posttoday

ศรุต ทวีชัยวัฒนะ เบื้องหลังแฟชั่นกูตูร์ครั้งแรกในไทย

03 ตุลาคม 2555

ปรากฏการณ์ใหม่แห่งวงการแฟชั่นชั้นสูงของไทย ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทยกับงาน “สยามพารากอน อินเตอร์เนชั่นแนล กูตูร์ แฟชั่นวีค 2012”

โดย...วราภรณ์ ภาพ : ณัฏฐ์ฐิติ อำไพวรรณ

ปรากฏการณ์ใหม่แห่งวงการแฟชั่นชั้นสูงของไทย ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในไทยกับงาน “สยามพารากอน อินเตอร์เนชั่นแนล กูตูร์ แฟชั่นวีค 2012” หรือแฟชั่นโชว์แฟชั่นชั้นสูง ที่เพิ่งเสร็จสิ้นลงอย่างสวยงามเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยฝีมือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ คือ ศรุต ทวีชัยวัฒนะ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการแฟชั่นเมืองไทยนาน 20 ปี

เขาเป็นผู้ดึงความร่วมมือจัดแฟชั่นโชว์ของ 7 นักออกแบบทั้งไทยและต่างประเทศ 7 แบรนด์ แบ่งเป็นไทย 3 โชว์ ได้แก่ “ฟลายนาว” โดย ชำนัญ ภักดีสุข “นาการ่า” โดย นคร สัมพันธารักษ์ และ “Theater” โดย ศิริชัย ทหรานนท์ โชว์ร่วมกับ 4 นักออกแบบกูตูร์ระดับโลก อย่าง “ Christophe Josse” โดย คริสตอฟ จอสส์ นักออกแบบชาวฝรั่งเศสซึ่งโด่งดังมากติดอันดับต้นๆ ของโลก หรือแบรนด์ “Frederick Lee” โดย เฟรดริก ลี ชาวสิงคโปร์ “Lie Sang Bong” โดย ลี ซาง บอง ชาวเกาหลี และ “Yuri Katsura” โดย ยูมิ คัตสุระ นักออกแบบชาวญี่ปุ่น ที่เคยตัดฉลองพระองค์ถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยตั๋ว 600 ที่นั่งในแต่ละโชว์ได้ถูกจองล่วงหน้าหมดก่อนแฟชั่นโชว์รอบจริงโชว์นานนับสัปดาห์

งานนี้จึงนับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการแฟชั่นไทย ให้กลับมาคึกคักสร้างชื่อเสียงและยกระดับวงการแฟชั่นไทย อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นและผลักดันให้นักออกแบบไทยเกิดความคิดสร้างสรรค์อย่างไรขีดจำกัด ผลักดันสู่ตลาดแฟชั่นเอเชีย และขยับก้าวขึ้นสู่ระดับโลก เพราะเขาเป็นคนชื่นชอบและหลงรักแฟชั่นเป็นทุนเดิมตั้งแต่เด็ก 2 ปีที่แล้วเขาได้ผลักดันดีไซเนอร์ไทยก้าวสู่ระดับนานาชาติด้วยการไปแสดงแบบเสื้อกูตูร์ที่สิงคโปร์ พอมาปีนี้ถึงคราวที่เมืองไทยได้จัดแฟชั่นโชว์ใหญ่ๆ เองบ้าง

“จากผมเคยนำดีไซเนอร์ไทยไปโชว์ที่สิงคโปร์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อย่างอิชชูกับแบรนด์ Pravit Sawadviphachai ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก ทำให้สื่อจากทั่วโลกได้มองเห็นผลงานของนักออกแบบชาวไทย อย่างอิชชูได้มีสื่อสิ่งพิมพ์เขียนชื่นชมในโวคอิตาลี สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ต่างประเทศรู้จักดีไซเนอร์ไทย สำหรับงานครั้งนี้ผมมีหน้าที่คิด Main concept เป็นคนดูภาพรวมของงานทั้งหมด งานนี้เกิดขึ้นได้ในประเทศไทย เกิดจากผมได้รู้จักกับเพื่อนชาวสิงคโปร์เจ้าของ บริษัท ฟิเด มัลติมีเดีย และเขาจัดแฟชั่นโชว์กูตูร์มาหลายครั้ง ประกอบกับเราเคยสนับสนุนนักออกแบบไทยได้ไปโชว์ในงานของเขา พอผมเกิดแนวคิดอยากจัดในไทยบ้าง ได้ปรึกษาเพื่อนคือ แฟรงค์ ซินทามานิ เขาอยากสนับสนุนโดยเชิญนักออกแบบกูตูร์ระดับโลกให้ ส่วนผมก็มีหน้าที่ดิวกับทางสยามพารากอนและนักออกแบบไทย เราจึงได้จัดงานนี้ขึ้นมา”

