posttoday

ฝันไกลๆ แล้ววิ่งไปให้ถึง อภิสัณห์ อยู่กิจติชัย

11 กรกฎาคม 2555

“ผมเสพติดการแข่งขันไปแล้ว และผมตั้งใจว่าจะเข้าแข่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รางวัลชนะเลิศจากเวทีเวลลา อินเตอร์เนชันแนล เทรนด์ วิชัน อะวอร์ด”

โดย...พุสดี สิริวัชระเมตตา

“ผมเสพติดการแข่งขันไปแล้ว และผมตั้งใจว่าจะเข้าแข่งไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รางวัลชนะเลิศจากเวทีเวลลา อินเตอร์เนชันแนล เทรนด์ วิชัน อะวอร์ด”

นี่คืออีกหนึ่งความมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มอนาคตไกลม่อน-อภิสัณห์ อยู่กิจติชัย ในฐานะ Gold Winner Award Wella Trend Vision Thailand 2010 ที่ไม่ยอมหมดหวังกับเวทีการประกวดเพื่อเฟ้นหาแชมป์ผมระดับโลกนี้ แม้จะพลาดหวังมาแล้ว แต่ด้วยประสบการณ์และรางวัลจากหลายเวที อาทิ แชมป์ผมแห่งประเทศไทย จากสมาคมศิลปะและเทคนิคการแต่งผมโลก C.A.T.ประเทศไทย และแชมป์ผมโลก จากเวที “2006 C.A.T. World Festival” ณ เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ ตั้งแต่อายุ 16 ปี

นอกจากนี้ ยังได้เข้าร่วมงานสำคัญของวงการช่างผมมากมาย เช่น คณะกรรมการตัดสินงาน C.A.T. Hair Contest Thailand ปี 2007, ประธานโชว์สมาคมผมโลกชั้นสูงประเทศฝรั่งเศส HAUTE COIFFURE FRANCAISE (ประเทศไทย) ปี 2007 และ รองประธานคณะกรรมการตัดสินงาน C.A.T. Thailand World Hair and World Beauty Festival ปี 2008 ทำให้แฮร์สไตลิสต์ไฟแรงวัย 24 ปี เชื่อว่าตราบที่ยังมีไฟจะขอกลับไปคว้ารางวัลแห่งความภาคภูมิใจนี้มาครองให้ได้ ซึ่งแม้จะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องประชันฝีมือกับช่างผมจากหลายสิบประเทศ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา

ฝันไกลๆ แล้ววิ่งไปให้ถึง อภิสัณห์ อยู่กิจติชัย

 

ย้อนกลับไปวัยเด็กของ ด.ช.ม่อน แทบไม่น่าเชื่อว่า เขาเคยคิดที่จะถอนตัวจากทางโลกและเข้าสู่ทางธรรมแบบไม่สึก เพราะซึ้งในรสพระธรรม เมื่อครั้งบวชเณรภาคฤดูร้อนที่บ้านเกิด จ.ราชบุรี ตอนอายุ 9 ขวบ จนกระทั่งได้นักธรรมโท แต่ด้วยมหาเถรสมาคมมีกฎใหม่ว่าสามเณรทุกรูปต้องจบชั้น ป.6 ก่อน จึงจะมาบวชได้ ความตั้งใจของ ด.ช.ม่อน ซึ่งตอนนั้นเพิ่งจบชั้น ป.4 จึงต้องมีอันเปลี่ยนแปลง

“หลังจากสึกออกมาตอนอายุ 11 ขวบ ผมก็ต้องไปเรียนต่อศึกษาผู้ใหญ่เพื่อให้ทันเพื่อน แต่ปรากฏว่าพอไปเรียนจริงผมไม่ชอบสังคมที่ไปเรียน เลยตัดสินใจมาคุยกับคุณแม่ ซึ่งตอนนั้นที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับทำตุ๊กตา คุณแม่เลยให้ไปเรียนตัดเสื้อผ้าไว้ตัดเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาใส่ ซึ่งตอนไปเรียนผมก็ชอบมาก เพราะเป็นคนที่ชอบคิด ชอบสร้างสรรค์ แต่พอเรียนได้ 2 ปี คุณแม่ก็ไปดูหมอดู ปรากฏว่า เขาแนะนำว่าให้ผมไปเรียนทำผมแล้วจะได้แชมป์ผมโลก ตอนนั้นผมก็แบบไม่เอา แอบไม่เชื่อ เพราะเราก็ชอบด้านตัดเย็บ แต่คุณแม่ก็บังคับให้ไปเรียนจนได้”

