posttoday

‘ทำวันนี้ให้ดีที่สุด’ หลักทำงาน วลัยทิพย์ จรณะจิตต์

01 สิงหาคม 2554

อีกไม่นานบนถนนวิทยุอันร่มรื่นจะเกิดคอนโดมิเนียมสุดหรูขนาดใหญ่ “โอเรียนเต็ล เรซิเดนซ์”

อีกไม่นานบนถนนวิทยุอันร่มรื่นจะเกิดคอนโดมิเนียมสุดหรูขนาดใหญ่ “โอเรียนเต็ล เรซิเดนซ์”

โดย...วราภรณ์

อีกไม่นานบนถนนวิทยุอันร่มรื่นจะเกิดคอนโดมิเนียมสุดหรูขนาดใหญ่ “โอเรียนเต็ล เรซิเดนซ์” บริหารงานโดย ทิพย์วลัยทิพย์ จรณะจิตต์ ทายาทนักธุรกิจหมื่นล้านแห่งอิตาเลียนไทย อดีตนักกฎหมายระดับมันสมองที่สอบได้เนติบัณฑิตติดกลุ่ม 30 อันดับแรก ของเนติบันฑิตสภาไทย ปี พ.ศ. 2546 และปริญญาโทด้านกฎหมายจาก Northwestern School of Law เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา ที่ผันตัวเองมานั่งเก้าอี้บริหารโดยรั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท สินทรัพย์ช่างเหมาไทย จำกัด ผู้พัฒนาและบริหารโอเรียนเต็ล เรซิเดนซ์ กรุงเทพฯ โครงการคอนโดมิเนียม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สูง 32 ชั้น บนถนนวิทยุ โครงการที่น่าจับตามอง โปรเจกต์ใหญ่บนพื้นที่สีเขียวทำเลทองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะรายรอบไปด้วยที่พำนักของท่านทูตเนเธอร์แลนด์ และท่านทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

“ก่อนที่จะมารับตำแหน่งนี้ ทิพย์เคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการแบรนด์น้ำผลไม้ AC Fresh ในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่บริษัท อิตัลไทยอุตสาหกรรม ซึ่งก็เป็นธุรกิจของเรา แต่ตอนนี้คุณแม่มอบหมายให้ทิพย์มาทำโครงการโอเรียนเต็ล เรซิเดนซ์ กรุงเทพฯ เพื่อให้บริการห้องเช่าแก่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีแม่บ้าน ซึ่งจุดแข็งของเราอย่างแรกคือโลเกชันที่อยู่บนวิทยุ และคอนโดมิเนียมมีบริการอำนวยความสะดวกหลายอย่าง เช่น บริการจัดปาร์ตี้ จัดดอกไม้ในห้องให้สวยงาม มาปรุงอาหาร เพื่อเพิ่มให้กับลูกค้าเพื่อให้ดูแตกต่าง เพราะใครๆ ก็อยากได้อะไรที่เอกซ์คลูซีฟ ตอนนี้ลูกค้าเริ่มมองหาความสะดวกสบาย เพราะชีวิตเราก็สั้นแค่นี้ ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่สุด และสะดวกสบายที่สุด”

‘ทำวันนี้ให้ดีที่สุด’ หลักทำงาน วลัยทิพย์ จรณะจิตต์

สาวสวยทายาทโรงแรมหรู คลื่นลูกใหม่แห่งวงการเรียลเอสเตท ทายาทลำดับ 2 ของ อดิศร และนิจพร จรณะจิตต์ หัวเรือใหญ่แห่งอิตาเลียนไทย เล่าว่าโครงการนี้เธอปั้นมากับมือ เริ่มตั้งแต่ฟอร์มบริษัท เจรจาขอเช่าที่ดิน จนปัจจุบันอาคารใกล้เสร็จปลายปีนี้ วลัยทิพย์เล่าว่า ครอบครัวได้ที่ดินผืนนี้มา ซึ่งมีผู้เช่าเดิมคือสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย กับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่หมดอายุลง ครอบครัวเลยตั้งบริษัทใหม่เพื่อทำหน้าที่พัฒนาที่ดินผืนนี้ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ครอบครัวจึงมองเรื่องการทำเรียลเอสเตทสร้างคอนโดมิเนียมที่พักอาศัย โดยมีอิตัลไทยกรุ๊ปเป็นผู้ดูแล งานนี้ครอบครัวจึงมอบหมายให้เธอมาดูแลโปรเจกต์นี้ซะเลย

