posttoday

ชีวิตมีรส (ชาติ) ของอรจนา เคหสุขเจริญ

20 กุมภาพันธ์ 2555

แซนดี้อรจนา เคหสุขเจริญ จบปริญญาตรี อักษรศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโท

แซนดี้อรจนา เคหสุขเจริญ จบปริญญาตรี อักษรศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโท

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

แซนดี้อรจนา เคหสุขเจริญ จบปริญญาตรี อักษรศาสตร์ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบปริญญาโท ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่แลงคาสเตอร์ ยูนิเวอร์ซิตี ประเทศอังกฤษ จากนั้นกลับมาต่อเอ็มบีเอที่ศศินทร์ รวมทั้งปริญญาบัตรด้านการทำอาหารจากกอร์ดองเบลอ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันทำธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านส้มตำไฮโซ แนวอีสานไลฟ์สไตล์หลากหลายเมนูที่พาราไดซ์ พาร์ค ชื่อ “ตะละลำตำตำ”

“การทำอาหารเหมือนการวาดรูป ที่ต้องมีทั้งวิธีการ เทคนิค และการฝึกฝน ยิ่งทำยิ่งรู้ ยิ่งรู้ยิ่งสนุก รสชาติของชีวิตที่เติมแต่งให้เรามีความสุข รสชาติของชีวิตที่เติมเต็มเรา” แซนดี้ กล่าวถึงการทำอาหารที่เธอรัก

จำไม่ได้ว่ารักชอบการทำอาหารมาแต่เมื่อไหน แต่สมัยเด็กๆ จำได้ว่าชอบไปขลุกกับพี่เลี้ยงที่ในครัว คอยหยิบช่วยจับ ช่วยหั่นขำขำอะไรก็ตามที่พี่เลี้ยงโยนให้ ได้อยู่หน้าเตา อยู่หน้ากระทะแล้วมีความสุข มาทิ้งช่วงไปตอนเรียนหนังสือ จากมาแตร์เดอีไปต่อมัธยมปลายที่เตรียมอุดมศึกษา ก็แทบไม่ได้เข้าครัวอีก ยิ่งเรียนจุฬาฯ ยิ่งไม่ได้เยี่ยมกรายเข้าไปเลย มาเข้าครัวอีกครั้งเมื่อไหร่น่ะรึ? โน่นแน่ะ...ตอนไปเรียนอังกฤษ

ชีวิตมีรส (ชาติ) ของอรจนา เคหสุขเจริญ

เจ้าตัวเล่าต่อว่า ไปหัดทำอาหารไทยแบบจริงๆ จังๆ ก็เมื่อห่างบ้านไปไกลถึงยุโรป โชคดีได้เพื่อนร่วมห้องที่ชอบทำชอบรับประทานเหมือนๆ กัน รูมเมตมี 3 คน รวมแซนดี้เป็น 4 คน มีแซนดี้คนเดียวเป็นคนไทย ทำอาหารไทย ส่วนอีก 3 คน เป็นกรีซทั้งหมด มีอยู่คนหนึ่งที่ชื่นชอบการทำอาหารเหมือนกัน รูมเมตคู่นี้จึงมีโอกาสได้ประลองฝีมือทำอาหารกันบ่อยครั้ง ไทยปะทะกรีซ ผลออกมาเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่ารูมเมตอีก 2 คน อ้วนเอา อ้วนเอา

“ชอบทำอาหารมาก ถึงขนาดว่าซื้อตู้เย็นเป็นของตัวเอง 1 เครื่องที่นั่น ตุนวัตถุดิบต่างๆ ให้เพียงพอต่อการทำอาหาร โดยซื้อจากร้านกรีเซอรีชาวจีนที่โน่น ซึ่งต้องบอกว่าเพียบพร้อมมาก ต้องการอะไรมีขายหมด แซนดี้หัดทำอาหารแบบลองผิดลองถูก อาหารกรีซก็อร่อยมาก แต่ขอโทษเถอะ เพื่อนๆ ที่นั่นชอบอาหารไทยค่ะ” แซนดี้ เล่ายิ้มๆ

เบื้องหลังของการหัดทำอาหาร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ช่วงแรกไปอยู่อังกฤษ น้ำหนักตัวขึ้นไปทุบสถิติสูงสุด (ฮา) 72 กิโลกรัม ขึ้นไป 12 กิโลกรัม ภายใน 3 เดือน ใจหายก่อนจะหันมาหัดทำอาหารไทยที่เน้นเครื่องเทศ ไร้นมเนย ก่อนที่น้ำหนักจะพุ่งพรวดไปกว่านี้ โชคดีที่น้ำหนักลดลงได้หลายกิโลขีด พร้อมกับฝีมือการทำอาหารที่พัฒนาไปเร็วจนเลื่องลืออย่างที่เล่า

“จะเน้นพวกยำเป็นหลัก พวกแกงป่า แกงเลียง สูตรและวิธีทำดูจากอินเทอร์เน็ต เปิด (คอมพ์) ไป ทำไป ไม่ยากเลย รสชาติที่เราชอบ ก็ปรับแต่งรสมือเอานิดๆ หน่อยๆ อาหารไทยเป็นอาหารที่มีเสน่ห์ มีรสชาติเป็นสากล ต่างชาติที่มีโอกาสได้ชิม จะบอกเป็นเสียงเดียวว่า อร่อย” แซนดี้ เล่า

