posttoday

‘ผู้หญิงกับความหอม’ เจนนิสา คูวินิชกุล

08 สิงหาคม 2555

ใครที่เคยไปร่วมงานแต่งงานของ วุ้นเส้น วิริฒิพาชาคริต แย้มนาม

โดย...วราภรณ์ ภาพ : พงษ์ไทย วัฒนาวณิชย์วุฒิ

ใครที่เคยไปร่วมงานแต่งงานของ วุ้นเส้น วิริฒิพา-ชาคริต แย้มนาม คงจำกลิ่นหอมเย้ายวนของดอกไม้ขาวนานาชนิดของไทยได้ดี ซึ่งเป็นกลิ่นของเครื่องหอมจากแบรนด์ “ปริมมาลัย” ของนักธุรกิจสาวสวยหวานสไตล์ไทยๆ เก่งครบเครื่อง แจน-เจนนิสา คูวินิชกุล ผู้สร้างแบรนด์ “ปริมมาลัย” และ “เจนนิสา” ผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องหอมที่มีเอกลักษณ์อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจากดอกไม้ไทย ที่มีต้นกำเนิดในประเทศเขตร้อน สร้างสรรค์ภายใต้เครื่องหอมของไทยสไตล์ลักชัวรี “Luxury Fragrances for Body and Home” โดยมีแบรนด์ “เจนนิสา” วางจำหน่ายที่อังกฤษ ส่วน “ปริมมาลัย” วางจำหน่ายที่เซ็นทรัล ชิดลม

เจนนิสา ยอมรับว่า เรื่องกลิ่นหอมรวมทั้งการใช้ชีวิตของผู้คนที่พถิพิถัน ถือเป็นแฟชั่นทั้งเรื่องลุค ทาร์เก็ตกรุ๊ปที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิง แต่รวมทั้งผู้ชายยุคใหม่ที่ชื่นชอบความหรูหรา มีเรื่องราว และมีความลักชัวรีที่หายากของกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยๆ ซึ่งไม่ใช่ทุกประเทศจะมีเหมือน

“คนชอบมองว่า ความเป็นไทยคือราคาย่อมเยา แต่เราอยากทำให้สินค้าไทยเป็นสินค้าลักชัวรี เราจึงออกแบบหีบห่อให้ดูทันสมัย ใช้สีดำสีทองเพื่อให้ดูไม่คร่ำครึ ดูเท่ๆ โดยแจนวางปริมมาลัย คือ สัญลักษณ์ของแฟชั่น ส่วนเจนนิสา คือ สัญลักษณ์ความคลาสสิก แจนคิดว่าเรื่องแฟชั่นสะท้อนออกในเรื่องเครื่องหอมก็ได้ ไม่ใช่แค่กระเป๋า รองเท้า หรือเสื้อผ้าอย่างเดียว”

ด้วยเสน่ห์หอมเย้ายวนของกลิ่นดอกไม้ไทยทั้งสองแบรนด์ มีส่วนผสมหลักของกลิ่นหอมของดอกไม้จากภูมิภาคต่างๆ ของไทย ทำให้เครื่องหอมของเจนนิสาแตกต่างจากที่มีในท้องตลาด เช่น นำดอกลำเจียกจากนครศรีธรรมราช พิกุลจากพระนครศรีอยุธยา กระดังงาไทยจากแพร่ จำปาจากชัยภูมิ มะลิซ้อนจากนครปฐม และพุดซ้อนจากเชียงใหม่ ฯลฯ มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องหอม ที่มีเสน่ห์ความหอมเย้ายวนใจ ที่ไม่เหมือนกลิ่นหอมจากยุโรปกลิ่นใดในโลก

‘ผู้หญิงกับความหอม’ เจนนิสา คูวินิชกุล

 

สิ่งที่ทำให้เจนนิสาชื่นชอบความหอมของดอกไม้ไทย ก็เพราะตลอดชีวิตการทำงานหลายปีเธอทำงานร่วมกับผู้ชายเสียส่วนใหญ่ ในฐานะที่ปรึกษาด้านการลงทุนในบริษัทข้ามชาติ เวลาพักผ่อนก็อยากพักผ่อนอย่างมีคุณภาพและพิเศษสุด

“คุณพ่อของแจนทำธุรกิจอะลูมิเนียม แต่แจนศึกษาจบด้านการเงินและการธนาคาร จากจุฬาฯ ก็ช่วยคุณพ่อทำธุรกิจด้านอะลูมิเนียมอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ไปศึกษาต่อปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด ด้านบริหารธุรกิจ จากนั้นก็ไปทำงานด้านที่ปรึกษาการเงินและการทำธุรกิจ ที่ฮ่องกงนาน 4 ปี และย้ายไปอีกหลายประเทศ