ความรู้สึกวันแรกที่ชีวิตต้องพลิกผันไปเรียนวิชาตัดผมตอนอายุ 14 ปีนั้น ม่อนเล่าว่า ยังจำได้ดีกลับคำถามที่เกิดขึ้นในใจ... “ฉันมาทำอะไรที่นี่ มานั่งม้วนโรลล์ สระผม” แต่พอเรียนไป เรียนมาได้ 2 ปี ความรู้สึกไม่ชอบกลับหายไป กลายเป็นความชอบ โดยเฉพาะวิชาเกล้าผม ซึ่งนักเรียนจะได้ใส่ไอเดียโชว์ความคิดสร้างสรรค์ และเมื่อความรักในวิชาชีพเกิดขึ้น ม่อนก็เริ่มเดินตามเส้นทางของอาชีพนี้ ตั้งแต่การเข้าสู่วงการการประกวดเวทีแรกตอนอายุ 15 ปี ด้วยการปลอมตัวไปแอบสมัครเวทีชิงแชมป์ผมภาคใต้ จนได้รางวัลรองแชมป์อันดับสองมาครอง ก่อนจะก้าวเข้าสู่เวทีที่ใหญ่ขึ้นเป็นระดับประเทศ และระดับโลกอย่างในปัจจุบัน

“ด้วยความที่เราเข้าสู่สายอาชีพนี้เร็ว ทำให้ไม่ว่าไปเวทีไหนเราก็อายุน้อยสุดตลอด (หัวเราะ) อย่างตอนนี้ที่ผมประกวดเวลลา ผมก็ยังอยู่ในรุ่นยังทาเลนต์ เรียกว่ายังมีเวลาอีกหลายปีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ แต่ผมก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะประกวดจนกว่าจะได้แชมป์โลกมาให้ได้”

แน่นอนว่า ด้วยความที่คลุกคลีกับเรื่องความสวยความงามมาตลอด ในมุมมองของแฮร์สไตลิสต์หนุ่มจึงมองว่า ทรงผมเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยสำหรับคุณผู้หญิง เพราะถ้าเน้นแต่การแต่งตัว จัดเต็มมาพร้อม แต่ทรงผมดูยุ่งเหยิงก็เปล่าประโยชน์ เพราะทรงผมก็เปรียบเหมือนมงกุฎ เหมือนเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของผู้หญิงที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษไม่ต่างกับเสื้อผ้าหรือใบหน้า

ส่วนสไตล์การแต่งตัวของหนุ่มม่อนนั้น ขอย้ำว่าถึงจะเป็นช่างผมแต่เน้นว่าไม่เยอะ เพราะม่อนบอกว่า แต่ก่อนช่างผมจะตัดผมทรงแปลกๆ ทำสีจัดๆ ซึ่งแต่ก่อนก็เคยทำอยู่พักนึง แต่ตอนหลังคิดว่าถ้าคนเป็นช่างผมแล้วทำให้อะไรเยอะๆ กับผมจะดูไม่เหมือนช่างผม ดูไม่น่าเชื่อถือ ม่อนเลยเลือกที่จะเน้นคอนเซปต์แต่งตัวเซอร์ๆ แต่ดูมีสไตล์ ถ้าวันไหนอยากมีลูกเล่นที่ผมอาจจะหวีผมเปียกมาแทน

อย่างไรก็ตาม ใครก็ตามที่อยากมีทรงผมสวยหล่อจากฝีมือของแฮร์สไตลิสต์อนาคตไกล ดีกรีแชมป์โลก ก็ลองมาใช้บริการได้ที่โมสาช ซาลอน ซึ่งตอนนี้มีให้บริการ 2 สาขา คือสาขาชลบุรี ตรงสี่แยกคิวรถตู้กรุงเทพฯ คอนซูล สี่แยกฮะเส็งฮวด และสาขากรุงเทพฯ ตรงสะพานลอย ก่อนถึงตึกมาลีนนท์ หรือโทร 08-1009-9588