“ทิพย์เจรจาขออนุญาต จนได้สิทธิในการพัฒนาที่ดินพื้นนี้ มีการแข่งขันออกแบบอาคาร โดยเราอยากได้คอนเซปต์ โรงแรมกึ่งอพาร์ตเมนต์ก็มีการดีไซน์ที่สวยงามรูปแบบอาคารทันสมัย ตัวอาคารสร้างเป็นเหมือนต้นไม้ต้นหนึ่ง ส่วนที่จอดรถใต้ดินเหมือนรากของต้นไม้ ตัวอาคารสูงเปรียบดั่งลำต้น ชั้น 621 เปรียบเหมือนกิ่งก้านสาขา ตัวอาคารติดกระจกเพื่อให้เห็นภาพสะท้อนของต้นไม้ที่อยู่รายรอบขึ้นมาบนตึก” งานนี้นับว่าเป็นงานที่ท้าทาย เพราะมีเพื่อนบ้านที่ทำธุรกิจคล้ายๆ กันเยอะบนถนนเส้นนี้ แต่เธอมั่นใจว่าคอนโดมิเนียมของเธอมีจุดแข็งตรงวิวดี และมีบริการเยี่ยมตอบโจทย์คนใช้ชีวิตยุคใหม่ได้ดี

สำหรับหลักการทำงานของวลัยทิพย์กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ เธอมีหลักการทำงานง่ายๆ ที่ได้รับการปลูกฝังจากคุณตาชัยยุทธ์ กรรณสูต รวมทั้งคุณพ่อและคุณแม่คือ พยายามทำวันนี้ให้ดีที่สุด

“ตอนเด็กๆ เวลาไปเที่ยวคือ จะไปตามไซต์ก่อสร้างซะเยอะ เพราะคุณพ่อคุณแม่และคุณตา สอนเรื่องการบริหารการโรงแรมเยอะมาก ทำให้ทิพย์ได้เห็นวิธีการทำงานของท่านคือ ทำงานหนัก ทุ่มเทกับการทำงานมาก คุณตาสอนไว้เสมอคือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทั้งเรื่องเรียนและการทำงาน อ่านหนังสือเยอะก็จะได้ผลสอบที่ดี”

สำหรับการบริหารลูกน้อง วลัยทิพย์ใช้หลักคือ การใช้ลูกน้องให้เหมาะกับสิ่งที่ทำ เพราะเธอยอมรับว่ามีบางสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมาก โดยอาศัยการเรียนรู้จากผู้ที่เก่งและมีประสบการณ์ในงานด้านนั้นๆ

“ทิพย์ค่อนข้างยอมรับผู้อื่น ใครเป็นผู้รู้ด้านไหน เราดึงคนนั้นมาช่วยบริหารงาน เพราะเราไม่สามารถควบคุมดูแลงานทุกอย่างได้ ทำงานก็ต้องมีวิธีพูดคุย เราต้องใช้ความเกรงใจและให้เกียรติผู้อื่น แม้เขาจะเป็นลูกน้องเราก็ตาม เพื่อเขาจะได้ให้ใจกับเราอย่างเต็มที่” เป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อายุยังน้อยเพียง 28 ปี แถมยังอ่อนหวานและนุ่มนวลแต่คุณสมบัติเหล่านี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงาน เพราะเธอใช้วิธีเรียนรู้ และถือว่าอุปสรรคต่างๆ เป็นบททดสอบที่ทำให้เธอได้เข้าใจถึงวิธีการบริหารงานมากขึ้น

“อุปสรรคแรกที่พบตั้งแต่ทำโครงการคือ การขออนุญาตสร้างอาคารกับองค์กรสิ่งแวดล้อม ก่อนสร้างต้องได้รับการยินยอมจากเพื่อนบ้านทั้งสถานทูตสหรัฐอเมริกาและสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ต้องอาศัยการเจรจา จนผ่านพ้นไปในที่สุด” ความสำเร็จเหล่านี้อาจได้มาจากการมีที่ปรึกษาที่ดี คือคุณแม่ที่ให้คำแนะนำตลอด บอกทิศทางที่ควรเดิน สิ่งที่วลัยทิพย์ได้เรียนรู้จากคุณแม่คือ กัดไม่ปล่อย ปัญหามีหลายเปลาะ เจอเปลาะแรกอย่างเพิ่งท้อแท้ แล้วก็จะค่อยๆ แก้ปัญหาจนมีทางไป”

เป็นถึงนักบริหารและนักพัฒนาจะมามัวคร่ำเคร่งกับการทำงานเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ วลัยทิพย์มีวิธีจัดชีวิตให้สมดุลคือ รู้จักจัดเวลาให้พอดีพอเหมาะทั้งเวลาทำงานและหาเวลาพักผ่อน

“ทิพย์พยายามจัดชีวิตให้สมดุลเท่าๆ กัน ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง วันนี้มีเวลาเท่านี้ แต่ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีเวลานั้นอีกหรือเปล่า เราอย่าละเลยด้านใดด้านหนึ่ง การไปท่องเที่ยวต่างประเทศจำเป็นเพราะโลกภายนอกมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การเดินทางไปต่างประเทศ ช่วยให้เราเปิดหูเปิดตา เราได้ไปเห็น ได้เปิดโลกให้กว้างขึ้นและพัฒนางานให้ดีขึ้นได้”