ตลอดระยะเวลาที่ทำงาน แจนทำงานร่วมกับผู้ชายมาโดยตลอด และทำงานค่อนข้างหนัก เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุน เวลาพักผ่อนเราก็พักผ่อนเต็มที่ เพราะมันเป็นวัฒนธรรมของเขา แจนชอบไปท่องเที่ยวเกาะ ได้ไปเกาะมาเยอะมากเกือบทั่วโลก ตั้งแต่เม็กซิโกยันบาหลี ลองสปาเยอะมากและชอบ รู้สึกเราได้รีแลกซ์จริงๆ

ความชอบนี่ทำให้แจนรู้ว่า ลูกค้าชอบอะไร โปรดักต์ที่ดีคืออะไร อีกทั้งแจนอยากทำธุรกิจให้ประเทศไทยได้ด้วย อยากให้คนไทยภูมิใจกับสิ่งที่เราทำ อีกทั้งดอกไม้ไทยกับสปาของไทยผู้คนให้การยอมรับไปทั่วโลก ออกสู่ตลาดโลกชาวต่างชาติก็ยอมรับ เพราะมันมีมูลค่าและคุณภาพที่ดี มีเรื่องราวมีเนื้อหาทั้งวัฒนธรรมไทยที่ดี เราสามารถต่อยอดได้”

แบรนด์ “เจนนิสา” วางขายที่อังกฤษ แตกต่างจาก “ปริมาลัย” ที่วางในไทย เนื่องจากคนอังกฤษมีไลฟ์สไตล์ชอบนอนอาบน้ำในอ่าง เธอจึงออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นน้ำมันหอมละเหย หยดลงไปในอ่างน้ำ น้ำจะเปลี่ยนสีและมีกลิ่นหอม เน้นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งยังไม่มีใครทำ แต่ปริมมาลัยจะขายกลิ่นหอมดอกไม้ไทยๆ ซึ่งยังไม่มีใครทำเช่นกัน

“แจนมีนักปรุงกลิ่นที่เก่งมากเป็นชาวอังกฤษ เพื่อทำผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับชาวอังกฤษและคนยุโรป อีกส่วนเป็นผู้เชี่ยวชาญไทยในเรื่องกลิ่นหอมของดอกไม้ไทยๆ ที่หายาก เรามีการผสมผสานกลิ่น เช่น มะลิ พุดซ้อน โมก กระดังงาไทย ไว้ด้วยกัน

จริงๆ กลิ่นดอกไม้ไทยมีกลิ่นหอมๆ เยอะมากๆ เช่น พิกุลหน้าร้อน หน้าฝน หน้าหนาวก็มีกลิ่นไม่เหมือนกัน การรวมตัวของดอกไม้ขาว เช่น โมก พุดซ้อน อย่างงานแต่งงานคุณวุ้นเส้นกับคุณชาคริต เราได้นำกลิ่นดอกไม้ขาวไปใช้ในงานนั้น ทำให้หอมตลบอบอวลไปทั้งงาน เปรียบเหมือนความรักสีขาวที่บริสุทธิ์ นอกจากกลิ่นหอมแล้วกลิ่นดอกไม้ไทย เช่น กระดังงา ยังช่วยเรื่องการไทยช่วยผ่อนคลาย ลดความเจ็บปวด แต่คนไทยไม่รู้ซึ่งน่าเสียดาย”

เจนนิสา เห็นว่า เรื่องกลิ่นหอมเป็นการสะท้อนรสนิยมที่ดีของไทย “ดอกไม้ไทยๆ คือลักชัวรี มันมีเรื่องราว มีวัฒนธรรม ซึ่งใช้มานานเป็นร้อยๆ ปี และมีรสนิยมมากๆ เราทำแบรนด์มาประมาณ 6 เดือน ชาวยุโรป อาหรับ ชอบมากๆ ลาเวนเดอร์ใครก็รู้จัก แต่กลิ่นหอมดอกไม้ไทยๆ นี้ต่างชาติไม่เคยรู้จัก

‘ผู้หญิงกับความหอม’ เจนนิสา คูวินิชกุล

 

