เหมือนกับผู้หญิงกลุ่มนี้ เป็นคนกล้าแกร่ง ต้องเดากันว่า เขาไปร่วมงาน หรือ กำลังไปจากโบถส์ หรือจะเข้าโบสถ์ เราจะไม่ทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างจับทางได้

อันที่จริงจริงๆ ความรู้สึก ง่ายๆ เลยคือ ต้องให้อะไรใหม่ๆกับคนดู ในแต่ละครั้ง พี่จ๋อม ศิริชัย เจ้าของแบรด์ ไม่มีเซลูเอทชัดว่า คอลเล็กชั่นนี้ คืออะไร และอยากให้เธียเตอร์เป็นโรงละครที่พร้อมพบกับเรื่องราวได้ตลอด แต่ในทุกครั้งที่ทำแฟชั่นโชว์ ลืมไม่ได้เลยว่ามันมีความรักเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเสมอ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ อาจทำคนที่ได้ดูโชว์อาจจะอยากปฏิวัติตัวเองนิดๆ ไหม หรือกับเพลงในโชว์พวกนี้ บรรยากาศพวกนี้ ความเยอะของเสื้อผ้าเมื่อมันถูกลดทอน บวกกับสไตล์ จะกระตุ้นต่อมคนดูบางส่วน การทำอะไรที่ไม่จำเจ กล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ นั่นเราก็ตั้งคำถามไว้

อาร์ทว่า“ความงาม”เป็นเรื่องของปัจเจกชน คุณอาจเห็นว่ามันสวยไม่เหมือนกัน แต่เพียงอย่างน้อยเข้าใจและชอบในชุดเสื้อผ้าที่ดีไซเนอร์คิดมา แล้วไปชื่นชม หรือไปที่ร้าน เลือกซื้อใส่ ดิฉันว่านั่นก็สุดปลื้มแล้ว...ในฐานะผู้จัดค่ะ”

ถึงตอนนี้ ดิฉันว่า ชีวิตเหมือนภาพขาวดำที่ทนดูได้แม้ปราศจากแฟชั่น และรูปแบบการสร้างสรรค์อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ถ้าเลือกได้ ฉันก็ชอบให้มันมีสีน่ะคะ