ความสำเร็จในการจัดแฟชั่นโชว์กูตูร์ครั้งแรกนี้ ข้อดีที่นักออกแบบและประเทศไทยจะได้รับคือ โอกาสครั้งสำคัญที่จะตะโกนดังๆ ให้โลกรู้ว่า คนไทยก็มีฝีมือไม่แพ้ชาติใดในโลก

“หากเราอยู่แต่ในประเทศไทย เราก็จะได้รับข่าวสารที่อยู่แต่ในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้สร้างชื่อเสียงให้เป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ ไม่รู้ว่าแบรนด์ไหนเป็นอย่างไร การได้ไปร่วมโชว์ทั้งต่างประเทศและจัดโชว์ที่เมืองไทยจะเป็นการทำให้ต่างชาติรู้จักแบรนด์ไทยและประเทศไทย อีกทั้งเป็นการยกระดับวงการแฟชั่นไทยไปสู่สากลด้วย อีกทั้งยังเป็นการพัฒนารูปแบบใหม่ๆ ของแฟชั่นที่ไม่ใช่แฟชั่น วีก ธรรมดา แต่เป็นแฟชั่นโชว์แบบกูตูร์ซึ่งสามารถดึงความสนใจและสร้างความแปลกใหม่ให้วงการได้ อีกทั้งผมเห็นว่าตลาดทุกด้านได้หันมาทางเอเชีย ไม่ใช่ยุโรปอีกต่อไป หากเอเชียผนึกกำลังกันก็จะกลายเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ โลกต้องหันมาและจับตามอง เราเคยคลั่งไคล้อินเตอร์แบรนด์ แต่ลืมหันกลับมามองไทย ว่าเราด้อยกว่าเขาตรงไหน เมื่อเราจัดเองเราได้เชิญนักออกแบบเก่งๆ ระดับโลกมา เราจะได้เห็นมาตรฐานการออกแบบและการทำงานของเขา ทำให้เราได้เรียนรู้ ทำให้วงการแฟชั่นไทยตื่นตัว”

ศรุต ทวีชัยวัฒนะ เบื้องหลังแฟชั่นกูตูร์ครั้งแรกในไทย

 

การจัดงานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ระยะเวลาในการประสานงานนานถึง 1 ปีเต็ม และเพื่อสอดแทรกความเป็นไทย เนื่องด้วยปีนี้เป็นปีที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ศรุตจึงเกิดแนวคิดที่จะนำผ้าจากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ให้กับดีไซเนอร์ทั้ง 7 แบรนด์ออกแบบเสื้อผ้าไหมในแบบกูตูร์ เป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับผ้าไหมไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักดีอยู่แล้ว

“เรามีโจทย์ให้เหล่านักออกแบบทั้ง 7 คน ได้นำผ้าไหมไทยไปออกแบบเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ ซึ่งทรงมีสมัญญาว่า ควีนส์ ออฟ ซิลก์ และทรงได้ไปอยู่ในฮอลล์ออฟเฟรม ว่าทรงเป็นสุภาพสตรีที่แต่งกายได้สวยงามอันดับหนึ่ง 2 ปีซ้อน และทรงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกดีอยู่แล้ว ซึ่งแต่ละดีไซเนอร์ชื่นชมผ้าไหมไทย ชื่นชมสมเด็จพระนางเจ้าฯ ด้านการอนุรักษ์ผ้าไหมไทย ผมอยากให้คนรุ่นใหม่หันกลับมามองผ้าไหมไทย ซึ่งทุกคนรู้จักผ้าไหมไทยทุกคนชื่นชมยินดี ที่จะได้ใช้ผ้าไหมของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มาตัดเป็นชุด ทุกคนล้วนชื่นชม”

