posttoday

ตฤน จักคงธรรมกุล อย่ากลัวที่จะฝัน

01 ตุลาคม 2555

วันนี้มีนัดคุยกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ตฤน จักคงธรรมกุล ย้อนไปสัก 2-3 ปี ได้เคยเห็นเขาในบทบาทนายแบบถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารชื่อดังหลายเล่ม

โดย...นกขุนทอง

วันนี้มีนัดคุยกับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ตฤน จักคงธรรมกุล ย้อนไปสัก 2-3 ปี ได้เคยเห็นเขาในบทบาทนายแบบถ่ายแฟชั่นลงนิตยสารชื่อดังหลายเล่ม แถมยังมีดีกรีเจแปนิส กาย จากเวทีประกวด เมนส์เฮลธ์ กายส์ ชาเลนจ์ ปี 2009 อีกด้วย วันนี้ในวัยเพียง 27 ปี เขาผันตัวเองจากหนุ่มเพลย์บอยก้าวสู่ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซันคลาร่า 54 ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซันคลาร่า และพีเน่ แม็กซิม

กว่าจะมาถึงวันนี้... ตฤน บอกว่า เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องฝึกตนเป็นคนมีความวิริยอุตสาหะ ซื่อสัตย์สุจริต และกล้าคิดกล้าทำ กล้าที่จะฝันและทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้

ตฤนเพิ่งเข้ามานั่งบริหาร บริษัท ซันคลาร่า 54 ได้เพียง 5 เดือน นอกจากได้รับตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือ “ปัญหาการลอกเลียนแบบและสินค้าปลอม”

“นับเป็นงานที่ท้าทาย เพราะนอกจากสโคปงานใหญ่ขึ้น ต้องดูแลพนักงานจำนวนมาก ปัญหาการลอกเลียนแบบสินค้าและสินค้าปลอมก็เป็นโจทย์ที่ผมต้องแก้ไขให้ได้ ไม่อย่างนั้นบริษัทก็คงจะเดินไปได้ไม่สวยนัก เพราะนอกจากจะกระทบต่อรายได้ ยังส่งผลให้ภาพลักษณ์ของบริษัทเสียหายด้วย แต่ปัญหาที่ผมต้องเจอนี้ผมไม่ได้ตกใจ ไม่กลัวปัญหา เพราะผมพร้อมแก้ไขปัญหาทุกอย่าง พร้อมทำงานทุกอย่างอยู่แล้ว มันยิ่งท้าทายเราเสียอีกที่มาทำงานแล้วได้แก้ไข ได้ทำ ไม่ได้มาแบบสบายๆ ในการทำงานมีความยาก แต่เราสามารถฝ่าได้ วิธีรับปัญหาของผมคือสติ เวลาว่างหรือไม่สบายใจผมไปวัด หาพระอาจารย์ที่ผมนับถือ รับฟังพระอาจารย์แล้วกลับมาคิดวิเคราะห์ ซึ่งสุดท้ายสติสมาธินี่แหละที่เรานำมาใช้ในการแก้ปัญหา อย่าสติแตก ผมไม่ลุกลี้ลุกลนกับปัญหาที่เกิดขึ้น ผมเคยเจอมาหลายรายที่เวลาเจอปัญหาแล้วสติแตก สุดท้ายมีแต่พัง ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ผมเก็บเอาตรงนี้มาเป็นบทเรียน ตั้งแต่ผมทำงานมายังไม่เคยเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ เพียงแต่เราหามันเจอเมื่อไหร่ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป แต่สุดท้ายทุกปัญหามีทางออก”

ตฤน จักคงธรรมกุล อย่ากลัวที่จะฝัน

 

ส่วนวิธีแก้ปัญหานั้น ตฤน เปิดเผยว่า ได้เปลี่ยนกล่องบรรจุภัณฑ์ เพิ่มสติกเกอร์ลายน้ำ ผิวกล่องเคลือบสารเรืองแสง และมีสัญลักษณ์ที่ทางบริษัทเท่านั้นเป็นผู้ทราบเมื่อทำการตรวจสอบสินค้า นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีเครื่องยิงเลเซอร์ที่แคปซูลของผลิตภัณฑ์นั้นๆ คัดกรองตัวแทนจำหน่ายเพียง 1 คนต่อ 1 จังหวัดเท่านั้น พร้อมได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้ผู้บริโภคได้ทราบโดยทั่วถึง ซึ่งการทำแผนการตลาดแบบนี้เป็นการทุ่มทุนแบบควักเนื้อ เพื่อปกป้องให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าที่ถูกต้อง