จริงๆ ผู้หญิงกับกลิ่นหอมก็ไปด้วยกัน เรามีการศึกษาวิจัยก่อนวางสินค้า ตอนทำแบรนด์ เราจะนำความเป็นไทยไปเสนอฝรั่งอย่างไรให้ดูมีระดับ ทั้งการออกแบบดีไซน์ขวด โลโก้ที่ดูดี ผลิตภัณฑ์ดูออกมาอินเตอร์ แต่เป็นโปรดักต์ของคนไทย มีการดูดความรู้ของเมืองนอกมา เพื่อทำให้วงการเครื่องหอมของเมืองไทยพัฒนาดีขึ้น”

สไตล์การแต่งตัวของสาวนักบริหาร เป็นสไตล์หวานอมเปรี้ยว ด้วยอยากให้ลุคของตัวเองออกมาเป็นผู้หญิงทำงาน การแต่งกายจึงออกในแนวกระฉับกระเฉง ไอดอลด้านการแต่งกาย คือ เจ้าหญิงเกรซ แห่งโมนาโก

“มีคนบอกว่าเรามีบุคลิกที่หวาน แต่แจนพยายามแต่งไม่ให้หวานจนเกินไป ให้อมเปรี้ยวนิดๆ แบรนด์เสื้อผ้าที่สะท้อนความเป็นตัวเองมากที่สุด คือ ชาแนล เก๋ๆ แอบเปรี้ยวบ้าง ส่วนรองเท้าต้องคริสติยอง ลูบูแตง ส่วนกระเป๋าต้องแอร์เมส ทุกแบรนด์ที่แจนชอบมักมีเรื่องราวมาจากไอดอลด้านแฟชั่นคนโปรด คือ เจ้าหญิงเกรซ แห่งโมนาโก ซึ่งเป็นต้นแบบของกระเป๋าเคลลี (นามสกุลเดิม) ยี่ห้อแอร์เมส ซึ่งเป็นกระเป๋าที่มีตำนาน มีความเป็นมา”

5 ไลฟ์สไตล์ ของสาวนักบริหาร

กระเป๋าแอร์เมส : ด้วยทำงานหนัก ไลฟ์สไตล์ของแจน เวลาพักผ่อนแจนชอบไปท่องเที่ยวสถานที่เก๋ๆ ระดับ 5 ดาว โดยเฉพาะเกาะ ชอบไปเที่ยวแบบไฮเอนด์ เพื่อเก็บเกี่ยวมาพัฒนาแบรนด์ของเรา เวลาไปทำงานต่างประเทศ แจนจะเตรียมกระเป๋าที่อเนกประสงค์ทั้งท่องเที่ยวก็ได้ ทำงานก็ได้ เช่น ใบนี้มีสายคล้องทั้งสั้นและยาว ใบไม่ใหญ่นักแต่จุของได้เยอะมาก ชอบแอร์เมส เพราะแบรนด์มีความคลาสสิก รุ่นที่ดังของแอร์เมส คือรุ่นเคลลีใบนี้ล่ะค่ะ

ปากกา : เวลาทำงานหรือเดินทางก็ต้องพกติดตัวไว้เซ็นเอกสารต่างๆ ด้ามนี้ของมงต์บลอง รุ่นเกรซ เคลลี ทำขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองให้เจ้าหญิงเกรซ ออกแบบเป็นดาวสีม่วง มีจิวเวลรีติดอยู่ สะท้อนบุคลิก ถือเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่ง

รองเท้า : เวลาเดินทางไปประชุมหรือท่องเที่ยว แจนต้องนำรองเท้า 5 คู่ติดตัวไป ทั้งรองเท้าทำงาน รองเท้ากลางวันกลางคืน มีทั้งส้นสูงยันส้นเตี้ย เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสม รองเท้าช่วยเสริมบุคลิกของผู้หญิง แต่ละคู่เหมาะกับเสื้อผ้าไม่เหมือนกัน

ผ้าคลุมไหล่ : แจนชอบผ้าคลุมไหล่ ช่วยกันหนาว และเรียบร้อยด้วย แจนชอบมากเวลาคนขายเล่าเรื่องราวของผ้าแต่ละผืน เช่น ทำนานแค่ไหน ใช้ขนอะไร เวลาฟังแล้วประทับใจ แจนจะซื้อเก็บไว้หมดเลย มีตั้งแต่ผ้าขนสัตว์ของอินเดีย บางผืนทำจากขนจามรี ซึ่งหายากมาก แต่เนื้อนุ่มเป็นงานแฮนด์เมดและมีเรื่องราว

เครื่องหอม : เวลาเดินทางสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ เทียนหอม กับครีมทามือของปริมมาลัย เพราะเวลาเดินทางรู้สึกเหนื่อยๆ กลิ่นหอมของเทียนที่จุดในห้อง หรือครีมทามือก็ช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้