ศรุต บอกว่า จริงๆ เขาคิดว่า กรุงเทพฯ จะเป็นเมืองแห่งแฟชั่นได้ หากดีไซเนอร์ไทยมีการทำงานที่ผนึกกำลังร่วมกันที่มากขึ้น แล้วเราจะแข็งแกร่งสู้กับต่างประเทศได้สบาย สำหรับโครงการหน้าที่ศรุตจะช่วยสนับสนุนดีไซเนอร์ไทย คือ การนำแบรนด์อาซาว่า และเธียเตอร์ไปแสดงแฟชั่นโชว์กูตูร์ที่สิงคโปร์เป็นการต่อยอดต่อไป

5 สิ่งคู่ใจ

สไตล์แต่งตัว : ผมชอบแต่งตัวสไตล์ยูนีคไม่เหมือนใคร สไตล์การแต่งตัวของผมคือเลือกแต่งให้เหมาะกับกาลเทศะเท่านั้น อย่างเข็มขัดเส้นที่ใส่อยู่เส้นละไม่กี่ร้อยบาท แต่ก็ดูเข้ากับชุดเพราะผมเลือกแต่งให้เหมาะกับชุดนั้นๆ มากกว่าราคาที่แพงของแอกเซสซอรี หัวใจหลักการแต่งตัวคือเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์มีแบรนด์กับไม่มีแบรนด์ให้เป็น แต่ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการดูแลผิวพรรณและสุขภาพ คิดดี ทำดี หากเราดูดี แต่งอะไรก็ดูดี

ดีไซเนอร์โปรด : ผมไม่ได้โปรดนักออกแบบคนไหนเป็นพิเศษ แต่ละซีซั่นก็ออกแบบมาไม่เหมือนกัน บางฤดูก็ชอบคนนี้ อีกฤดูก็ชอบคนนู้น แต่ตอนนี้ผมเน้นเสื้อผ้าไทยเป็นหลัก เพราะ 2 ปีหลังมานี้ผมอยากสนับสนุนดีไซเนอร์ไทย เวลาไปเมืองนอกใส่เสื้อผ้านักออกแบบไทยตลอด คนก็ฮือฮาและถามตลอด ตอนนี้ผมกำลังอินกับแบรนด์เธียเตอร์ Pravit และอิชชู 3 แบรนด์นี้คือ 3 แบรนด์ในดวงใจ

นาฬิกา : เรือนนี้ของปาเต๊ะ ฟิลิป คุณพ่อให้มาไม่มีโอกาสพิเศษ เป็นของสะสมชิ้นที่คุณพ่อรักแล้วมอบให้ผม ประกอบกับชอบแบรนด์นี้อยู่แล้ว นาฬิกาเรือนนี้เหมือนเป็นความผูกพันที่ผมสัมผัสได้ แม้ผมจะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับคุณพ่อ เพราะท่านส่งผมไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่จบชั้นประถม 6 ถึงปริญญาโท คุณพ่อเลี้ยงลูกแบบตามใจ ปล่อยให้ลูกมีอิสระทางความคิด เลือกเรียนเลือกทำในสิ่งที่ลูกชอบ แต่ท่านจะคอยสนับสนุนด้านการเรียน เพราะท่านบอกเสมอว่าพ่อไม่มีสมบัติให้มากมาย แต่พ่อให้ด้านความรู้

แหวน : ผมชอบเครื่องประดับ เช่น แหวน เก็บสะสมแหวนไว้เยอะมาก ที่ชอบแหวนและชอบใส่นิ้วกลาง เพราะมีคนแนะว่าใส่แหวนนิ้วกลางแล้วจะทำให้ใช้เงินมือไม่เติบ ผมจึงนิยมใส่แหวนนิ้วกลาง

สร้อยข้อมือเครื่องราง : ผมจะใส่สร้อยเครื่องรางติดตัวเป็นประจำ เพื่อนชาวต่างชาติมอบให้เป็นสร้อยไม้ดำจากทิเบต ผมเชื่อว่าใส่แล้วจะช่วยป้องกันสิ่งไม่ดีออกจากตัว ใส่ประจำทุกวัน รักมาก ใส่แล้วรักษาอย่างดีเพราะกลัวหาย