อยากเล่าถึงอาหารกรีซ ในระหว่างเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ ได้กินบ่อย เป็นอาหารจำพวกคล้ายกับอาหารตะวันออกกลาง โดยจะมีมูสซากา หน้าตาออกแนวลาซานญานิดๆ อร่อยมาก พวกกรีซจะชอบใช้มะเขือม่วงแทนเส้นหรือแทนแป้ง แล้วก็ทำอาหารประเภทเนื้อได้อร่อยมากๆ อีกอย่างที่เห็น (กิน) บ่อย คืออาหารจำพวกกริลล์เป็นไม้ๆ คล้ายบาร์บีคิว แต่จะมีเครื่องจิ้ม (ดิพ) ให้เลือกเยอะกว่า และอร่อยกว่าสำหรับคนที่ชอบ

ชีวิตมีรส (ชาติ) ของอรจนา เคหสุขเจริญ

แล้วเพื่อนๆ ชอบอาหารไทยแบบไหน แซนดี้ ตอบว่า ส่วนใหญ่จะชอบข้าวเหนียวมะม่วง (ฮา) อยู่ที่นู่นมูนข้าวเหนียวเอง พวกแกง (Curry) ก็ชอบ โดยเฉพาะแกงเขียวหวานไก่ แกงมัสมั่น เวลาปรุงรสจะไม่ทำเผ็ดมาก ออกหวานมากกว่า เพราะไม่แต่เพื่อนชาวต่างประเทศที่ไม่กินเผ็ด ตัวแซนดี้เองก็ไม่กิน เชื่อไหมว่าตั้งแต่เกิดมาจนโตไปเรียนที่อังกฤษไม่เคยกินพริกแม้แต่เม็ดเดียว ไปเรียนอยู่ 2 ปี นอกจากปริญญาโทแล้ว คือความสามารถในการกินเผ็ด (ได้)

กลับเมืองไทยทำงานออฟฟิศอยู่หลายพัก แต่ที่สุดก็ทนเสียงหัวใจเรียกร้องไม่ไหว (ฮา) ตัดสินใจเปิดร้านอาหารไทยสไตล์อีสาน ที่คนไทยกินได้ง่ายๆ ไม่คิดมาก ส้มตำร้านนี้เน้นการตกแต่งและบรรยากาศที่ดี ขณะที่รสชาติคงแซ่บและจัดจ้านตามแบบฉบับอีสานออริจินัล ร้านแรกเปิดเมื่อ 5 ปีก่อนที่โครงการซูซูกิ อเวนิว รัชโยธิน ล่าสุดเปิดสาขาใหม่ที่พาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ นั่นเอง

ร้านส้มตำโมเดิร์น จัดวางระบบอย่างมั่นคง โดยมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาและต่อยอดทางธุรกิจได้ด้วยตัวของมันเอง ขณะเดียวกันก็มีหน้าที่ในการสร้างความพอใจ เติมเต็มรสชาติและความสุขให้กับทุกคนที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยือน จะทำหน้าที่นั้นได้หรือไม่ คงต้องให้ลูกค้าเป็นผู้ตอบ ส่วนหน้าที่เติมเต็มรสชาติและความสุขให้กับเจ้าของร้านน่ะ...ทำได้สมบูรณ์แล้ว

5 รสชาติเติมเต็มชีวิต

1.อรวรรณ เคหสุขเจริญ

คุณแม่เป็นต้นแบบของการใช้ชีวิต ทั้งในแง่มุมการทำงาน และในแง่มุมการใช้ชีวิตส่วนตัว แม่เปี่ยมด้วยพลัง ไม่ยอมแม้แต่จะเหน็ดเหนื่อย เพื่อทุ่มเทให้กับธุรกิจ ครอบครัว และการดูแลทุกๆ คนในบ้าน

2.ประภาส ชลศรานนท์

คมความคิด การแก้ปัญหาที่เฉียบขาด และการเลือกที่จะมอง คือมุมในการมองที่ได้ใจมากๆ สำหรับแซนดี้ หลายครั้งทำให้คิดได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้ได้คิด

ชีวิตมีรส (ชาติ) ของอรจนา เคหสุขเจริญ

3.ท่าน ว.วชิรเมธี

ธรรมะที่พูดง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ และทำให้คนเข้าถึงง่ายๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ที่เมื่อเรียนรู้ธรรมะจากคนที่พูดภาษาเดียวกัน ก็ทำให้ธรรมะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

4.ออเดรย์ เฮปเบิร์น

สไตล์ของหญิงผู้ยืนยง เธอและลุคของเธออยู่ในใจผู้คนทั่วโลก ความน่าประทับใจที่ยังคงร้อยอยู่กับกาลเวลา ยิ่งกว่านั้นยังงดงามด้วยจิตใจที่ทุ่มเทเสียสละเพื่อเพื่อนมนุษย์

5.แองเจลินา โชลี

จากเด็กมีปัญหาสามารถพลิกกลับชีวิตได้ และเมื่อให้ได้ก็ให้ โชลีให้ความช่วยเหลือผู้คนในต่างกรรมต่างวาระ ภาพลักษณ์ดี มีเสน่ห์ รักเด็ก แถมเล่นหนังก็เก่ง