แม้วันนี้ชีวิตการทำงานของตฤนจะขึ้นมาสู่ตำแหน่งสูงของบริษัท ทว่าเขากลับมองว่าเขาเพิ่งจะเริ่มต้นทำความฝันที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง “ผมมาได้ไกลไหม ผมมองไกลกว่านี้เยอะ ตรงนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามองไกลไปได้อีก แต่ก็ไปเป็นขั้นๆ ผมฝันอยากเปิดมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา ผมจำเป็นต้องมีเงินเยอะพอสมควรถึงจะทำได้ ซึ่งไม่เกิน 5 ปี น่าจะเปิดได้ เพราะเป็นฝันที่ผมแพลนไว้มานานแล้ว ชีวิตการทำงานของผมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พ่อแม่เคยบอกไม่จำเป็นต้องเครียดขนาดนั้น เขาเลี้ยงผมได้ แต่ผมเล่นมาเยอะแล้ว เกเรมาสารพัดแบบ เลยอยากทดแทนทุกคนที่อยู่ในชีวิตผม ดังนั้น การทำงานผมต้องไปอีก”

ตฤน เล่าย้อนถึงชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นจุดหักเหของชีวิต จากลบกลายเป็นบวก และบวกๆ “ผมเรียนวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 3 ปี ผมเก็บหน่วยกิตได้แค่ 60 หน่วย ถ้าจะจบต้อง 140 กว่า ผมนั่งจ้องตัวเลขนี้แล้วจู่ๆ ผมก็มาคิดว่า เราจะใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ เราอายุ 20 แล้ว จะแบมือขอเงินพ่อแม่ต่อไปอีกเหรอ ท่านทำงานเหนื่อยมานานแล้วนะ และที่ผ่านมาผมก็กิน เที่ยว เล่น มาสารพัดแล้ว หลังจากนั้นผมก็ตั้งใจเรียน ใช้เวลาจบ 6 ปี และช่วงที่ทำโปรเจกต์ผมก็จับโปรเจกต์ที่ยาก จนเพื่อนๆ พูดกัน แต่ผมไม่สนใจ ตั้งแต่นั้นทุกคนก็มองว่าผมจริงจังกับชีวิต ซึ่งผมก็ยอมรับ เพราะผมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมานานแล้ว”

นับจากพ้นรั้วมหาวิทยาลัย ตฤนเก็บเกี่ยวกับประสบการณ์ทำงาน อาทิ ดูแลเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการขายของธนาคารพาณิชย์ ดูแลระบบการผลิตของรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ทำให้เขาตระหนักว่า การทำธุรกิจต้องมีทั้งบู๊และบุ๋น นอกจากจะต้องเชี่ยวชาญในสาขางานที่ทำแล้วยังต้องรอบรู้อีกด้วย ให้คนเห็นความสามารถของเรารอบด้าน “ผมทำงานในตำแหน่งซิสเต็ม เอนจิเนียร์ ดูแลระบบข้อมูลให้บริษัทมาหลายบริษัท ประสบการณ์การทำงานตรงนี้ช่วยซัพพอร์ตในวิธีคิด โดยใช้หลักเหตุผล เป็นขั้นเป็นตอน ตั้งโจทย์แก้ไขปัญหา ก็นำมาใช้กับงานนี้ได้

สำหรับคติประจำใจในการทำงานของผู้บริหารหนุ่ม มี 2 ข้อ คือ “The longer you wait for the future the shorter it will be. ผมจะไม่รออนาคตข้างหน้า แต่จะพยายาม ทำทุกวิถีทางให้ชีวิตครอบครัวสุขสบายขึ้น และทำให้ชีวิตของพนักงานดีขึ้นด้วย โดยไม่รออนาคตว่าวันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ ทุกอย่างอยู่ที่ลงมือทำ ส่วนอีกข้อคือ Let your dreams be bigger than your fears. คือคติที่ผมยึดถือมาโดยตลอด คือผมจะไม่นั่งฝันลมๆ แล้งๆ ซึ่งคนทั่วไปกลัวที่จะทำตามความฝันของเขา กลัวที่จะเริ่ม กลัวที่จะทำ กลัวที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะกลัวอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น แต่ผมคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่ผมฝันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่ผมกลัว ดังนั้น จึงต้องลงมือทำ”